Home > Celebrity > Exclusive Interviews > เผยเรื่องราวของเซเลบริตี้สาวสวยสายแฟ(ชั่น) ‘มิ้งค์-เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์’ จากสาวแซบที่ผันตัวสู่บทบาทคุณแม่ลูกหนึ่ง

กาลเวลาเปลี่ยนไป สถาณภาพของแต่ละคนก็เปลี่ยนตามเฉกเช่นเดียวกันกับเซเลบริตี้สาวร่างบาง เจ้าแม่แฟชั่นที่ต้องบอกเลยว่าปรากฎตัวที่งานอีเวนต์ใดเป็นต้องเรียกแสงแฟลต ไปเฉิดฉายอยู่บนหน้าสื่ออยู่เสมอ ไม่ใช่ใครที่ไหนค่ะ เราก็ลังพูกถึง ‘คุณมิ้งค์-เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์’ ซึ่งจากสาวเฉี่ยวลุยทุกงานตอนนี้ผันตัวไปสร้างครอบครัวน่ารัก รับบทเป็นคุณแม่ลูก 1 ไปเป็นทีเรียบร้อย และวันนี้ HELLO!  มีโอกาสได้พูดคุยพร้อมเก็ยภาพความน่ารักของคุณแม่ และคุณลูกมาให้หลายๆคนหายคิดถึงแบบเอ็กซ์คลูซีฟเลยล่ะค่ะ

ถูกที่ ถูกเวลา

ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ธุรกิจ DDD.plc ที่คุณมิ้งค์เป็นผู้ร่วมก่อตั้งนั้นไปได้สวยและกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เวลาส่วนใหญ่ของคุณมิ้งค์จึงทุ่มเทให้งานเต็มร้อย ประกอบกับเมื่อ 4 ปีก่อน เธอเคยตั้งครรภ์ แต่เพราะสภาวะครรภ์ไม่สมบูรณ์ เรื่องลูกจึงพักไปยาว จวบจนปีที่ผ่านมาคุณมิ้งค์ตั้งใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มวางมือจากงานหลัก และกลับมาโฟกัสเรื่องลูกอีกครั้ง เธอจึงคิดว่าครั้งนี้น่าจะต้องพึ่งพาวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้มีลูกสมใจ

“จริงๆ มิ้งค์ตั้งใจพึ่งวิทยาศาสตร์ตั้งแต่หลังจากท้องครั้งแรก แต่คุณหมอแนะนำว่าไม่จำเป็น เพราะน่าจะมีได้ตามธรรมชาติ แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้นมาก็เงียบสนิท จนปีก่อนหลังจากบริษัทเข้าตลาดหุ้นเรียบร้อย มีคนมาช่วยดูแลบริหารให้ มิ้งค์ก็ตั้งใจพักเพื่อเตรียมตัวมีลูก ประกอบกับตอนนั้นเรากำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่ ก็เลยเชิญหมอช้าง (ทศพล ศรีตุลา) มาช่วยดูฮวงจุ้ยให้ หมอช้างก็ทักว่าถ้าย้ายมาอยู่บ้านนี้จะท้องและจะได้ลูกสาว ตอนแรกเราก็ไม่คิดอะไร ผ่านไปสักพักจนวันหนึ่ง หมอช้างเขาไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็ส่งรูปพระที่นั่นมาแล้วบอกว่าผมมาขอพรให้ เนื่องจากที่นี่ดังเรื่องขอลูก มิ้งค์เลยตอบไปว่า ไม่ทันแล้วค่ะ หมอช้างก็ถามว่าทำไม มีอะไรครับ เราเลยเฉลยว่า มิ้งค์ท้องแล้วค่ะ” เรียกได้ว่าหลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ไม่กี่เดือน ลูกก็มาทันใจ “ที่ตลกคือตอนที่ย้ายเช้ามาที่บ้านนี้ระยะแรกๆ มิ้งค์รู้สึกว่าทำไมเราอยู่บ้านนี้แล้วเวียนหัวจัง คิดเล่นๆ ว่าหรือเราทำอะไรไม่ถูกหรือเปล่า แต่สุดท้ายพอไปให้หมอตรวจจึงรู้ว่าตัวเองท้อง”

จันทรา..ชื่อนี้มีที่มา

“ตอนท้องมิ้งค์ชิลล์มากๆ พอใกล้จะคลอดคนจะเริ่มถามแล้วว่าตั้งชื่อลูกหรือยัง เราถึงเพิ่งมาคิดว่ามีหน่อยก็ดี ทั้งๆ ที่ตอนแรกตั้งใจจะเห็นหน้าเขาก่อนว่าเหมาะกับชื่ออะไร พอจะตั้งจริงก็ปรึกษากับสามีว่าเราใช้หลักบ้านๆ ง่ายๆ ดีกว่า เอาอักษรเหมือนแม่กับพ่อแล้วกัน ม.ม้า จากมิ้งค์ กับ น.หนู จาก นนท์ (สรานนท์ พรรัตนารักษ์) แล้วก็หาชื่อมาเลือกกันจนได้ชื่อ มูน ซึ่งเป็นชื่อที่ลองเรียกแล้ว
เข้าปาก ฟังง่ายๆ สบายๆ ไปเมืองนอกก็เรียกภาษาอังกฤษง่าย ส่วน จันทรา นั้นเวลาสะกดภาษาอังกฤษว่า Chandra จะดูเป็นภาษาอินเดียก็ได้ อังกฤษก็ได้ ข้อสำคัญคือชื่อฟังดูโบราณดี มิ้งค์เดาว่าพอรุ่นน้องมูนโตขึ้น เพื่อนๆ เขาคงจะมีชื่อภาษาอังกฤษเยอะ การที่เขาชื่อจันทรา น่าจะทำให้เขาดูแตกต่าง” แม้ชื่อจะได้มาก่อนคลอดแต่กลับมีความบังเอิญเกิดขึ้นด้วย “พอคลอดน้องออกมา บนหน้าเขาจะมีรอยแผลเป็นขาวๆ รูปพระจันทร์เสี้ยวคล้ายเปาบุ้นจิ้นอยู่กลางหน้าผากพอดีแต่ตอนนี้จางไปหมดแล้ว”

จัดเต็มที่แฟชั่นวีค

ในขณะที่คุณแม่มิ้งค์ขนแฟชั่นสุดเก๋คอลเลกชั่นส่วนตัวมาเข้าเฟรม น้องมูนก็มีคอสตูมของเธอเป็นหมวกบ้าง หรือที่คาดผมบ้าง เพิ่มความฟรุ้งพริ้งน่ารักให้สาวน้อยได้ทุกช็อต คุณแม่บอกว่าเป็นเพราะน้องมูนผมน้อยเลยต้องหาพร็อบส์เสริมให้เป็นพิเศษ พอถ่ายรูปมาลูกสาวเลยกลายเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวจิ๋ว เรียกว่าได้ดีเอ็นเอคุณแม่มาเต็มมาก หรืออาจจะเป็นเพราะช่วงตั้งครรภ์ได้ราว 7 เดือน คุณแม่มิ้งค์ก็พาลูกสาวไปงานแฟชั่นวีคที่ปารีสด้วยกัน “ตอนที่ไปเราไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่าท้องตัวเองใหญ่มาก รู้แต่อยากไปมาก ฉันต้องไปแฟชั่นวีค แล้วเราก็แต่งตัวเต็มตามปกติ แค่อาจเพิ่มไซส์ให้ใหญ่ขึ้น เวลาเดินก็รู้สึกหนักท้องนิดนึง แค่นั้น แต่ฝรั่งที่เห็นเขากลับปรบมือให้ว่าเราสุดยอด หลังจากนั้นพอกลับไปย้อนดูรูปถึงคิดว่าอื้อหือ ทำไปได้นะเรา ด้วยเหตุนี้มิ้งค์เลยรู้สึกว่าน้องมูนเขาคงชินกับกล้อง โตมาเขาจะชอบถ่ายรูป ไม่ตื่นคน” คุณมิ้งค์เล่า งานนี้คุณพ่อช่วยเสริมอีกแรงว่า “ผมว่าเขาได้ดีเอ็นเอแม่มาเยอะ เข้าสังคมได้ คุ้นกับผู้คน ไม่กลัวคน แต่อีกส่วนหนึ่งผมว่าเป็น
เพราะทั้งผมและมิ้งค์ให้เวลาเขาเต็มที่
ความรักความอบอุ่นเต็มร้อย” คุณนนท์กล่าว

“ด้วยความที่เราอยากมีลูกกันมานานแล้ว พอรู้ว่ามิ้งค์ท้องก็ดีใจกันมาก และพยายามศึกษาคนรอบตัวเรื่องการเลี้ยงเด็ก ประกอบกับพี่ผมทั้งพี่ชาย พี่สาว มีลูกกันหมดแล้ว เราก็ได้เรียนรู้จากเขาด้วย ที่ผ่านมาทั้งผมและมิ้งค์ให้เวลากับลูกเยอะ ในแต่ละวันจะต้องมีคนอยู่ประกบลูกตลอดเวลา ถ้ามิ้งค์ต้องออกไปทำธุระข้างนอกก็ต้องมีผมอยู่กับลูก ถ้าลูกตื่นกลางคืนจะเป็นผมที่อุ้ม เรียกว่าการมีลูกทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเลย คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าตัวเราเองก็จะเปลี่ยนไปด้วย อย่างสมัยก่อนผมเป็นคนชอบรถสปอร์ตมาก แต่ตอนนี้ทยอยขายรถสองประตูไปหมด เปลี่ยนมาเป็นรถตู้แทน” คุณนนท์กล่าว

เชื่อเลยว่าน้องมูนเป็นสุดที่รักของคุณพ่อตัวจริง เพราะระหว่างที่รอถ่ายภาพ คุณพ่อและลูกสาวก็มุ้งมิ้งกอดเล่นกันอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าเป็นตุ๊กตาตัวน้อยของทั้งคุณพ่อและคุณแม่สมดังตั้งใจ

 


สามารถติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 11

ประจำวันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2563

หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่  www.ookbee.com www.shop.burdathailand.com

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.