ถึงจะไปเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 13 ขวบ แต่ ‘ คุณมิ้ม จันทร์สิรี ประวิตร ณ อยุธยา ’ ลูกสาวคนเล็กของพลโท ม.ล.สุปรีดี ประวิตร และคุณมัลลิกา ประวิตร ณ อยุธยา ก็มีความเป็นไทยและเคร่งครัดเรื่องกิริยามารยาทมาก ด้วยการอบรมบ่มนิสัยหลานสาวเพียงคนเดียวของคุณปู่คุณย่า (พล.ต.ต.ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร และคุณหญิงสุปรียา ประวิตร ณ อยุธยา)
“ตั้งแต่จำความได้ ตอนเด็กๆ ถ้าทำตัวกระโดกกระเดกก็จะโดนคุณย่าปรามตลอดเลยค่ะ พอย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำที่อังกฤษ มิ้มก็ยังจดจำคำสอนต่างๆ ได้ขึ้นใจ โดยเฉพาะการเดินเหิน ยิ่งเป็นผู้หญิงแล้ว ต้องค่อยๆ เดิน สำรวมกิริยา ห้ามเดินเสียงดัง หรือเวลาเดินผ่านผู้ใหญ่ ก็ต้องก้มหัวลงอย่างนอบน้อม” คุณมิ้ม จันทร์สิรี ประวิตร ณ อยุธยา เล่าย้อนวันวานให้ฟังเมื่อถูกถามถึงการเลี้ยงดูในวัยเด็ก

เลือกเส้นทาง ‘ชีวิต’ ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ครอบครัวนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทและความเป็นไทยเอามากๆ แต่เรื่องเส้นทางชีวิตและการศึกษากลับตรงกันข้าม เพราะบ้านนี้ให้อิสระกับลูกหลานอย่างเท่าเทียม “คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบังคับว่าจะต้องเรียนด้านนั้นด้านนี้ คือชอบอะไรก็มุ่งไปเรียนสิ่งนั้นได้เลย หลังเรียนจบไฮสคูลที่ Heathfield School ประเทศอังกฤษ มิ้มจึงเลือกเรียนต่อด้าน Fashion Management ที่ London College of Fashion, University of the Arts London ซึ่งเป็นการเรียนเกี่ยวกับการบริหารแบรนด์แฟชั่น เพราะตอนนั้นมิ้มสนใจเรื่องแฟชั่น บวกกับอยากเรียนรู้การบริหารธุรกิจควบคู่ไปด้วยค่ะ”

ไม่นานเธอก็ทำให้ครอบครัวได้ภูมิใจกับปริญญาใบแรก พร้อมหอบความรู้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเริ่มต้นงานแรกที่ MAC Cosmetics ประเทศไทย ซึ่งได้โอกาสเรียนรู้งานหลากหลายด้านทั้ง Marketing, Sales และ Ecommerce ระหว่างนั้นก็ลงขันร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิท (คุณปรมา ไรวา และคุณอันนา วงศ์ชะอุ่ม) ทำแบรนด์หมวกชื่อว่า ‘Triadic Affair’ ก่อนจะขอพักเบรคไปเพิ่มเติมองค์ความรู้ในการทำธุรกิจให้แน่นกว่าเดิม ด้วยการเรียนต่อปริญญาโท ด้าน Entrepreneurship ที่ University of Southern California สหรัฐอเมริกา เพราะอยากจะพัฒนาตัวเองทางด้านการสร้างและบริหารธุรกิจ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจในอนาคต
สานต่อธุรกิจครอบครัว
ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ที่เข้ามาสานต่อธุรกิจ ถือว่าท้าทายไม่น้อยเลยทีเดียว คุณมิ้ม กรรมการผู้จัดการแห่งราชประชา เขาใหญ่ วัย 28 ปี อธิบายความตั้งใจว่า “ในอดีตที่แห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นโรงแรมตั้งแต่ต้น คุณปู่เริ่มมาจากบ้านไม้หลังเล็กๆ เพื่อใช้เป็นที่เก็บตัวของสโมสรกีฬาราชประชา สโมสรที่คุณปู่เป็นคนก่อตั้งขึ้นและผลิตนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากมาย ต่อมาคนเริ่มนิยมที่จะมาเที่ยวเขาใหญ่มากขึ้น และสมัยนั้นยังไม่มีโรงแรมมากนัก คุณปู่เลยตัดสินใจที่สร้างตึกห้องพักเพื่อรองรับกรุ๊ปสัมมนา และราชประชาถือเป็นรีสอร์ทที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในสมัยนั้น นอกจากนี้คุณปู่ยังมีความสนใจและเป็นผู้บุกเบิกเรื่องบรรเทาสาธารณภัยในประเทศไทย จึงได้สร้างฐานฝึกดับเพลิงที่ได้ใช้เป็นที่ฝึกอบรมและผลิตนักดับเพลิงจากรุ่นสู่รุ่นนับพันชีวิต พอเวลาผ่านไปตอนนี้ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูงขึ้นและมาเจอสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิค-19 แพร่ระบาด เรียกว่าไม่ง่ายเลยสำหรับการเริ่มต้นงานบริหารที่แรก แต่มิ้มก็เล็งเห็นถึงโอกาสที่จะพัฒนาที่แห่งนี้ และโชคดีที่มิ้มมีคุณลุง (พ.ต.ท. ม.ล.กิติบดี ประวิตร) และคุณพ่อคอยชี้แนะแนวทางต่างๆ แม้ครอบครัวเราจะรับราชการกันทั้งบ้าน แต่การบริหารธุรกิจก็เก่งไม่แพ้ใคร”

ส่วนเรื่องการพัฒนาคอนเซปต์และสร้างแบรนด์ดิ้งใหม่ ฝั่งหลานสาวขอทำหน้าที่นำเสนอให้ผู้ใหญ่รับทราบ เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้บริหารสองรุ่น เพื่อให้เกิดการพัฒนาบริการใหม่ๆ ล่าสุดเพิ่งจัดคอนเสิร์ต ‘November Love’ เสร็จสิ้นไป แม้จะเป็นการจัดงานแรก แต่ก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมากๆ ซึ่งเธอพร้อมจะเรียนรู้ พัฒนา และสั่งสมประสบการณ์ เพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจในอนาคต หวังพลิกฟื้นให้สถานที่อันเป็นความทรงจำของครอบครัวมีชีวิตชีวาอีกครั้ง



“เพราะส่วนตัวมิ้มเองก็เป็นคนที่ชอบเที่ยวมากๆ สามารถไปเที่ยวได้ทุกแนว ไม่ว่าจะ เอ็กซ์เวนเจอร์ ทะเล ภูเขา ชนบท เมือง ฯลฯ มิ้มชอบที่ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในเมืองต่างๆ จึงอยากให้สถานที่แห่งนี้ กลายเป็นอีกหนึ่ง Destination ที่มอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับทุกคนค่ะ”
กล้าที่จะเผชิญหน้ากับ ‘ความกลัว’
นอกจากนี้คุณมิ้มยังบอกถึงความแตกต่างระหว่างการทำงานให้บริษัทอื่นกับการเป็นเจ้าของกิจการเองว่า “ที่เห็นเด่นชัดเลย คือการตัดสินใจและการเป็นผู้นำ ถ้าเราเป็นพนักงานของบริษัทอื่น การตัดสินใจต่างๆ จะต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอน และตอนนั้นเราไม่ได้เป็นหัวหน้าใคร แต่พอต้องเป็นผู้บริหารเอง เราต้องเด็ดขาดและมีความรับผิดชอบสูงมากๆ เพราะเราต้องแบกรับความเสี่ยงจากทุกการตัดสินใจและเราต้องเป็นผู้นำที่ดี ที่ลูกน้องสามารถพึ่งพาได้”

และด้วยภาพลักษณ์ของการเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ ทำให้หลายคนมองเธอเป็นเซเลบริตี้สาวสวยที่มีความมั่นใจ แต่แท้จริงแล้ว คุณมิ้มสารภาพว่า เป็นคนขี้อายมากๆ และกลัวการออกไปพูดหน้าชั้นเรียนตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้น เริ่มทำงานก็พยายามต่อสู้กับความกลัวนี้มาตลอด “ทุกครั้งที่ต้องพรีเซนท์ หรือกล่าวรายงานต่างๆ มิ้มจะพูดกับตัวเองเสมอว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป บางครั้งก็เครียดเหมือนกันนะคะ แต่ก็พยายามจัดการกับอารมณ์และความคิดต่างๆ นั่งสมาธิบ้าง โดยใช้แอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า ‘Calm’ ที่ช่วยให้มิ้มผ่อนคลายความกังวลในแต่ละวันได้เยอะเลย พอทุกอย่างผ่านไป รู้สึกโล่งมาก และทำให้คิดได้ว่า อย่ากลัวในสิ่งที่เราไม่กล้า เพราะทุกครั้งที่เราผ่านมันไปได้ เราก็จะเก่งขึ้น และในอนาคตความกลัวนี้ก็อาจะค่อยๆ หายไป”
Cr. Mimpravitra’s Instagram