เปิดบ้านพักตากอากาศแสนร่มรื่นสไตล์คันทรี ของ ‘ม.ร.ว.พันธุ์ดิศ ดิศกุล’ ชีวิต Slow-Life กับสุนัขแสนรัก
ความเขียวขจีของต้นไม้นานาพันธุ์ ที่จัดตกแต่งเป็นสวนล้อมบ้านหลังน้อยสไตล์คันทรีแสนร่มรื่นเอาไว้ จนทำให้เราสะดุดตากับบ้าน No.7 ในบ้านทับเสม็ดที่ ‘คุณชาย-ม.ร.ว.พันธุ์ดิศ ดิศกุล’ เป็นเจ้าของ แต่ก่อนจะเข้าไปทักทายเจ้าของบ้านอย่างเป็นทางการ ทีม HELLO! ได้รับการต้อนรับจาก ‘เจ้าตะมุตะมิ’ หรือที่เจ้าของบ้านเรียกขานสั้นๆ ว่า ‘มุมิ’ สุนัขพันธุ์เวสต์ ไฮแลนด์ ไวต์ เทอร์เรียร์ (เวสตี้) ขนสีขาวฟูปุกปุย ส่งเสียงเห่าพร้อมกระโดดเหยงๆ เมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยือน



บ้านหลังนี้มีป้ายติดอยู่ด้านหน้าว่า ‘ศาลาอันเต’ คุณชายเริ่มเล่าที่มาของชื่อนี้ให้ฟังก่อนว่า “จริงๆ ป้ายชื่อนี้ เป็นชื่อที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จปู่ของผมประทานให้ท่านพ่อ (ม.จ.นิพัทธพันธุดิศ ดิศกุล) ใช้เป็นชื่อบ้านที่หัวหิน มีความหมายว่า ‘ศาลาแห่งความสุข’ และผมก็ไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาด้วยว่า ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงใช้ตั้งเป็นชื่อศาลาจัดเลี้ยงพระราชทานในโอกาสต่างๆ คล้ายกับเป็น ‘ศาลาแห่งความรื่นรมย์’ แต่ปัจจุบันบ้านนั้นขายไปแล้ว ผมจึงถอดป้ายชื่อดังกล่าวมาติดไว้ที่หน้าบ้านหลังนี้แทน เพราะบ้านหลังนี้ก็เป็น ‘บ้านแห่งความสุข’ ของผมเหมือนกัน”

จนกระทั่งเมื่อประมาณ 5 ปี ที่แล้ว คุณชายบังเอิญไปเจอ ‘คุณบี๋-มาริสา วีระไวทยะ’ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งในบ้านทับเสม็ด “คุณบี๋บอกว่ามีบ้านหนึ่งกำลังจะขาย ก็คือบ้านหลังที่คุณชายนั่งมองทุกครั้งที่ไปพักที่บ้านคุณปุ้ม แต่ไม่เคยเข้าไปด้านใน เห็นแต่หลังคาบ้าน จึงขอเข้าไปดู ด้วยความที่เราชอบทำเลที่มีความเงียบสงบ และมีวิวสองแบบ ฝั่งซ้ายเป็นป่า ฝั่งขวาเป็นทะเล และขับรถระยะทางพอๆ กับไปหัวหิน จึงตัดสินใจซื้อต่อบ้านหลังนี้อย่างไม่ลังเลเลยครับ”


อีกหนึ่งเหตุผลที่คุณชายตัดสินใจเลือกบ้านหลังนี้ คือในละแวกเดียวกันเป็นบ้านของคนรู้จักทั้งนั้น ข้างๆ รั้วติดกัน คือบ้านของคุณปุ้ม-ปัทมาศ วู๊ดวาร์ด ถัดไปเป็นบ้านของคุณนิด-ทิพย์มณี และคุณศุขเล็ก จรรยาวงษ์ ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ ออกไปก็เป็นบ้านของ คุณบี๋-มาริสา วีระไวทยะ ผู้แนะนำให้มาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านทับเสม็ด ก็ยิ่งรู้สึกอุ่นใจ ซึ่งเดิมทีที่ดินผืนนี้เป็นของ ‘คุณหญิงอุไร ลืออำรุง’ ผู้ที่เรียกได้ว่าบุกเบิกระยองและสร้างวังแก้วขึ้นมา คุณหญิงอุไรเป็นคุณแม่ของคุณเป้า -วิภาวดี พัฒนพงศ์พิบูล มัณฑนากรหญิง และครีเอทีฟแถวหน้าของเอเชีย เจ้าของ P49 Deesign and Associates ที่มาซื้อไว้เพื่อปลูกบ้านพักตากอากาศสำหรับครอบครัว แต่เห็นว่ายังพอมีที่ดินว่าง จึงสร้างบ้านเพิ่มเพื่อขายให้กับคนรู้จัก ได้มาอยู่เป็นเพื่อนบ้านกันนั่นเอง
My Home is My Style
นั่งฟังเพลินๆ พอแหงนหน้าไปมองที่ผนัง ก็อดถามถึงที่มาของภาพวาดและของประดับตกแต่งทั้งจานและรูปปั้นหัวสัตว์ต่างๆ ซึ่งจัดเรียงไว้อย่างลงตัวไม่ได้เลย และคุณชายยังแชร์เทคนิคในการแต่งบ้านให้เราฟังอีกด้วยว่า “ภาพวาดสวยๆ ทำให้การตกแต่งบ้านออกมาดูดีได้ก็จริง แต่อาจจะไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งมาจากดีเทลของกรอบรูปที่ช่วยเสริม บางครั้งก็เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์เลยนะ เพราะกรอบรูปคืองานศิลปะอย่างหนึ่ง ฉะนั้นผมจึงชอบสั่งทำกรอบรูปเอง โดยการบอกให้ช่างเอากรอบรูปแบบต่างๆ มาซ้อนทับกันให้มีหลายๆ ดีเทล ออกมาเป็นกรอบรูปที่ไม่ซ้ำใคร และเป็นสไตล์ที่ตัวเองชอบด้วย” นี่เป็นความลับที่คุณชายไม่เคยบอกให้ใครรู้มาก่อน เราจึงไม่แปลกใจเลยที่จะสะดุดตากับกรอบรูปต่างๆ ที่แขวนอยู่บนผนังตั้งแต่ก้าวเข้ามาในตัวบ้าน”



นอกจากภาพวาดที่เป็นของสะสมแล้ว คุณชายยังมีของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ซื้อเก็บไว้เมื่อตอนไปเที่ยวต่างประเทศด้วย “พวกจานก็มาจากหลายที่เลยครับ อย่างจานแดงๆ รูปปลา จำไม่ได้ว่าซื้อมาจากโมร็อกโกหรือสเปน ตอนแรกหิ้วมา 6 – 7 ใบ ตอนนี้เหลือแค่ใบเดียว เนื่องจากเอาแขวนผนังไว้อย่างที่เห็น วันดีคืนดีก็หล่นลงมาแตก ซึ่งอาจเป็นเพราะยึดไว้ไม่ดี ก็แอบเสียดายเหมือนกันนะ อุตส่าห์ขนมาแทบตาย (หัวเราะ) บางใบก็ซื้อมาจากฮ่องกงบ้าง”

อย่างไรก็ตามคุณชายยอมรับตรงๆ ว่า “‘การรีโนเวตบ้าน’ คืองานที่เหนื่อยที่สุด ซึ่งไม่ได้เหนื่อยที่เราต้องไปนั่งตอกตะปูเอง แต่เหนื่อยที่เราต้องใช้ความคิดใช้สมองตลอดเวลา กว่าจะจัดอะไรให้ลงตัวแต่ละมุมก็ไม่ง่ายเลยนะ การแต่งบ้านอันดับแรก เราต้องเข้าใจดีเทลของของแต่ละชิ้น ถ้าเราไม่ช่างสังเกต ไม่อ่านหนังสือ เราจะไม่มีไอเดียในการออกแบบตกแต่งเลย ซึ่งส่วนตัวเป็นคนชอบดีเทลมากๆ แค่การแขวนรูปภาพต่างๆ บนฝาผนัง ผมต้องคิดแล้วว่าจะจับอะไรไว้ตรงไหน จัดกรุ๊ปยังไงให้เข้ากันในหัวสมอง แต่จะไม่ได้วาดออกมาเป็นภาพ พอช่างมาก็เจาะๆ ติดๆ แขวนตามที่เราบอก เพราะฉะนั้นเราก็จะเหนื่อยคิดมากๆ (หัวเราะ) และการที่เราเลือกกรอบรูปที่ไม่มีความเหมือนกันเลย มาวางด้วยกันให้ลงตัว เป็นอะไรที่ยากมาก มุมไหนควรจะเติมดอกไม้เข้าไปให้มีสีสัน และต้องเป็นดอกไม้สีอะไร เราจะครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาเลยครับ”
‘เจ้ามุมิ’ สัตว์เลี้ยงตัวโปรด
ขณะที่คุณชายกำลังคุยสนุกออกรส เจ้ามุมิก็มานอนซบบนตักอย่างสบายใจ ไหนๆ สัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็มาเข้าฉาก คุณชายถือโอกาสพูดถึงซะเลย “จริงๆ ผมมีหมาที่เลี้ยงไว้หกตัว ตายไปแล้วสามตัว คือเจ้าอ้วนจัง เจ้าวันดี และเจ้าอ้อนแอ้น เพราะอายุมากแล้ว ตอนนี้ก็เหลือ เจ้าอุต๊ะ กับเจ้าฝุดฝุด ซึ่งเป็นหมาแสนรักของภรรยา และเจ้ามุมิตัวนี้”


และด้วยความที่เจ้ามุมิไม่ค่อยแข็งแรง เป็นโรคภูมิแพ้ตั้งแต่เกิด ต้องกินยาตลอด คุณชายจึงรักและเอาใจใส่อย่างดี ยิ่งตอนนี้เจ้ามุมิป่วยตาเป็นต้อกระจกอีก ทำให้ตาขวามองไม่เห็น และกำลังรอผ่าตัดเร็วๆ นี้ คุณชายค่อนข้างกังวลมากๆ กับผลข้างเคียง เพราะเป็นน้องหมาแสนรัก ที่ไปไหนต้องพาเจ้ามุมิตามติดไปด้วยเสมอ เวลานอนก็ยังต้องนอนด้วยกันเลย “ทุกครั้งที่พาเขาขึ้นรถกระบะคันประจำที่ขับมาที่นี่ เหมือนเขารู้ว่าเรากำลังจะไปไหน และเขาจะนอนนิ่งมาตลอดทาง แต่พอรถเลี้ยวเข้ามาที่บ้านทับเสม็ด เขาจะตื่นมาชะโงกดูทาง และกระโดดโลดเต้นดีใจที่รู้ว่ามาถึงแล้ว เขาชอบวิ่งเล่นทั่วบ้าน พอแดดร่มลมตกก็จะพาเขาไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วย เขาดูมีความสุขมากๆ ทำให้เราเองก็มีความสุขตาม”



สำหรับคนที่ชอบทำบ้านและตกแต่งบ้านตลอดเวลาอย่างคุณชาย เชื่อว่าคงไม่หยุดความคิดไว้แค่นี้แน่นอน “จากตอนแรกที่เข้ามาอยู่จะทุบพื้นบริเวณระเบียงด้านข้างบ้าน และยกหลังคาขึ้นสูงอีกนิด เพื่อเพิ่มช่องว่างสักหน่อย แต่ปรากฏว่า พอย้ายเข้ามาอยู่จริงๆ ช่วงหน้าฝน กลับรู้สึกว่า คงไว้แบบนั้นดีกว่า เพราะหลังคาสโลปลงต่ำ ช่วยกันไม่ให้ฝนสาดเข้ามาตรงระเบียง สามารถนอนชิลล์มองดูสายฝนโปรยปรายได้ ก็เลยคิดว่าอาจจะทุบห้องนอนห้องแรกออก แล้วขยายไปข้างๆ ที่ยังมีพื้นที่เหลือให้เป็นโถงใหญ่ และทำเป็นสองชั้น ด้านบนก็เป็นห้องนอนเพิ่มอีกห้อง ส่วนด้านหน้าบริเวณครัวก็จะทุบทำเป็นบัลโคนีเอาไว้นั่งจิบกาแฟมองวิวป่ายามเช้า” คุณชายเล่าแพลนแต่งบ้านที่วาดภาพไว้ในหัวให้ฟังปิดท้าย
จนถึงตอนนี้แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่า “ยังไม่ได้หาคำตอบให้ตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องการตกแต่งบ้านตามสไตล์ ‘คันทรีเฮาส์’ ว่าเป็นอย่างไร” แต่เราเข้าใจแล้วว่า บ้านหลังนี้ คือบ้านที่รวบรวมความทรงจำต่างๆ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของคุณชายเอาไว้ และเป็นบ้านที่เติมเต็มความสุข ณ ปัจจุบันของคุณชายอย่างแท้จริง
ติดตามบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ ‘คุณชาย-ม.ร.ว.พันธุ์ดิศ ดิศกุล’ ได้ในนิตยสาร HELLO!
‘ฉบับเดือนเมษายน 2565′ วางแผงแล้ววันนี้
? ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678
? สั่งซื้อออนไลน์ที่
shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth