Home > Celebrity > Exclusive Interviews > เก็บข้อมูลก่อนเดินทาง ‘แพร-ปาลาวี บุนนาค’ แชร์ประสบการณ์ติดโควิดที่ฝรั่งเศส

ช่วงนี้หลายคนเริ่มเดินทางไปต่างประเทศกันมากขึ้น แม้สายพันธุ์โอมิครอนจะทำให้โรคโควิด-19 กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง แต่ด้วยลักษณะอาการที่ไม่รุนแรง อาจทำให้หลายคน ‘ติดโควิดที่ต่างประเทศ’ แบบไม่คาดคิด ครั้งนี้ HELLO! นำประสบการณ์การติดโควิดที่ฝรั่งเศสจากเซเลบริตี้สาวสายลุยอย่าง ‘แพร-ปาลาวี บุนนาค’ ที่เดินทางไปเล่นสกีที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม 2565 มาให้เก็บเป็นข้อมูลเผื่อใครมีแพลนเดินทางไปฝรั่งเศสในช่วงนี้

คุณแพรเริ่มเล่าถึงการเดินทางคร่าว ๆ ก่อนว่า ส่วนตัวแพลนซื้อตั๋วสกีไว้นานแล้วก่อนโรคโควิดระบาด จนช่วงปลายปีที่แล้วสถานการณ์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเริ่มดีขึ้น สายพันธุ์โอมิครอนยังไม่ระบาด จึงตัดสินใจจองทุกอย่างล่วงหน้า กระทั่งก่อนเดินทางไม่กี่สัปดาห์ ปรากฏว่าสายพันธุ์โอมิครอนระบาดหนัก ตอนนั้นลังเลนิดหน่อย แต่คิดว่าจะยกเลิกก็ลำบาก เพราะจองทุกอย่างล่วงหน้าไว้หมดแล้วไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน รถไฟ สกี และที่พัก เหลือแค่เอาตัวเองไปเท่านั้น สุดท้ายเลยเดินทางไป โดยฉีดวัคซีนแล้ว 4 เข็มคือ ซิโนแวค 2 เข็ม, ซิโนฟาร์ม 1 เข็ม และไฟเซอร์ 1 เข็ม เนื่องจากที่ฝรั่งเศสมีมาตรการว่าผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องได้รับวัคซีนแบบ mRNA อย่างน้อย 1 เข็ม และต้องแสดงวัคซีนพาสปอร์ตเวลาเข้าสถานที่ต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

ส่วนคำถามที่ว่าติดโควิดได้อย่างไรนั้น จนถึงตอนนี้คุณแพรยังไม่ทราบแน่ชัด และได้ไล่เรียงถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ตลอดทริปว่า มีโอกาสหลายครั้งตั้งแต่ตอนตรวจ RT-PCR ที่ประเทศไทย เนื่องจากต้องเจอกับกลุ่มคนที่มาตรวจแบบ Test & Go นอกจากนี้ยังมีตอนไปนั่งที่เลาน์จในสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่อง แล้วเปิดหน้ากากอนามัยเพื่อรับประทานอาหาร ส่วนตอนอยู่บนเครื่องบินมีเปิดหน้ากากอนามัยเพื่อรับประทานอาหารบ้าง แต่พยายามป้องกันด้วยการใส่ชุดที่มีหน้ากากใส ๆ ปิดหน้า กระทั่งไปถึงสนามบินที่ฝรั่งเศส เปิดหน้ากากอนามัยตอนไปคาเฟ่ มีความเป็นไปได้ที่จะติดจากตอนนั้น เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อที่ฝรั่งเศสเริ่มสูง

ติดโควิดที่ต่างประเทศ

คุณแพร เล่าต่อไปว่า หลังลงเครื่องตัวเองและเพื่อน ๆ ขึ้นรถไฟไปเมืองลียง ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับลานสกี และมีร้านอาหารที่อร่อยมาก ๆ หลังจากเข้าที่พัก จึงออกไปรับประทานอาหารกับเพื่อน ดื่มไวน์นิดหน่อย แล้วออกไปเดินถ่ายรูปเล่น ตอนนั้นสภาพอากาศหนาวมาก และคิดว่าเป็นจังหวะที่ภูมิคุ้มกันตกพอดีจากการพักผ่อนน้อย บวกกับรอบเดือนมา

“เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เลยโดยเฉพาะผู้หญิง เพราะแพรทั้งประจำเดือนมา แล้วดื่มแอลกอฮอลล์ด้วย ส่วนตัวคิดว่าแม้ร่างกายจะได้รับเชื้อมา แต่ถ้าภูมิคุ้มกันดี แพรว่าเราไม่น่าจะเป็นอะไร แต่พอภูมิเราตก เชื้อมันแทรกขึ้นมาได้ทันที”

คุณแพรเล่า
ติดโควิดที่ต่างประเทศ

หลังเดินทางถึงฝรั่งเศสในวันที่ 14 มกราคม กระทั่งเล่นสกีในวันที่ 16 มกราคม คุณแพรย้ำว่า นอกจากตอนรับประทานอาหาร และตอนเล่นสกีตัวเองใส่หน้ากากอนามัยตลอด รวมถึงคนในฝรั่งเศสยังสวมหน้ากากอนามัยกันเป็นปกติ จนเย็นวันที่ 16 คุณแพรเริ่มมีอาการเจ็บคอ แต่คิดว่าเป็นจากสภาพอากาศจึงกลั้วคอและกินยาฟ้าทะลายโจร ซึ่งวันรุ่งขึ้นยังมีอาการเจ็บคอ ระคายคอ ไอนิดหน่อย ไม่มีไข้ แต่นอนกระสับกระส่าย ลุกขึ้นมาดื่มน้ำและถ่ายบ่อย ตอนนั้นตรวจ ATK แต่ผลเป็นลบ มาทราบอีกครั้งว่าตัวเองติดโควิดคือตอนกลับมาปารีส แล้วต้องตรวจ RT-PCR ล่วงหน้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง เพื่อใช้ผลในการเดินทางกลับประเทศไทย

แพร ปาลาวี

เมื่อทราบว่าผลตรวจตัวเองเป็นบวก คุณแพรจึงกักตัวแยกกับเพื่อน 2 คนที่ผลตรวจเป็นลบ โดยคุณแพรเล่าว่าตอนนั้นกังวลใจพอสมควร เพราะฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ตัวเองไม่ค่อยคุ้นเคย และยังไม่รู้ว่าอาการจะแย่ลงหรือเปล่า แต่อย่างน้อยพอสื่อสารภาษาฝรั่งเศสได้ และมีคนรู้จักที่ฝรั่งเศสอยู่บ้าง เพื่อนที่อังกฤษที่เป็นเจ้าของ Four Seasons Royal China จึงจัดส่งคนที่ไชน่าทาวน์มาส่งอาหารให้ ส่วนพี่สาวของเพื่อนที่ร่วมเดินทางครั้งนี้มีเพื่อนคนไทยที่อยู่ฝรั่งเศสก็ติดต่อเพื่อนำยาและอาหารมาให้ในช่วงที่เริ่มกักตัวเข้าวันที่ 3-4

ติดโควิดที่ต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม คุณแพรบอกว่าหลังจากทราบผลตรวจว่าเป็นบวกมาตรการของที่ฝรั่งเศสจะคล้าย ๆ กับบ้านเราคือหากอาการไม่รุนแรงก็จะแนะนำให้กักตัวรักษาตามอาการที่บ้าน ซึ่งคุณแพรก็รักษาตัวเองโดยการ กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ ล้างจมูก กินฟ้าทลายโจร รวมถึงใช้ยาพ่นคอและยาแก้ไอที่ซื้อจากฝรั่งเศส ประมาณ 3 วันร่างกายก็แทบกลับมาเป็นปกติ พอเห็นว่าอาการดีขึ้นแล้วจึงพยายามตรวจ RT-PCR ซ้ำเผื่อว่าผลตรวจออกมาทันกลับไฟลต์เดิม แต่ปรากฏว่าผลตรวจยังเป็นบวกอยู่เนื่องจากเชื้อตายสามารถอยู่ร่างกายได้นานถึง 30 วัน จึงต้องอยู่ฝรั่งเศสคนเดียวอีกระยะ

ติดโควิดที่ต่างประเทศ

สำหรับการตรวจ RT-PCR เพื่อใช้ในการเดินทางกลับประเทศไทย คุณแพรให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากไปตรวจแล้วได้ผลเป็นบวก เราจะไม่สามารถตรวจที่แล็บเดิมได้ ต้องเว้นระยะเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งสถานทูตแนะนำว่าหากผ่านไป 14 วันแล้วยังได้รับผลตรวจเป็นบวก จะต้องให้แพทย์ออกใบรับรองว่าเราได้ผ่านการรักษาแล้ว ส่วนคุณแพรผลตรวจเป็นบวกอีกประมาณ 2 ครั้ง แล้วครั้งต่อมาปรากฏว่าผลตรวจเป็นลบจึงสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ในวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา

“โอมิครอนแม้อาการน้อยกว่าไข้หวัด แต่เป็นแล้วกว่าจะกลับมาประเทศไทยได้ไม่ใช่ง่าย ๆ ต้องรอให้ผลเป็นลบ”

คุณแพรกล่าว
แพร ปาลาวี

ปิดท้ายคุณแพรแนะนำคนที่เดินทางไปฝรั่งเศสเพิ่มเติมว่า อย่าชะล่าใจคิดว่าฉีดวัคซีนครบแล้วไม่น่าติด ต้องเตรียมยาหรือสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย เพราะระบบโรงพยาบาลที่ฝรั่งเศสไม่ได้เข้าถึงง่ายแบบบ้านเรา แม้ว่าที่ฝรั่งเศสจะมีเบอร์ฉุกเฉินแต่ไม่ใช่ว่าโทรศัพท์ไปแล้วจะมีแพทย์มาทันที นอกจากนี้ ควรเตรียมหน้ากากอนามัยไปให้เพียงพอ ใครที่จะไปสกีต้องเตรียมไปใช้วันละประมาณ 3 อัน เพราะเวลาเล่นสกีจะมีน้ำมูก ต้องคอยเปลี่ยนหน้ากากอนามัยบ่อย ๆ

ติดโควิดที่ต่างประเทศ

หากใครสะดวกอาจเตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อติดเชื้อแล้วต้องกักตัว 14 วัน และควรเตรียมวัคซีนพาสปอร์ตให้พร้อม เพราะจำเป็นในการเข้าสถานที่ต่าง ๆ สุดท้ายคือ ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด เนื่องจากที่ฝรั่งเศสไม่ได้มีมาตรการเว้นระยะห่างเหมือนที่ประเทศไทย และ ก่อนเดินทางควรเช็คประกันต่าง ๆ ไว้ก่อน ว่าหมดอายุหรือยัง ครอบคลุมในการเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ และพยายามเก็บใบเสร็จเพื่อใช้สำหรับการเคลมประกันด้วย. ( ติดโควิดที่ต่างประเทศ )

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.