Home > Celebrity > Exclusive Interviews > ความสำเร็จของ ‘คุณแอน-ปัทมาพร นกหงษ์’ จากผู้หญิงที่ได้รับมรดกหนีสินกว่า 700 ล้านสู่นักธุรกิจพันล้านใน 8 ปี

ในฐานะหญิงแกร่งปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องนับรวมผู้หญิงคนนี้ ‘คุณแอน-ปัทมาพร นกหงษ์’ ซีอีโอแห่งมาย แพชชั่น แอนด์ อินสไปเรชั่น และเฟลิซิตี้ แอสเซท เจ้าของตึกสูงระฟ้าขนาด 32 ชั้น ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในจังหวัดระยอง และเป็นที่ตั้งของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท ระยองซิตี้เซ็นเตอร์ โรงแรมน้องใหม่ที่ครองตำแหน่งแลนด์มาร์คสำคัญที่มีความล้ำสมัยเคียงข้างห้าง Passione Shopping Destination

‘คุณแอน-ปัทมาพร นกหงษ์’ ลูกๆทั้งสอง ‘น้องเฟยเฟย-ธัญธร นกหงษ์’ และ ‘น้องเฟินเฟิน-ธัญญา นกหงษ์’

ซึ่งวันนี้ HELLO! มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณแอน และลูกๆทั้งสอง ‘น้องเฟยเฟย-ธัญธร นกหงษ์’ และ ‘น้องเฟินเฟิน-ธัญญา นกหงษ์’ ถึงเส้นทางความสำเร็จของชีวิตที่พลิกผลัน จากธุรกิจห้างที่มีหนี้สิน 700 ล้านบาท ให้งอกเงยเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ รวมมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทในชั่วเวลาเพียง 8 ปี ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของลูกสาวที่ยังเล็กอยู่มาก จากเด็กสาวที่เกิดมาในครอบครัวที่เธอบอกว่าเป็นครอบครัวที่ปกติธรรมดา มีชีวิตวัยเด็กที่สนุกสนานตามวัย ไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อเด็กสาวคนนี้โตขึ้นจะกลายเป็นนายหญิงที่สามารถนำพานาวาธุรกิจฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจมาได้อย่างสง่างามเช่นทุกวันนี้…เธอทำได้อย่างไร

‘คุณแอน-ปัทมาพร นกหงษ์’

คุณแอนเลือกเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงที่เรียนจบปริญญาตรีก็มีแพลนอยากเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกแบบคนอื่นเขา แต่จังหวะนั้น ด้วยภาวะพิษวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 ที่ประเทศไทยเผชิญกับต้มยำกุ้ง ทำให้แผนการไปเรียนต่อล่ม เธอจึงเข้ามาช่วยงานคุณพ่อและพี่ชายทำงานที่ห้างแหลมทอง “แอนทำงานให้กงสีอยู่ 14 ปี จนเริ่มรู้สึกว่าแนวทาง ทัศนคติหรืออะไรหลายๆ อย่างไม่เหมือนกับพี่ชาย วิชั่นในการทำงานของเรากับพี่ชายก็ไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว จนรู้สึกว่าถ้าเราจะถูกลดทอนตัวตนไปเรื่อยๆ คงไม่ไหว ขอกลับไปทำอะไรเล็กๆ เป็นของตัวเองดีกว่า”

“ธุรกิจกงสีเป็นธุรกิจห้างอย่างเดียวเลย ก่อนแอนแยกตัวมีแหลมทอง ศรีราชา , แหลมทอง แหลมฉบัง และแหลมทอง บางแสน กับแหลมทอง ระยอง มีตึกคอมอีก 2 ตึก แอนเชื่อว่าเราคงไม่อดตาย ก็เลยไปขอคุณพ่อว่าจะลาออก และไม่ขอรับอะไรเลย หลังจากนั้นแอนก็ประหยัดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง โดยมั่นใจว่าเราอยู่ได้ ซึ่งตอนนั้นยังอยู่กับสามี และลูกที่ยังเล็กมาก ผ่านไปหนึ่งเดือนคุณพ่อเห็นว่าเอาจริง ท่านจึงเรียกแอนไปคุย มีคุณพ่อแอน และพี่ชาย นั่งคุยกันสามคน ท่านก็ถามว่ามั่นใจนะว่าจะออก แอนก็บอกว่าใช่ค่ะ แอนลาออก แอนทำเต็มที่แล้ว คุณพ่อก็เลยบอกว่าถ้างั้นยกห้างที่ระยองให้”

“แอนฟังแล้วก็อึ้ง เพราะตอนนั้นมีห้างใหญ่ประกาศตัวแล้วว่ากำลังจะมาเปิดสาขา ขณะที่ที่ผ่านมาเราคอยรับคำสั่งพี่ชายมาตลอด เป็นผู้ตามไม่ใช่ผู้นำ พอคุณพ่อโยนมาอย่างนั้นก็ค่อนข้างตกใจกับการตัดสินใจของท่าน ว่าทำไมท่านถึงกล้าขนาดนั้น ไม่รู้ว่าท่านเอาความมั่นใจมาจากไหนที่จะยกกิจการให้เรา ขนาดเราเองยังสงสัยตัวเองเลยว่าจะทำได้จริงหรือ เพราะตอนนั้นแอนอายุแค่ 35 – 36″

“เป็นการตัดสินใจที่เล่นเอาขาสั่นพอสมควรเพราะรู้ว่าเราเองไม่เป็นอะไรเลย แต่คิดว่ายังไงเราก็ต้องสู้ เพราะเราอยากพิสูจน์ให้ทุกคนรวมทั้งพี่ชายที่ไม่เชื่อในตัวแอน เห็นว่าสิ่งที่เราแอบคิดแอบเชื่อในใจมาตลอดเวลา 14 ปีที่ทำงานให้กงสีเห็นว่าการลองทำสิ่งที่เราคิด ตามวิชั่นของเราที่อยากทำห้างแบบที่เราฝัน จะประสบความสำเร็จไหม ก็เลยตัดสินใจรับกิจการ”

 

Working with Passion

“คุณพ่อแบ่งทรัพย์สินรวมทั้งหนี้สินที่ติดมากับกิจการนั้นให้ลูกๆด้วย แอนได้ห้างที่ระยองพื้นที่รวม 24 ไร่ และต้องรับหนี้ที่ติดมาด้วยอีก 700 ล้านบาท นั่นคือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว” ซีอีโอหญิงบอกกับเราด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้แอนไม่สามารถนั่งชิลล์ได้ เมื่อได้รับมาก็ต้องมาวางแผนกลยุทธ์การทำงานใหม่หมดเลย จะทำยังไงให้อยู่รอด แอนเริ่มจากการทะยอยรีโนเวตห้างก่อน ซึ่งก็ต้องเป็นหนี้เพิ่มอีก 100 กว่าล้านบาท โดยไม่เคยมีความคิดว่าจะขายกิจการเลยไม่มีอยู่ในหัว คิดแค่ว่าถ้าจะล้มก็ขอล้มไปด้วยกันใจเรามีแค่นั้น แอนไม่เคยคิดจะเอาตัวรอด รู้แค่ว่าเราจะทุ่มเททำให้เต็มที่จนสุดแรงสุดกำลังที่มี

“ช่วงแรกโดนปรามาสสารพัดว่าแอนไม่มีทางรอด เพราะเวลานั้นแอนไม่เป็นอะไรเลยประสบการณ์ 14 ปีไม่ได้ช่วยอะไร เพราะที่ผ่านมาแอนเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ ชิ้นหนึ่งในกงสี แค่ต้อนรับลูกค้าดูแลลูกค้า ไม่ได้ดูภาพใหญ่ของธุรกิจแล้วก็มีความเป็นขบถด้วย พอแยกตัวออกมาก็เลยต้องกัดฟันสู้อย่างเดียว เพราะเราหลังชนฝาแล้ว มีครอบครัวต้องดูแล และลูกน้องที่ตามกันมาอีก 5 คนแอนรู้ว่าพวกเขารักในตัวแอน ลูกน้องก็มาถามว่าพี่แอนรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ไหม แอนบอกพี่แอนไม่เป็นอะไรเลย แต่ถ้าทุกคนเชื่อในตัวพี่แอน พี่แอนจะทำให้พวกเราทุกคนเห็นว่าเราทำได้”

 

‘ลูก’ คือแรงขับเคลื่อนชีวิตที่ดีที่สุด

“ลูกคือแบ็กอัพที่สำคัญของแอน เบื้องหลังความสำเร็จของแอนมาจากลูกและทีมงาน แอนโชคดีมากที่มีลูกเป็นกำลังใจสำคัญ ถึงแอนจะพลาดเรื่องชีวิตคู่ แต่สิ่งที่แอนได้มาคือลูกซึ่งเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต และลูกก็เป็นแรงบันดาลใจและเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตที่ทำให้แอนมาถึงทุกวันนี้ ตอนที่ตัดสินใจรับกิจการ แอนบอกลูกว่าสิ่งที่หม่าม้าจะขอลูกก็คือ หนูจะต้องดูแลตัวเองนะ เมื่อก่อนหม่าม้าเทคแคร์หนูได้ตลอดเวลา มาวันนี้หม่าม้าตัวคนเดียวต้องดูแลหนูทั้งสองคน ทำให้ไม่สามารถไปรับส่งหนูที่โรงเรียน

สองศรีพี่น้องกับเจ้าม้าตัวโปรด หนึ่งในม้าสามตัวที่คุณแม่ซื้อให้ลูกสาว

“ดังนั้นตื่นเช้ามาลูกต้องจัดการตัวเอง หัดทำอาหารเอง ปิ้งขนมปังเอง หม่าม้าไม่สามารถส่งหนูได้ ก็โชคดีที่ลูกเข้าใจและเชื่อฟัง เพราะแอนเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าเราใกล้ชิดเขา คุยกับเขาทุกเรื่อง เขาก็จะคุยกับเราทุกเรื่องเหมือนกัน แอนไม่เคยปล่อยให้ลูกอยู่กับพี่เลี้ยง โดยบอกว่าแม่ยุ่ง แอนไปไหนก็พาเขาไปด้วยตลอด ไปเซอร์เวย์ห้างหรือโรงแรมก็ไปสำรวจทุกซอกทุกมุม แล้วก็ถือโอกาสสอนเขาไปในตัว แอนไม่เคยปล่อยให้ลูกเป็นคุณหนูสบาย

น้องเฟยดูทะมัดทะแมงในชุดขี่ม้าอันเป็นกีฬาที่เธอชนะการแข่งขันมาแล้วหลายรายการ และใฝ่ฝันว่าอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติสักครั้งในชีวิต

“ถ้าแอนเจอปัญหาชีวิต คนที่แอนจะปรึกษาได้ดีที่สุดก็คือลูก ตั้งแต่เขายังเล็กเวลามีปัญหาแอนจะกลับไปเล่าให้เขาฟังว่าวันนี้หม่าม้าเจออะไร จะแชร์ทุกข์แชร์สุขให้เขารับรู้เสมอ จนวันนี้คนโตอายุ 17 ปี เป็นนักเรียน Year 12 คนเล็กอายุ 11 ปี เป็นนักเรียนชั้น Year 6 แห่งโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ บ้านฉาง แอนก็ยังเล่าทุกเรื่อง แล้วก็ถามว่าหนูคิดยังไงเป็นกำลังใจสำคัญ แอนไม่เคยเลี้ยงลูกให้เขาอยู่ในความฝัน แต่จะแชร์ความเป็นจริงให้เขารับรู้เสมอ”

ติดตามเรื่องราวชีวิตกว่าจะประสบความสำเร็จแบบเอ็กซ์คลูซีฟได้ใน…..

นิตยสาร HELLO! ปีที่ 14 ฉบับที่ 06 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2562

หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่  www.ookbee.com www.shop.burdathailand.com

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.