เปิดใจ ‘มิลิน ยุวจรัสกุล’ หลังส่ง ‘แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส’ คว้ามงฯ สมฝั่งฝัน
ตัดสินใจส่งนางงามขึ้นประชันบนเวที ‘มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021’ เป็นครั้งแรกในนาม ‘ฟีไลน์ เอเจนซี’ (Feline Agency) ก็เป๊ะปังจนนางแบบเรียลไซซ์อย่าง ‘แอน – แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส’ คว้ามงกุฎมาได้อย่างสวยงาม หลังสิ้นสุดการประกวด HELLO! จึงขอต่อสายหาสาวไซซ์เล็กอย่าง ‘คุณมีมี่ – มิลิน ยุวจรัสกุล’ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์มิลิน และผู้ร่วมก่อตั้งฟีไลน์ เอเจนซี ที่ขณะนี้แม้ตัวอยู่ถึงสหรัฐอเมริกาแต่ยินดีเปิดใจถึงเบื้องหลังการส่งนางงามเข้าประกวด และการสนับสนุนแอนชิลีในเวทีจักรวาล รวมถึงปีต่อ ๆ ไปฟีไลน์จะร่วมส่งนางงามเข้าประกวดอีกหรือไม่
จุดเริ่มต้นในการส่งนางงามร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์
“จริง ๆ เริ่มจากมี่ทำฟีไลน์ เอเจนซีซึ่งทำมาประมาณปีกว่า โดยตั้งใจอยากให้เป็นเอเจนซีที่มีความหลากหลายทั้งทางเพศ รูปร่าง เชื้อชาติ หรือสีผิว ขอแค่มีความสามารถและมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในแง่ของการเปิดโอกาสให้สาว ๆ ทรานส์เจนเดอร์มีงานทำมากขึ้น
‘น้องแอน’ เป็นคนหนึ่งที่สมัครเข้ามา และเป็นคนที่เราตามหามานานมาก ก่อนเริ่มงานก็มีการพูดคุยสัมภาษณ์กันตามปกติรวมถึงถามว่าความฝันในชีวิตคืออะไร ซึ่งเขาบอกว่ามีความฝันอย่างหนึ่งคือ ‘อยากเป็นมิสยูนิเวิร์ส’ เท่านั้นแหละกรี๊ดเลย เพราะส่วนตัวก็บ้านางงามอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่อยู่ ๆ ก็มาอยู่ตรงหน้าเราโดยที่ไม่ได้คิดไว้ จึงตัดสินใจสนับสนุนน้องเข้าประกวด มีเวลาเตรียมตัวกันไม่ถึงปีด้วยซ้ำ”
คิดไว้ตั้งแต่แรกไหมว่าจะได้มงฯ มา
“จะทำอะไรมี่จะต้องมงฯ เท่านั้น เวลาจะทำอะไร จะส่งน้องเข้ามากวด เรามองไว้เลยว่าเราต้องมงฯ ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ไม่ได้คิดว่าจะมาประกวดเพื่อเป็นสะพานหรืออะไร เวลาเราทำอะไร ทุกอย่างเกินร้อยอยู่แล้ว แต่ไม่ได้กดดันน้องว่าต้องมงฯ ให้น้องเขาเป็นตัวของตัวเอง จริง ๆ ตั้งแต่เป็นสไตล์ ไดเรกเตอร์ให้กับกองประกวดมา เราอยากเปลี่ยนวงการนางงามให้เปิดกว้างขึ้นอยู่แล้ว อยากให้สามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม เพราะฉะนั้นพอส่งคนเข้าประกวดจึงอยากทำให้ทุกคนเห็นว่า นางงามคืออะไร ซึ่งปัจจุบันโลกก็เปลี่ยนไปมากแล้ว คอนเซ็ปต์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรียลไซซ์ บิวตี้ ทีมงานก็ทำการบ้านกับน้องค่อนข้างเยอะ แอนเองแม้จะบอกว่าอยากเป็นมิสยูนิเวิร์ส แต่แก่นแท้จริง ๆ สิ่งที่เขาอยากทำคือเรื่องเรียลไซซ์ บิวตี้ อยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ถ้าสังเกตดี ๆ เวลาเราทำคลิปวิดีโออะไร เราเน้นสร้างแรงบันดาลใจให้คนเป็นหลัก”
“เรื่องมงกุฎก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่การสร้างอิมแพ็คและอินสไปเรชั่นให้กับคนรุ่นใหม่ป็เนเรื่องที่สำคัญ จริง ๆ สำคัญกว่ามงกุฎด้วยซ้ำ”
ตอนนั้นกังวลถึงดราม่าต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นไหม
“ไม่กลัวเลยค่ะ เพราะมี่แจ้งกับทางกองฯ ไว้แล้วว่าปีนี้จะมีเด็กในสังกัดตัดสินใจมาประกวด อาจจะต้องขอพักหน้าที่ที่เคยทำงานอยู่ในกองฯ ไปก่อน เพื่อความยุติธรรมกับผู้เข้าประกวดทุกคน ส่วนเรื่องมีการวิจารณ์จากแฟนนางงามถึงเรื่องหุ่นของน้อง ก็เป็นเรื่องที่เราต้องการเข้ามาเปลี่ยนความคิดของคนกลุ่มนี้อยู่แล้ว บางครั้งการพูดอย่างเดียวมันไม่พอ แต่ถ้าเขาไปที่นู่น (ประกวดมิสยูนิเวิร์ส) และพิสูจน์ความสามารถให้เห็น มันสามารถเปลี่ยนความคิดคนได้ เพราะที่ผ่านมาแม้ว่าเราจะพูดเรื่องความหลากหลายในวงการ หรือการเปิดโอกาสให้กับทุกคนมามาก แต่เด็กทุกคนเขาจะมองแค่คนที่ประสบความสำเร็จจริงเท่านั้น”
ระหว่างประกวด แอนได้ปรึกษาหรือขอกำลังใจบ้างหรือเปล่า
“มีบ้างเพราะคุยกันตลอด มี่จะให้กำลังใจเขามากกว่า บอกให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด แต่ส่วนใหญ่มี่จะสอนเขาในเรื่องของการทำงาน เนื่องจากเขาอาจยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมากนัก ก็จะคอยบอกเขาตลอดเรื่องการมีสติ การอยู่กับปัจจุบัน การทำงานกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ในวงการ การวางตัว การใช้โซเชียลมีเดียให้ถูกต้อง ประมาณนี้ ไม่ได้วางกลยุทธ์อะไรมากมาย และบอกกับเขาตลอดว่าถ้ามงฯ แล้วต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง แสดงว่ามันไม่ใช่ อยากให้เขามีความสุข และเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่า เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด รวมถึงย้ำว่าทุกครั้งที่ไปประกวดให้รู้ว่าจะไปทำอะไร จะพูดอะไรกับสังคม”
เท่าที่รู้จักกันมานิสัยใจคอแอนเป็นอย่างไร
“เขาเป็นคนน่ารัก ใครอยู่ด้วยก็จะรักเขา แต่ว่ามีเลือดนักสู้สูงมาก ๆ เป็นเด็กที่ให้การบ้านอะไรไปแล้วเข้าใจ และส่งการบ้านกลับมาทุกครั้ง เป็นเด็กที่ไม่ต้องใช้การสั่ง แค่อธิบายเขาก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองต้องทำอะไร”
ก่อนประกวดมีการเตรียมตัวอะไรบ้าง
“ไม่ได้มีการลดน้ำหนัก แต่แอนเขาจะออกกำลังกายเป็นปกติของเขาอยู่แล้ว นอกจากนี้มีฝึกเดินบนส้นสูง เพราะน้องไม่ค่อยได้สวมส้นสูงเดิน มีประมาณนี้ เพราะส่วนใหญ่โฟกัสที่แคมเปญของน้องมากกว่า นางงามไม่จำเป็นต้อง ‘บาย เดอะ บุ๊ค’ (ตามตำรา) ไปซะทุกอย่าง ขอแค่มีความมั่นใจ และความสวยก็ไม่ใช่ทุกอย่าง มันเป็นเรื่องของภาพรวม สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาอยากจะพูด พลังที่เขาอยากจะพูดมันสำคัญที่สุด”
ความรู้สึกตอนแอนชิลีมงฯ ลง
“ดีใจมาก ตื่นเต้น เห็นเขาทำดีที่สุดแล้ว ก็ดีใจเหมือนเห็นลูกสาวที่ประสบความสำเร็จไปอีกขั้น ดีใจไปกับเขา ร้องไห้ไปกับเขามากกว่า เห็นเขาร้องไห้ก็เลยรู้สึกดีใจไปกับเขาด้วย”
ในมุมมองของคุณมีมี่การคว้ามงกุฎของแอนชิลีสะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง
“คิดว่ามีเด็ก ๆ หลายคนเริ่มเห็นแอนชิลีเป็นโรลโมเดล จากเท่าที่อ่านคอมเมนต์มา เขาเห็นว่าแอนชิลีเป็นโรลโมเดลได้จริง ๆ สิ่งที่แอนทำสามารถสร้างเกราะและความเข้มแข็งในจิตใจของเด็ก ๆ รุ่นใหม่ได้ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และสำคัญกว่าทุกสิ่ง แอนสามารถทำให้เขาเป็นคนที่มีคุณภาพ มีความมั่นใจ กล้าที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ในอนาคต สิ่งหนึ่งที่แอนพูดเสมอคือ “Unlearn Thing to Learn Newer Thing’ (แก้ไขความเข้าใจผิดเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ) หมายถึงว่าทำไมนางงามต้องหุ่นแบบนี้เท่านั้นเหรอ หน้าผมแบบนี้เท่านั้นเหรอ หรือต้องหมุนตัวองศาเท่านี้แค่นั้นเหรอ ซึ่งมันไม่ใช่แล้ว”
ปีหน้าวางแผนจะส่งนางงามร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์อีกหรือไม่
“ไม่แล้วค่ะ เพราะไม่ได้คิดจะส่งนางงามประกวดเป็นอาชีพ แค่ถ้าเจอคนที่ใช่ก็อาจจะส่ง แต่มันต้องเจอคนที่ใช่จริง ๆ แล้วเขาจะต้องมีอะไรที่จะพูดกับโลกหรือกับคน ต้องมาสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น”
หลังจากนี้จะสนับสนุนแอนชิลีอย่างไรบ้างในเวทีจักรวาล
“มี่ก็จะกลับไปทำสไตล์ ไดเรกเตอร์เหมือนเดิมค่ะ แต่ทางกองฯ ยังดูแลเป็นหลัก ส่วนเราก็เข้าไปซัพพอร์ตในส่วนของลุคกับสไตล์ ซึ่งมีการวางแผนกับทางกองฯ ไว้แล้วว่าจะโชว์ความเป็น Real Size Beauty ของแอนชิลีออกมาแบบไหน แฟน ๆ รอติดตามได้เลย แต่ไม่กดดันแม้เวลาเตรียมตัวในปีนี้ค่อนข้างน้อย เพียงแค่ทำไปตามโจทย์ที่เราได้รับมาให้ดีที่สุดภายใต้ระยะเวลาที่เรามีเท่านั้น” คุณมีมี่ปิดท้าย
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งแฟนนางงามตัวยง ที่นอกจากอยากเห็นสาวไทยคว้ามงฯ 3 มาครอง ยังมีความตั้งใจอยากเห็นสังคมเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นไม่แพ้นางงามเลยค่ะ เห็นความตั้งใจขนาดนี้แล้ว แฟน ๆ นางงามอย่าลืมติดตามลุคปัง ๆ พร้อมส่งกำลังใจให้สายสะพายไทยในการประกวด ‘มิสยูนิเวิร์ส 2021’ ที่เมืองไอลัต ประเทศอิสราเอล โดยแอนชิลีมีกำหนดการเดินทางเข้ากองประกวดฯ ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนรอบตัดสินจะมีขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2564.
Courtesy Photo : mimimilin/ กองประกวด MUT 2021