Home > Celebrity > Exclusive Interviews > ความรักความผูกพันผ่านเสียงดนตรีระหว่างแม่-ลูก ของ ‘คุณป้อ-กรกนก สว่างรวมโชค’ นายหญิงแห่ง SHU แบรนด์รองเท้าฝีมือคนไทย

เรื่องราวความผูกพันของคุณแม่คนเก่งเติมเต็มความรักของแม่ให้เติบโตด้วยพลังแห่งเสียงดนตรีอย่าง ‘คุณป้อ-กรกนก สว่างรวมโชค’ ผู้บริหารคนเก่งแห่ง SHU แบรนด์รองเท้าฝีมือคนไทย ที่บ่มเพาะ 3 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ‘ชินดนัย-วิชมัย-เตชินท์ นุกูลวุฒิโอภาส’ ในฐานะมารดาผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จระดับโลกของบุตรชายทั้งสาม

เรามาทำความรู้จักกับพรสวรรค์ของลูกทั้งสามของคุณป้อกันเลยดีกว่าค่ะ เริ่มกันที่พี่ใหญ่ของบ้าน เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ‘น้องชินจัง-ชินดนัย นุกูลวุฒิโอภาส’ ผู้คว้าชัยอันดับหนึ่งในเวทีการแข่งขันเปียโนระดับนานาชาติ ทั้งยังมีผลการเรียนดีเลิศ จนเป็นที่ยอมรับทั้งในไทยและต่างแดน ในส่วนของบุตรชายคนกลางวัย 11 ปี ‘น้องไมตี้-วิชมัย’ และบุตรชายคนเล็กวัย 9 ขวบ ‘น้องฟอร์เต้-เตชินท์ นุกูลวุฒิโอภาส’ สองเยาวชนผู้เปี่ยมทักษะด้านเปียโนและการขับร้อง จนกวาดรางวัลเหรียญทองระดับสากลมานับสิบรายการ ทั้งยังเป็นเน็ตไอดอลที่มียอดชมคลิปการแสดงในยูทูบกว่า 1.1 ล้านครั้ง 

‘วิชมัย(ลูกชายคนกลาง),เตชินท์(ลูกชายคนเล็ก) และ ชินดนัย(ลูกชายคนโต) นุกูลวุฒิโอภาส’

เสียงเปียโนเปลี่ยนชีวิต

คุณป้อเท้าความถึงทักษะด้านเปียโนของลูกๆ โดยนำร่องจากลูกชายคนโต “ทั้งป้อและสามีไม่มีใครเล่นดนตรีเป็นเลยค่ะ เราฟังเพลงทั่วๆ ไป และรู้สึกด้วยซ้ำว่าดนตรีคลาสสิกเป็นอะไรที่เข้าถึงยาก กระทั่งวันหนึ่งตอนชินจัง 4 ขวบ เราพาเขาไปเดินห้าง แล้วได้ยินเสียงเปียโน เลยอยากให้ลูกลองเรียน เพราะตอนนั้นชินจังเป็นเด็กขี้หงุดหงิด ปรากฏว่าเขาใจเย็นลง อ่อนโยนขึ้น และสงบสติได้เร็วในการเรียนไม่กี่ครั้ง” เมื่อพลังแห่งการเรียนเปียโนส่งผลให้ลูกชายคนแรกเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน 7 ปีต่อมา เมื่อตั้งท้องลูกชายคนรอง คุณป้อจึงวางแผนให้น้องไมตี้ซึมซับเสียงดนตรีตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์ 

น้องชินจัง-ชินดนัย นุกูลวุฒิโอภาส

“ป้อเห็นถึงความยากลำบากในการเริ่มจากศูนย์ของชินจังค่ะ เลยทดลองเตรียมความพร้อมให้กับไมตี้ตั้งแต่เนิ่นๆ เราเปิดเพลงคลาสสิกให้เขาฟังอย่างต่อเนื่อง และพอคลอดออกมา ไมตี้ก็อยู่ในบรรยากาศของบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงเปียโน เพราะตอนนั้นพี่ชินจังก็ฝึกซ้อมทุกวันเพื่อลงแข่งขันแล้ว 

“น้องฟอร์เต้ ลูกคนสุดท้อง ก็ใช้เทคนิคเดียวกันค่ะ ไมตี้กับฟอร์เต้เลยอารมณ์ดี มีความสุขกับเสียงดนตรีตั้งแต่เกิด พอส่งให้เรียนเปียโนตอน 3 ขวบครึ่ง ก็เรียนรู้ได้เร็วมากอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งคู่ลงแข่งครั้งแรกก็ได้แชมป์เลย ป้อเลยเชื่อค่ะว่าพรสวรรค์สร้างได้”

น้องไมตี้-วิชมัย นุกูลวุฒิโอภาส

กิจกรรมมาก่อน วิชาการตามหลัง

“ประสบการณ์จากการเลี้ยงชินจัง ลูกชายคนโต ทำให้ป้อเรียนรู้ว่าการที่เราส่งเสริมให้เขารู้จักพาตัวเองไปสู่จุดหมาย กว่าจะถึงเป้าหมาย เขาต้องฝึกและรับผิดชอบตัวเอง เปียโนอาจมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองด้วยนะคะ ชินจังไม่เคยติวหนังสือนอกเวลามาก่อน แต่เขากลับทำคะแนนวิชาการดีมาก ได้เป็นนักเรียนทุนทั้งโรงเรียนในไทยและอังกฤษ ป้อเลยมองว่าถ้าเราปลูกฝังให้เด็กมีพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดีด้วยตัวเอง เขาก็สามารถเรียนรู้วิชาการในห้องเรียนได้ง่ายขึ้น ส่วนเวลาที่เหลือก็ควรปล่อยให้เขาทำกิจกรรมนอกห้องเรียน เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านอื่นๆ” 

เธอถ่ายทอดถึงแนวทางด้านการศึกษาของลูกชายอีก 2 คน หลังมีลูกชายคนโตเป็นต้นแบบความสำเร็จ โดยชินจังเพิ่งคว้ารางวัลเหรียญทองแดงในวิชาคณิตศาสตร์จาก United Kingdom Mathematics Trust และเมื่อครั้งศึกษาอยู่ที่ Shrewsbury International School ได้รับรางวัลผลการเรียนยอดเยี่ยมเป็นประจำทุกปี และเมื่อจบการศึกษาสามารถทำคะแนนสอบ IGCSE ในระดับสูงสุดเกรด A* ถึง 4 วิชา คือ เศรษฐศาสตร์ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และฟิสิกส์ รวมถึงเกรด A ในวิชาภาษาอังกฤษและเคมี 

น้องฟอร์เต้-เตชินท์ นุกูลวุฒิโอภาส

คิดถึงแต่ไร้กังวล เมื่อลูกห่างอกเป็นครั้งแรก

เมื่อหนุ่มคนโตของบ้านอย่างน้องชินจัง ตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชีพนักเปียโน เขาจึงออกเดินทางไปศึกษาต่อที่ The Purcell Music School ที่กรุงลอนดอน “ป้ออาจจะต่างจากคุณแม่ทั่วไปตรงที่ไม่ฟูมฟายเลยค่ะ คงเพราะช่วง 6 ปีแรก เราให้เวลากับเขาแบบทุ่มสุดชีวิตไปแล้ว หลังจากนั้นป้อค่อยๆ ปล่อย จนชินจังเขาดำเนินชีวิตด้วยตนเอง ต้องขอบคุณชินจังที่ไม่ทำให้แม่กังวลเลย เขาเป็นลูกที่เราไว้ใจได้ที่สุดแล้วค่ะ” 

 

นิยามความรักและภาพสะท้อนของผู้เป็นแม่ 

“ชีวิตป้อเปลี่ยนไปเยอะมากค่ะตั้งแต่มีลูกคนแรก จากเดิมที่เรา Work hard, Play hard ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน แต่ตั้งแต่คลอดลูกคนแรก เรายอมตัดเวลาของตัวเองออกไปจนหมด เหลือแค่งานกับลูก ซึ่งทั้งสองส่วนต้องได้เวลาที่มีคุณภาพจากเราเท่านั้น” เธอคือหญิงแกร่งผู้เริ่มต้นธุรกิจไปพร้อมๆ กับดูแลลูก “มันยากและเหนื่อยจริงๆ โดยเฉพาะช่วงคุมลูกซ้อม พาลูกแข่ง และ 6 ปีแรกที่ควรอยู่กับลูกให้มากที่สุด เด็กจะโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกฝังทัศนคติในวัยนี้

“จากเดิมที่ฟังดนตรีคลาสสิกไม่เป็นเลย ตอนนี้ป้อเข้าใจและพบความสวยงามที่อยู่ในเพลงมากมาย เพราะเราอยู่ซ้อมกับลูกทุกวันทุกนาที ไม่มีวันหยุด เราต้องช่วยดูรายละเอียดให้เขาทีละจุดๆ ตามที่คุณครูแนะนำให้แก้ไข” แม่ซึ่งเป็นเสมือนผู้ช่วยโค้ชทำหน้าที่เช่นนี้ เพื่อผลสัมฤทธิ์ของลูกเป็นเวลาหลายต่อหลายปี ก่อนดอกผลทั้งสามจะผลิบาน 

“การเป็นแม่คน ทำให้ป้อได้สัมผัสกับความรักอันยิ่งใหญ่ ไม่มีเงื่อนไข รู้เลยว่าความรู้สึกที่แม่รักเรามันมีมาก ป้อเลยบอกกับตัวเองว่า ต่อจากนี้ไม่มีวันไหนที่จะทำให้แม่ผิดหวัง” คุณป้อกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทว่าน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื้นตัน

 

ติดตามเรื่องราวความรักของคุณแม่ลูก 3 สาวเก่งแห่งอาณาจักรของเท้าแบรนด์ไทย

ได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 02  ประจำวันพฤหัสบดีที่ 06 กุมภาพันธ์ 2563

หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่  www.ookbee.com www.shop.burdathailand.com

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.