สามสิบปีที่ คัทลียา กระจ่างเนตร และยูมิ เคียงศิริ รู้จักกันมา จนแทบจะเรียกว่าเป็นญาติสนิทกันก็ว่าได้ ตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลาย จบปริญญา เข้าทำงาน จนกระทั่งมีครอบครัวเป็นของตัวเองพวกเธอมีเรื่องเล่ามหาศาลในชีวิตที่เกี่ยวข้องกันในทุกด้าน สุขทุกข์ดีเศร้าคละเคล้า เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ลองไปดูว่าเรื่องเล่าของพวกเธอน่าสนุกมากขนาดไหน
เธอทั้งสองรู้จักกันผ่านการแนะนำของเพื่อนในสปอร์ตคลับบนถนนอังรีดูนังต์ ในยุคที่กรุงเทพฯ ยั’ไม่มีรถไฟฟ้า ตอนนั้นคุณแหม่มเรียนที่โรงเรียนเซเว่นเดย์ แอ๊ดเวนติส ส่วนคุณมินั้นเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ การเข้าเรียนต่อในมหา วิทยาลัยของรัฐบาลยังคงใช้วิธีการสอบเอ็นทรานซ์พร้อมกันเพียงครั้งเดียว “ตอนนั้นมิกับเพื่อนเรียนพิเศษเสร็จก็จะมาออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือคุยกับกลุ่มเพื่อนที่สปอร์ตคลับกันค่ะ แหม่มเขาเป็นเพื่อนกับพิงค์กี้ เพื่อนมิ เขาเลยแนะนำให้รู้จักกัน” คุณยูมิเปิดฉากเล่าก่อน
คุณแหม่มเสริมว่า “อันที่จริงแหม่มนี่ไม่มีสิทธิ์เอ็นติดเลยค่ะ เพราะเรียนโรงเรียนไทยถึงแค่ ป.4 จากนั้นเรียนเซเว่นเดย์มาโดยตลอด แต่ว่าคณะในฝันสวยๆ ของเด็กผู้หญิงสมัยนั้นก็คือ อักษรศาสตร์ จุฬาฯ หรือไม่ก็รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่เคยเรียน จะไปสอบติดได้ยังไง ก็รู้ตัวแหละค่ะว่าไม่มีทางสอบติด แต่คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เอ็นทรานซ์ ก็นัดกับมิ เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงฉันมารอเธอ ใครเสร็จก่อนไปรอกัน แหม่มเข้าห้องสอบ ทำเสร็จก็ไปนั่งรอเขาที่หน้าห้อง เขาเห็นแหม่มก็เลยออกมาและเดินกลับด้วยกัน”
“จากวันนั้นก็เลยทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น แล้วก็ไปสนิทกันที่เอแบคต่อ นั่งโต๊ะเดียวกัน แล้วก็มีเพื่อนสนิทในโต๊ะเดียวกันอีกหลายคน” คุณมิตอบ
และเมื่อคุณแหม่มเริ่มเข้าวงการ ก็ได้คุณมิเนี่ยแหละค่ะเป็นกัลยาณมิตร ช่วยประคับประคองด้านการเรียนให้ไปได้ด้วยดี “เพื่อนก็ช่วยจดเลกเชอร์ให้บ้างบางวิชา แต่เราก็ ต้องเข้าเรียนด้วย เพราะเขาห้ามขาดเรียนเกิน 80% ซึ่งแหม่มก็ว่าดีเหมือนกัน เพราะถ้าปล่อยฟรีเลย แหม่มก็อาจเรียนไม่รู้เรื่อง ก็เลยได้อยู่กับเพื่อนตลอด”
“สมัยก่อนเวลาแหม่มไปถ่ายแบบเขาก็จะหนีบมิ ไปด้วย สองสามครั้งมังคะ ถ้าจำไม่ผิด การไปถ่ายแบบหรือถ่ายละครนี่ดูเหมือนง่ายแต่เป็นงานที่เหนื่อยนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาไปต่างประเทศ แต่แหม่มเขาไม่มีอิดออด และขนาดเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แหม่มก็ยังจบไปก่อน 1 เทอม มิเลยต้องรีบลงเรียนเทอมสุดท้ายหลายวิชาเพื่อที่จะรับปริญญาพร้อมกัน
“จากนั้นชีวิตการทำงานของมิไม่ว่ามิทำงานที่ไหน ทั้ง Cartier, Dior หรือจนถึงปัจจุบันที่เพนดูลัม เขาจะเป็น supporter ที่ดีของมิมาโดยตลอด”
ในความเป็นเพื่อนของทั้งคู่นั้น แม้กาลเวลาผ่านไป และมีภาระหน้าที่มากมาย จนทำให้ไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนสมัยวัยเยาว์ แต่มิตรภาพของทั้งคู่ก็ยังคงอยู่เสมอ คุณแหม่มบอกว่า “ถามว่าเดี๋ยวนี้เรายังเจอกันเหมือนสมัยก่อนไหม ก็ไม่ใช่อยู่แล้ว เรามีครอบครัว เวลาก็จะไม่ได้ว่างพบกันมากเหมือนแต่ก่อน แต่ความสนิทไม่ได้น้อยลง มีอะไรก็โทร.หากัน บางทีนัดกันไปหัวหิน พัทยากันทั้งครอบครัว ยูมิได้เห็นลูกแหม่มตั้งแต่เกิดทุกคน”
ซึ่งคุณยูมิเสริมต่อว่า “เมื่อเราอายุมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่เรารู้ว่ามีค่ามากสำหรับเรา นอกจากครอบครัวก็คือเพื่อน สายสัมพันธ์ของเพื่อนนั้นมีความหมาย ระยะเวลาที่เราคบกันมากว่า 30 ปี มันทำให้เราเห็นว่าสายสัมพันธ์ของเรานั้นมันลึกซึ้งและมีค่า สำหรับมิแหม่มเปรียบเสมือนพี่สาวคนนึงของมิ ความรักและน้ำใจ ความปรารถนาดีต่างๆ ที่เขามีให้เรา เราสัมผัสได้ว่ามันจริงใจ ทำให้ friendship ที่เขามีให้เรามีค่าชนิดที่เรียกว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม”
และถามว่าทั้งคู่จะยังคงมิตรภาพนี้ไปจนถึงเมื่อไร วางแผนไว้อย่างไรในวันที่วัยล่วงเลยมากแล้ว คุณแหม่มคนงามบอกเราอย่างติดตลกว่า “เราคุยกันไว้ว่า อีกหน่อยต้องชวนกันเล่นไพ่ หรือเล่นไพ่นกกระจอก เพราะจะได้ไม่เป็นอัลไซเมอร์ และจดจำกันและกันได้ตลอด ไปค่ะ”
ยังมีอีกหลากหลายเรื่องราวสนุกๆ จากเพื่อนซี้คู่นี้ ติดตามอ่านฉบับเต็มได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 06 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม 2563 นะคะ
ติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 06 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม 2563
หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com