HELLO! INSPIRATION | ‘มัดหมี่’ กับแรงบันดาลใจการทำ ‘หนังสั้น’ ที่มีอิมแพ็คกับสังคม
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่โลดแล่นในวงการบันเทิงไทย เรามีโอกาสได้เห็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านบวกทั้งความคิดและการทำงานอย่าง มัดหมี่ – พิมดาว พานิชสมัย อวดความสามารถหลากหลายด้าน ตั้งแต่นักร้องเสียงทรงพลังไปจนถึงนักแสดงเจ้าบทบาท ที่ผ่านการแสดงมาแล้วทั้งจอแก้ว จอเงิน และละครเวที นอกจากนี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คุณมัดหมี่ยังต่อยอดความสามารถงานเบื้องหน้า มาสู่งานเบื้องหลัง กับการกำกับ ‘หนังสั้น’ ซึ่งคว้ารางวัลระดับนานาชาติมาถึง 2 ปีติดต่อกันจากเรื่อง ‘สตาร์ไลท์’ (Starlight) และ ‘มายา’ (Maya)

จากบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับที่ 2 เอกดุริยางคศิลป์ตะวันตก คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณมัดหมี่ย้อนเล่าเส้นทางในวงการบันเทิงว่า “มัดหมี่เริ่มจากการเป็นนักร้องที่อาร์เอส 5 ปี พอหมดสัญญาจึงไปออดิชั่นละครเวทีค่ายเอ็กแซ็กท์ เล่นละครอยู่กับคุณบอย (คุณถกลเกียรติ วีรวรรณ) อีก 3 ปี รวมแล้วอยู่ในสังกัด 8 ปี ก่อนออกมาเป็นศิลปินอิสระ ตอนแรกเราชอบร้องเพลง ไม่ได้คิดว่าจะเล่นละคร แต่เขาเปิดออดิชั่นพอดีจึงไปลองดู พอไปลองปรากฏว่าพอทำได้ คุณบอยจึงส่งไปเรียนกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) ทำให้ได้วิชาต่าง ๆ มามหาศาลมาก”
หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทำงานเบื้องหน้านับ 10 ปีทั้งการแสดงภาพยนตร์ ละครซิทคอม และละครโทรทัศน์ คุณมัดหมี่จึงตัดสินใจออกเดินหน้าสู่ความท้าทายใหม่ ด้วยการลงเรียนคลาสไดเร็กเตอร์ 1 หรือก็คือพื้นฐานการกำกับการแสดงกับ ‘หม่อมน้อย’ ซึ่งถือเป็นผู้กำกับและบรมครูด้านการแสดง
และหลังจากเรียนจบคอร์สที่มีระยะเวลาการเรียนทั้งหมด 40 ครั้ง ตั้งต้นตั้งแต่ประวัติศาสตร์การละคร นักแสดงมากประสบการณ์ทว่าเป็นผู้กำกับมือสมัครเล่นจึงลงมือกำกับหนังสั้นทดลองเรื่องแรก ‘สตาร์ไลท์’ ที่มีความยาวประมาณ 5 นาที โดยแสดงและกำกับด้วยตัวเอง ซึ่งได้รับรางวัลจากทั้ง ARFF BERLIN 2021 (Around International Film Awards 2021 – Semi – finalist Best Experimental Film) และรางวัล Best Global Shorts Season 7 2021 (Best Experimental Short) ประเทศอินเดีย


“พอเรียนจบมัดหมี่ก็เลยอยากมีผลงานเป็นของตัวเอง โดยที่เราคิดว่าไม่อยากจะทำขึ้นมาเล่น ๆ แต่อยากให้ทำในสิ่งที่สร้างอิมแพ็คกับคนดู กับโลกใบนี้ อย่าง ‘สตาร์ไลท์’ หนังสั้นเรื่องแรกความยาว 5 นาที เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนเรามักวิ่งหาความรักจากภายนอก แต่ลืมที่จะรักตัวเองก่อน” คุณมัดหมี่เล่า ซึ่งหลังจากปลุกปั้นเป็นเรื่องแรกจนสำเร็จ คุณมัดหมี่ยังตัดสินใจส่งผลงานเข้าประกวด แม้ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ แต่ยังได้รับการพิจารณารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติถึง 2 แห่ง
ขณะที่ผลงานเรื่องที่ 2 อย่าง ‘มายา’ คุณมัดหมี่บอกว่า เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายมากจนถึงกับน้ำตาไหลเลยทีเดียว เพราะได้รับรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ใน 6 ประเทศ จากการส่งประกวดทั้งหมด 8 แห่ง ได้แก่ ARFF BERLIN (Honorable Mention Envision Award 2022), ARFF BARCELONA (Official Selection Around International Film Awards 2022), Kosice International Film Festival 2022 (Official Selection) จากประเทศสโลวาเกีย, Vesuvius International Film Fest 28th Edition (Best Short Dance) จากประเทศอิตาลี, Best Global Shorts Season 10 2022 (Best Experimental Short) รวมถึง Terrifying Thai Film Festival 2023 (Official Selection) หรือเทศกาลภาพยนตร์ สยามสยอง ประจำปี 2565 ของ ‘คุณสมเถา สุจริตกุล’ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สวนสมเถาว์ เวิลด์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

“ทั้งสองเรื่องมีความใกล้เคียงกันในเรื่องของการใช้มูฟเมนต์ร่างกายในการเล่าเรื่อง แต่ที่แตกต่างกันคือเรื่องแรกจะมีบทบรรยายเล่าเรื่องเป็นส่วนมาก ส่วนเรื่องที่ 2 ไม่มีบทพูดเลย มีแต่ซาวน์ดกับแอมเบียนซ์ (Ambience) ล้วน ๆ ทำให้ค่อนข้างท้าทายกว่าในการสื่อสารให้ผู้ชมเข้าใจ” คุณมัดหมี่เล่าถึงความแตกต่างระหว่างการสร้างสรรค์ผลงานทั้ง 2 เรื่อง ซึ่งใช้การถ่ายทำในสตูดิโอเพียงอย่างเดียว
“มัดหมี่รู้สึกสนุกกับมัน เพราะเป็นงานที่ได้ดูเองทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มคิด คุยกับทีมและฝ่ายต่าง ๆ ทั้งผู้ช่วยผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ เป็นโปรเซสส์ (Process) การทำงานที่แท้จริง ที่ก่อนหน้านี้เราได้ทำแต่เบื้องหน้า ผู้กำกับเป็นงานที่มีเสน่ห์ของมันเอง แต่เหนื่อยกว่าปกติหน่อย เพราะต้องคุมทุกอย่างหมด เปรียบเสมือนคอนดักเตอร์ที่ต้องดูแลเครื่องดนตรีทุกเครื่อง และนอกจากการกำกับแล้ว มัดหมี่ยังจัดเอ็กซิบิชั่นด้วย ถือว่าสำเร็จมาก คนแน่นเกือบทุกวันตลอด 2 สัปดาห์” ผู้กำกับมือใหม่เล่าอย่างกระตือรือร้นหลังชิมลางสร้างสรรค์หนังสั้นทดลองมา 2 เรื่องก่อนบอกความรู้สึกเพิ่มเติมว่า “เหนื่อยไปตามขั้นตอน แต่ไม่เครียด” เนื่องจากได้ทีมงานรวมถึงนักแสดงที่ดี

นอกจากประสบการณ์ของตัวเอง คุณมัดหมี่ยังกล่าวถึงสิ่งที่ได้รับการบ่มเพาะจากหม่อมน้อย ผู้ประศาสน์วิชาทั้งด้านการแสดงและการกำกับการแสดง “หม่อมเป็นบรมครูของมัดหมี่ที่ไม่ได้สอนเฉพาะศิลปะการแสดงเพียงอย่างเดียว แต่สอนศิลปะการใช้ชีวิตด้วย คลาสที่เรียนกับหม่อมเป็นคลาสที่ทำให้เรารู้จักร่างกายกับจิตใจ เพราะนักแสดงต้องทำงานกับทั้ง 2 สิ่งนี้ บางครั้งจะมีคลาสเดินจงกลมและนั่งสมาธิ ซึ่งเอาไปใช้กับชีวิตประจำวันได้เยอะมากในเรื่องของการมีสติ หากเปรียบชีวิตคนเราก็เหมือนกับละครเรื่องหนึ่ง ส่วนเราก็เป็นตัวละครในบทบาทของเราเอง สุดท้ายแล้วหม่อมจะสอนเสมอว่าเราควรอยู่กับสติและปัจจุบันให้ดีที่สุด”
ตอนที่เราเป็นนักแสดงก็ต้องเคารพในจิตวิญญาณของตัวละคร แต่พอเราทำสำเร็จก็ต้องวางทุกอย่างลงแล้วกลับมาเป็นตัวของเราเอง ส่วนการเป็นผู้กำกับ หม่อมจะบอกเสมอว่าหากมีแก่นที่ต้องการจะสื่ออยู่แล้ว ให้ฟังเสียงของตัวเอง อย่าเขวไปตามที่คนอื่นพูด”
คุณมัดหมี่ – พิมดาว พานิชสมัย
เป้าหมายของการเดินบนเส้นทางการเป็นผู้กำกับ คุณมัดหมี่เผยว่า “มัดหมี่เน้นอยู่กับปัจจุบันเป็นหลัก แต่ก็มีแพลนจะทำเรื่องที่ 3 ชื่อ ‘เฟียร์’ (Fear) ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่กำกับแบบเต็มตัว ไม่ลงไปแสดงเองเหมือนอย่าง 2 เรื่องที่ผ่านมา แต่จะมีวิน (ภวัต สิริธีรภัคกุล) มาเล่นกับรุ่นน้องอีกคนนึง โดยจะนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องความกลัวตามชื่อเรื่อง เป้าหมายของมัดหมี่เป็นการวางแผนทีละสเต็ปมากกว่า แต่ส่วนตัวอยากทำปีละเรื่อง อาจต้องดูเรื่องสปอนเซอร์ด้วย เพราะที่ผ่านมา 2 เรื่องแรกมัดหมี่ลงทุนเองทั้งหมด”

ในขณะที่เรื่องแรกอย่างสตาร์ไลท์ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้คนในสังคมรู้จักเห็นคุณค่าในตัวเอง ส่วนเรื่อง ‘มายา’ สะท้อนถึงจิตใจของคนที่หลงใหลไปกับแสงสีและสิ่งสมมติ จนหลงลืมว่าแท้จริงแล้วจิตใจที่สงบอาจเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการมากที่สุด เรื่องที่ 3 ‘เฟียร์’ คุณมัดหมี่ยังตั้งใจคงคอนเซ็ปต์การสร้างอิมแพ็คกับคนสังคม โดยอยู่ในขั้นตอนเบรนสตรอมว่าจะนำเสนอไปในทิศทางไหน ส่วนความยาวของเรื่องจะอยู่ที่ 8-9 นาที นานกว่าสองเรื่องแรก
ไม่เพียงแต่สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ เท่านั้น คุณมัดหมี่บอกว่างานด้านกำกับการแสดงที่ต้องคอยดูแลควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเองยังสอนให้เป็นคนรอบคอบและใจเย็นมากขึ้น “ส่วนตัวมัดหมี่เป็นคนไฮเปอร์แอ็คทีฟ และใจร้อนมาก แต่พอมาทำตรงนี้ก็ช่วยให้เราใจเย็นลง ต้องพยายามจัดตารางเวลาตัวเองมากขึ้น”

ตลอดทศวรรษที่คุณมัดหมี่ลงมือทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความตั้งใจ ทั้งการเป็นนักร้อง นักแสดง รวมถึงเส้นทางใหม่อย่างการเป็นผู้กำกับ เจ้าตัวส่งต่อแรงบันดาลใจในการริเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ว่า “สิ่งแรกที่สำคัญเลยคือเรารักที่จะทำในสิ่งนั้นหรือเปล่า เป็นสิ่งที่เราชอบจริง ๆ ไหม ถ้าชอบจริง ๆ เราต้องหาโอกาสจากสิ่งนั้น บางคนอาจมีต้นทุนที่ต่างกัน สำหรับคนที่อยากลองทำหนังสั้น มัดหมี่อยากให้ลงมือทำเลย อาจเข้าไปเรียนรู้ในกองละคร หรือการสร้างคาแรกเตอร์ตัวละคร แต่ต้องคิดให้รอบคอบด้วย เพราะการสร้างผลงานศิลปะขึ้นมาชิ้นหนึ่งมันไม่ได้ง่าย ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จ เราจะภูมิใจที่มีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ แม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ทำแล้วได้รางวัล แต่อย่างน้อยก็คุ้มแล้วกับการได้เกิดเป็นมนุษย์และได้ทำบางอย่างที่เรารัก ได้ทุ่มเทความพยายามไปกับมัน”
Courtesy Photo of Mutmee Pimdao