Home > Celebrity > Exclusive Interviews > เปิดใจโปรกอล์ฟ 2 พี่น้องหนึ่งของโลก ‘โปรโม-โปรเม จุฑานุกาล’ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ได้ง่าย!!!

ภายใน 5 ปีนับแต่เป็นนักกอล์ฟอาชีพ โปรโมและโปรเม โมรียาและเอรียา จุฑานุกาล วาดวงสวิงคว้าแชมป์เมเจอร์มาครอง ทะยานขึ้นติดอันดับโลก เงินรางวัลได้หลายร้อยล้านบาท กระทั่งได้เป็นนักกอล์ฟหญิงมือวางอันดับหนึ่งของโลก 

“วันนี้เมอาจเป็นมือหนึ่งแต่อีก 5 ปีเมอาจอยู่อันดับ 50 แล้วโมเป็นมือหนึ่งของโลกก็ได้” โปรเมกล่าว “แต่วันนี้ทุกคนเลือกจะตัดสินว่าใครเก่งกว่ากันจากจังหวะชีวิตและผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันของเราไปแล้ว” เอรียากล่าวสั้นๆเพียงแค่นั้นตามสไตล์คนไม่ชอบพูดยาว ทิ้งให้ HELLO! เป็นฝ่ายเชิญชวนให้ ‘ทุกคน’ เข้ามาอ่านภาคขยายความคิดและหัวใจของสองพี่น้องนักกอล์ฟตระกูลจุฑานุกาล ซึ่งยอมรับว่ามีวัยเด็กอันไม่ธรรมดาและโตมากับการถูกแบ่งชั้นวรรณะในสนามกอล์ฟ แต่ในวันนี้พวกเธอกลายเป็นนักกอล์ฟที่ดีที่สุดที่เมืองไทยจะมีได้

โปรเม ในรายการการแข่งขัน LPGA KEB Hana Bank Championship

ซ้อมไปบ่นไป 

เดือนธันวาคมที่จบสิ้นฤดูกาลแข่งขันคล้ายเป็นธรรมเนียมที่โปรโมและโปรเมจะเดินทางกลับเมืองไทยหลังตระเวนแข่งขันมาตลอดปีน้อยวันที่จะได้อยู่ในบ้านเกิดหากทั้งสองยังหาเวลามาให้ HELLO! ได้เข้าไปสัมผัสความคิดและหัวใจของนักกอล์ฟมือวางอันดับโลกซึ่งยังโชว์สปิริตนักกีฬาที่ยังยิ้มสู้กล้องอย่างไม่ยอมแพ้อุปสรรคใดๆแม้กระทั่งโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอที่เอรียาเป็นอยู่และโมรียาเป็นตามหลังในอีกไม่กี่วันถัดมา 

“ชีวิตก่อนมาเจอกอล์ฟ เราสองคนเป็นเหมือนเด็กทั่วไปค่ะ” โมรียาเป็นฝ่ายย้อนความทรงจำ เธอหันไปมองน้องสาวที่ใส่หน้ากากอนามัยนั่งให้เมคอัพอาร์ติสต์เติมสีสันให้กับใบหน้าโรยด้วยพิษไข้ “แต่ช่วงเวลานั้นแค่แป๊บเดียว คือช่วงตั้งแต่เกิดจนถึงตอนโมอายุ 7 ขวบ ส่วนเม 5 ขวบครึ่ง” สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของสองพี่น้องโมและเมคือเหตุการณ์ที่บิดา (คุณสมบูรณ์ จุฑานุกาล) ซึ่งทำธุรกิจขายอุปกรณ์กอล์ฟยื่นไม้กอล์ฟให้ลูกสาวสองคนและบอกให้เอาไปเล่นที่อื่น “พ่อรู้สึกว่าเราเล่นเกะกะเขา ส่วนใหญ่โมกับเมจะทำอะไรพร้อมๆ กัน เราเลยเริ่มจับไม้กอล์ฟพร้อมกันในวันนั้น” 

หลังจากนั้นสองพี่น้องเริ่มตระเวนแข่งกอล์ฟเล่นๆ และเริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่โมรียาบอกว่ามองย้อนกลับไปแล้วพวกเธอเป็นเด็กแปลก “หลังจากเริ่มเล่นกอล์ฟ เราไม่มีกิจกรรมเข้าโรงหนัง เดินห้างหรือไปสวนสนุกอีกเลย และพอเราเริ่มแข่งกอล์ฟมากขึ้น พ่อเลยไปคุยกับทางโรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ธนบุรี (เดิมชื่อโรงเรียนตรีมิตรวิทยา) คุณพ่อบาทหลวงมีวิสัยทัศน์มาก ท่านอนุญาตให้เราสองคนเรียนครึ่งวันได้ บ้านเราอยู่ใกล้โรงเรียนแค่ 10 นาทีถึง แต่ไม่เคยไปทันเข้าแถวเคารพธงชาติเพราะมัวแต่วิ่งอยู่ วิ่งเสร็จก็เปลี่ยนชุดในรถ กินข้าวในรถ แล้ววิ่งไปโรงเรียน ไปถึงก็นั่งเรียนกับน้องสาวสองคน ไม่ได้เรียนกับเพื่อนในห้อง เที่ยงพ่อมารับ กินข้าวในรถ แล้วไปซ้อมกอล์ฟที่สนามโรสการ์เด้น สามพราน

โปรโม

“เราไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไปเพราะเราไม่เคยรู้ว่าชีวิตปกติเป็นยังไง วันๆ ตื่นมาซ้อมตั้งแต่ 7 โมง เรียนเสร็จก็ไปซ้อมกอล์ฟ พอ 5 โมงเย็นไปซ้อมว่ายน้ำต่อจนถึง 3 ทุ่ม เวลาทำการบ้านยังแทบไม่มี แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมีเพื่อน ยิ่งพอเทิร์นโปรก็เริ่มไปตระเวนแข่งที่อเมริกาครั้งละนานๆ อยู่ที 4 – 5 เดือน กลายเป็นว่าเราใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งที่โน่นจนทุกวันนี้ค่ะ” 

 

มิสเพอร์เฟกชั่นนิสต์

“โมเคยคิดว่าถ้าได้แชมป์แรก โมอาจจะอยากร้องไห้หรือคงดีใจมากๆ แต่พอได้มาจริงๆ ปฏิกิริยาไม่ได้เยอะมากอย่างที่คิด คงเป็นไปตามคาแร็กเตอร์แต่ละคนด้วยมั้งคะ” ภาพในสนามวันนั้นคือโมรียายืนนิ่ง ขณะที่เอรียาโผกอดพี่สาว และคุณแม่นฤมล ติวัฒนาสุขยืนน้ำตาซึมอย่างยินดีข้างกายลูกสาว “เวลาคนเราประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เราภูมิใจต่างกัน ตัวโมรู้สึกภูมิใจกับกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่ซ้อมและลงเล่น โมคิดว่าน่าภูมิใจกว่าตอนรับถ้วยเสียอีก” โมรียาที่เทิร์นโปรตอนอายุ 18 และได้แชมป์แรกตอนอายุ 23 บรรยายความรู้สึกที่โลกต้องบันทึกไว้ว่าเธอเป็นนักกอล์ฟหญิงไทยคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ในรายการแอลพีจีเอทัวร์ได้นับจากเอรียา โปรกอล์ฟน้องสาวของเธอเอง

โปรโม ชื่นใจกับรางวัล Player Of The Year

นักกอล์ฟหญิงอันดับ 19 ของโลกกล่าวถึงเป้าหมายที่เธออยากพุ่งชนในปี 2019 ที่อาจผิดคาดจากความคาดหวังของใครหลายคน “มืออันดับหนึ่งของโลกเป็นเป้าหมายของโมหรือเปล่า ก็เป็นเป้าหมายหนึ่งค่ะ แต่ยังไม่ใช่เป้าหมายในตอนนี้ที่เราคิดว่าสำคัญและอยากทำ ก่อนหน้านี้โมเคยคิดว่าอยากเป็นท็อป 10 ของโลก แล้ววันที่โมขึ้นไปเป็นอันดับ 8 ของโลก โมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ฉะนั้นการติดอันดับโลกสูงๆ อาจยังไม่ใช่สิ่งที่โมต้องการในตอนนี้

“ก่อนที่โมจะได้แชมป์แรก โมเกือบจะได้เป็นแชมป์มาหลายครั้ง จนคนรอบข้างถามตลอดว่าเมื่อไหร่โมจะได้แชมป์เสียที หรือโดนเปรียบเทียบกับเมบ่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ความกดดันและความคาดหวังของคนอื่น เราต้องถามตัวเองว่าเราอยากได้แชมป์เพื่อคนอื่นหรือเพื่อตัวเอง เป้าหมายที่เราตั้งไว้เป็นของคนอื่นหรือของตัวเอง และเราทำให้คนหยุดถามไม่ได้หรอกค่ะ เราควบคุมคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้คือเป็นตัวเองและทำสิ่งที่ไม่ทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดก็พอ

“ปี 2019 นี้โมตั้งเป้าหมายไว้ว่าไม่อยากโฟกัสที่เป้าหมายมากเกินไปค่ะโมคิดว่ากระบวนการที่จะไปถึงเป้าหมายก็สำคัญตอนนี้โมแค่อยากตื่นขึ้นมาแล้วทำในแต่ละวันให้ดีและดีขึ้นค่ะ” 

 

ชีวิตนอกสนามกอล์ฟ

“ความรักหรือคะ…ไม่มีค่ะเหมือนได้เจอแต่คนเดิมๆชีวิต…เศร้ามากเป็นเป้าหมายที่มองไม่เห็นเลย” โมรียาทำหน้าเศร้าสร้อย “แต่ก่อนเรารู้สึกว่าตัวเองยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้ตอนนี้รู้สึกว่าเราใช้พลังไปโฟกัสกับเรื่องอื่นมากกว่า” พูดแบบนี้ก็เท่ากับปิดตัวเองตั้งแต่ยังไม่เริ่ม “ไม่ได้ปิด…ไม่รู้เหมือนกันไม่ได้คิดว่าปิดแต่ไม่ได้มีพลังจะไปเจอใครน่ะค่ะ” สเป็กคนที่ใช่ของเธอเป็นแบบไหน “ไม่มีสเป็กด้วยน่ะสิคะเลยไม่คิดว่าคนไหนที่ดึงดูดเรา” เชื่อในพรหมลิขิตไหมเธอทวนคำนี้เหมือนเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก “พรหมลิขิต…เรื่องนี้ห่างไกลจากโมมากไม่รู้จริงๆค่ะ และเมื่อถามถึงเรื่องสร้างครอบครัวและมีลูกเธอถึงกับร้องเสียงหลงเลยทีเดียว “โอ้โห …ไกลตัวมากโมไม่ได้เป็นคนรักเด็กขนาดนั้นด้วยไม่เหมือนเมครอบครัวสำหรับโมคือแม่และน้อง” โมรียาเหงื่อตกกับการตอบคำถามเหล่านี้ยิ่งกว่าออกรอบ 5 ชั่วโมงกลางแดดจ้าเสียอีก 

“วันไหนที่โมนอนเฉยๆจะรู้สึกผิดต้องลุกขึ้นไปทำอะไรสักอย่างเป็นเหตุผลว่าที่โมทำกับข้าวต่อเลโก้ระบายสีไปยิมคือต้องหาอะไรทำตลอดเวลาตรงข้ามกับเมถ้าวันไหนเมว่างเมจะนอนจริงจังหรือนอนดูละครเราอยู่กัน 3 คนแม่ไม่ทำเมไม่ทำโมก็เลยต้องทำแต่หลังๆทำเพราะชอบด้วยเมชอบกินปลาก็ทำปลานึ่งให้เขาในบ้านเมไม่มีหน้าที่อะไรเลยหยิบจานก็แตกช่วยล้างจานไม่ได้แน่ๆห้องตัวเองก็รกแล้วจะทำความสะอาดบ้านได้ยังไงทำกับข้าวทีครัวเละไปหมดเราไม่ได้ทำให้เมเป็นเจ้าหญิงหรอกค่ะเมมีอะไรที่ต้องทำต้องคิดและรับผิดชอบอีกเยอะเรื่องในบ้านเลยไม่ใช่งานของเม” 

น้องสาวรู้สึกร้อนวูบวาบไม่ใช่เพราะพิษไข้แต่เพราะสังหรณ์ใจว่ามีคนพูดถึงลับหลังแต่เธอก็ไม่คิดจะแก้ตัวใดๆ “บ้านที่เราสองคนซื้อที่อเมริกาอยู่ที่ออร์แลนโดค่ะ ความเป็นตัวเมในบ้านหลังนั้นก็คือ เมไม่ได้ทำอะไรกับบ้านนั้นเลย ทุกอย่างโมเป็นคนทำ เมไม่ได้เลือกอะไรสักอย่างในบ้าน เก้าอี้ ครัว โคมไฟ แม้กระทั่งเตียงเมก็ยังไม่เลือกเอง เมมีหน้าที่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในบ้าน หลังซ้อมเสร็จแล้วมีเวลาว่าง เมจะไม่ทำอะไรที่จะเสียเวลาดูละครเลย ไม่ใช่เสียเวลาชีวิตนะ เสียเวลาดูละคร เมชอบดูละครไทยทุกเรื่องบนโลกนี้ นอกสนามกอล์ฟแล้วเมเป็นคนขี้เกียจมากค่ะ” เธอกล่าวอย่างภูมิใจ

“ไม่มีใครขึ้นแล้วไม่ลงไม่มีใครลงแล้วไม่มีวันขึ้น” โปรกอล์ฟหญิงไทยโปรยคำคมไว้อย่างนั้นและในเมื่อพวกเธอเป็นคนพูดแล้วทำจริงในวันที่กำลังรุ่งโรจน์ทางอาชีพสองพี่น้องจุฑานุกาลวางแผนชีวิตหลังวางไม้กอล์ฟเอาไว้แล้วเรียบร้อย “ในชีวิตตื่นมาก็ซึมซับว่ากอล์ฟเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไม่เคยคิดจะเป็นอย่างอื่นแต่ณตอนนี้เรามีโอกาสทำอะไรก็ได้ที่อยากทำเราอยากหาโอกาสให้คนที่ยังไม่มีบ้าง ปีนี้เลยเป็นปีแรกที่เราสองคนตั้งมูลนิธิของตัวเองมูลนิธิโมรียา-เอรียาปีนี้เราหาเงินช่วยค่าผ่าตัดให้เด็กปากแหว่งเพดานโหว่และก่อนหน้านี้เราไปลงพื้นที่สร้างบ้านให้คนที่ไม่มีบ้านด้วยการที่เราเป็นนักกอล์ฟทำให้มีคนติดตามเราถ้าเราทำเพื่อสังคมโมเชื่อว่าคนที่ดูเราอยู่จะเห็นว่ามันก็เป็นสิ่งที่เขาทำได้เช่นกัน” 

“เราก็เหนื่อยมาเยอะเนอะ” เอรียาเกริ่นนำ “วันที่รีไทร์เมวางแผนไว้ว่าต้องมีเงินใช้จ่ายของครอบครัวมีเงินไปช่วยเด็กและมีเงินพอที่จะทำสิ่งที่อยากทำได้” ตลอดทุกช่วงชีวิตและตลอดการให้สัมภาษณ์เอรียาบอกว่าตัวเองเป็นคนใจร้อนแต่ก็เป็นคนทำตามแผนไม่ชอบกอล์ฟแต่ก็ซ้อมทุกวันกระทั่งเป็นมือหนึ่งของโลกชีวิตเคยแฉลบออกนอกลู่นอกทางบ้างไหม “คำนี้คืออะไรนิสัยไม่ดีเถียงแม่ต่อยเพื่อนขโมยของเตะพี่แบบนั้นเมทำประจำเลย (หัวเราะ) แต่หนีเที่ยวหรือปาร์ตี้ยันเช้านี่ไม่เคยทำเลยสักครั้งในชีวิตสิ่งเดียวที่เราคิดอยู่เสมอคือเรามีสปอนเซอร์ที่อยู่บนตัวเราเขาสนับสนุนนักกีฬาคนนี้เพื่อให้ไปทำสิ่งที่ดีเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นไม่ใช่มาทำตัวแย่ถ้าออกไปข้างนอกแล้วรู้ว่าจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีเมไม่ทำเมรับผิดชอบความรู้สึกคนที่เชื่อใจเมไม่ไหว

“แต่ถ้าเมรีไทร์ไม่มีโลโก้บนตัวแล้ววันนั้นเมอาจจะเป็นคนที่เละเทะที่สุดก็ได้”

 

นิตยสาร HELLO! ปีที่ 14 ฉบับที่ 01 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 2562

หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่  www.ookbee.com www.shop.burdathailand.com

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.