Home > Celebrity > Exclusive Interviews > เคล็ดลับหัวเราะทุกวันจากภายในของ ‘คุณแฮงค์-พงศกร เอี่ยมองค์’ กับเพื่อนซี้ 4 ขาสุดรัก

หากพูดว่าความรักจาก ‘น้องหมา’ จะเยียวยาทุกสิ่งก็คงไม่ผิดล่ะค่ะ สำหรับ ‘คุณแฮงค์-พงศกร เอี่ยมองค์’ ผู้อำนวยการสถาบันนิวเคมบริดจ์ (ประเทศไทย) ที่ถือว่าเป็นคนหนึ่งที่ทำงานหนักจนทำร้ายสุขภาพจิต จนเจ้าตัวถึงกับบอกว่า มทำงานเยอะ เมื่อก่อนถึงบ้านเหนื่อยก็นอน บางทีต้องกินยาแก้ปวดหัวตามด้วยซ้ำ บางทีลืมหัวเราะนะ” แต่วันนี้ของคุณแฮงค์นั้นเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะ เมื่อมีเพื่อนซี้ 4 ขาอย่าง ‘ขนมโก๋’ และ ‘ขนมถ้วยฟู’

ขนมโก๋ และ ขนมถ้วยฟู

ว่ากันตามจริงหากเบื้องบนส่ง ‘ขนมโก๋’ มาทดสอบความใจแข็งที่จะไม่เลี้ยงสุนัขขนยาวแล้วละก็ ‘ขนมถ้วยฟู’ ก็คงถูกส่งตามลงมาทดสอบความรักความเมตตาที่มนุษย์มีให้ต่อสัตว์เลี้ยง “ทั้งสองตัวเกิดวันเดียวกัน ปีเดียวกัน แต่คนละเดือน พี่โก๋เกิดต้นปี 7 มกราคม พ.ศ. 2557 ส่วนน้องถ้วยฟูเกิดปลายปี วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เป็นพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ขนสีขาวสำลีเหมือนกัน” 

เพียงขวบปีเดียวถ้วยฟูก็เริ่มปรากฏอาการเจ็บป่วยต่างๆ ออกมา ตั้งแต่หลอดลมตีบ โรคภาวะอัณฑะทองแดง ที่หากปล่อยไว้เสี่ยงที่จะกลายเป็นมะเร็งได้ พอขวบครึ่งก็ผ่าเข่าข้างขวาจากโรคลูกสะบ้าเคลื่อนที่ และที่หนักหนาคือการป่วยเป็นโรค Black Skin Disease หรือโรคขนร่วงโดยไม่รู้สาเหตุ

คุณแฮงค์เจาะจงเลือกอาหารเม็ดที่ทำจากเนื้อปลาเท่านั้น โดยผสมให้กินกับผักต้มที่หมุนเวียนชนิดไป เพิ่มปลาต้มมีทั้งแซลมอน ทูน่า และดอรี่สลับกันไป ส่วนขนมสุนัขก็ต้องใจแข็งให้กินไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ผสมสารกันบูด เลยเปลี่ยนของว่างยามบ่ายเป็นผลไม้ที่ไม่หวานมาก ในช่วงแรกคุณหมอให้กินยาฮอร์โมน ไทโรสเปนทุกวัน วันละเม็ด ร่วม 2 เดือนขนถึงเริ่มกลับมาขึ้น แต่กังวลว่ากินยามากไตจะพัง จึงสั่งยาทาจากอเมริกาแต่ทาแล้วมันเยิ้มมาก เลยเปลี่ยนมาใช้สมุนไพรไทยที่ผสมกำมะถันแทน ทาอยู่นานเกือบ 4 เดือน ขนถึงกลับมาฟูฟ่องขาวสวย แต่ผ่านไปปีกว่าอาการเดิมก็กลับมาเยือนถ้วยฟูอีกครั้ง

‘คุณแฮงค์-พงศกร เอี่ยมองค์’ กับเพื่อนซี้ที่ช่วยให้ทุกวันนี้หัวเราะได้จากภายใน

“ผมเหมือนคนสิ้นหวัง เจอสูตรป้าคนหนึ่งในเน็ต เป็นยาน้ำไว้กิน ส่วนยาทาต้องกล้อนขนที่หร็อมแหร็มออกให้หมดก่อน แล้วใช้สกอตไบรต์ขัดผิวดำๆ ให้ถลอกจนเลือดซิบเพื่อกระตุ้นให้ขนกลับมาขึ้นใหม่” เล่าถึงตรงนี้เสียงคุณแฮงค์ขาดตอนไป พร้อมกับการสะกดความรู้สึกที่แล่นขึ้นมาจุกอยู่ในหัวอกพ่อ “จำได้เลยว่าถ้วยฟูสั่นมากเอามือมาเกาะแขน แล้วก็มองตาผม เหมือนจะบอกว่า ‘ป๊าพอเถอะ’ เขาเหมือนจะขาดใจ เลยใช้วิธีถูเขาที ถูแขนตัวเองที เพื่อให้เขารู้ว่า ‘เราจะเจ็บไปด้วยกันนะลูก’ เขาห้อเลือดเลยนะ ทนทำได้ 2 อาทิตย์ สุดท้ายสงสารเขาจับใจเลยต้องเลิก และพาเขาไปหาหมออีกที ปรากฏว่าค่าตับไม่ดีน่าจะเกิดจากยาน้ำที่กินเข้าไป คุณหมอจ่ายยาเมลาโทนิน ถ้วยฟูกลับมาขนสวยอีกครั้ง แต่ 8 เดือนต่อมาก็กลับมาร่วงใหม่อีกครั้ง โรคนี้เป็นโรคที่ไม่ได้ส่งผลกับสุขภาพโดยรวมของหมา เคยคิดจะปล่อยให้ร่วง เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง ผมรักลูกไม่เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว แต่สังเกตว่าช่วงที่ขนร่วง ถ้าไปถ่ายรูป เขาจะไม่ยอม เลยอยากให้ถ้วยฟูกลับมามีความสุข ได้มั่นใจในตัวเอง และกลับมาขนฟูสวยอีกครั้ง ตอนนี้คุณหมอให้กินเมลาโทนินเพิ่มเป็น 2 เม็ด ซึ่งปลอดภัยกว่ากินยาบำรุงขนที่ขายกันเกลื่อนทางเว็บไซต์

ขนมโก๋ กับของเล่นชิ้นโปรด

“ขนมโก๋จะนิ่งๆ แววตาเหมือนคน เขาไม่มีพฤติกรรมอย่างที่หมาทำเลย ฉี่ยังไม่ยกขาเลย เขาชอบให้พี่เลี้ยงถักเปียหาง ต้องติดกิ๊บให้ด้วย (หัวเราะ) วันไหนกิ๊บหลุดหาย พี่โก๋ก็จะต้องเที่ยวเดินหาในบ้าน จนพี่เลี้ยงต้องเอากิ๊บตัวใหม่ไปติดให้ เขาก็จะดี๊ด๊าดีใจ ส่วนถ้วยฟู ตอนที่เขาขาเจ็บเพราะเข่าหลุด เลยไม่เดินมากินอาหาร ผมสปอยล์ลูกว่า ‘ไม่เป็นไร หนูไม่ต้องเดิน ป๊าอุ้มหนูได้ตลอดชีวิต’ แต่จะไม่ให้กินอาหารคนที่มีทั้งผงชูรสและรสจัดเด็ดขาด เวลาผมกินข้าวจะมีสลัดผักเตรียมไว้ ถ้าเขาเห็นผมกินแล้วอยากกินก็จะยื่นผักให้เขากิน เขาก็กินนะ เพราะคิดว่าป๊าก็กินผักเหมือนเขา (ยิ้ม) อีกอย่างที่แปลกคือทั้งสองตัวชอบให้คนพูดเพราะๆ กับเขา พี่เลี้ยงเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่พาไปขับถ่ายที่สนามหญ้าในบริเวณบ้าน แล้วต้องเช็ดก้นทำความสะอาดให้ ถ้าไม่บอกเขาก่อนว่า ‘ขอเช็ดก้นหน่อยนะ’ เขาจะไม่ยอม หรือตอนเช้าทั้งสองตัวก็เลือกเสื้อผ้าเอง โดยพี่เลี้ยงจะหยิบชุดไปให้เลือก ถ้าอยากใส่ตัวไหนก็จะดมๆ แล้วพุ่งเข้าใส่ชุดนั้น เป็นอันรู้กันว่า ‘วันนี้เลือกชุดนี้นะ’ (หัวเราะ) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชุดสีสัน เหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบสีทึมๆ กันนะ”

ช่วงเวลาผ่อนคลายของลูกๆทั้งสอง

คุณแฮงค์สังเกตเห็นถึงความเป็นเด็กในตัวสองขนมนี้ นั่นคือการชอบลงเรือเป็ดฟองน้ำมาก และก็ชอบกินน้ำเย็น “สมัยเด็กไม่ค่อยกินน้ำเลยพาไปหาหมอ ตรวจหาสาเหตุกันไม่เจอ สุดท้าย สังเกตว่า ทั้งคู่ชอบกินน้ำเย็นและต้องรินใหม่ๆ ให้เห็นด้วย” อีกครั้งที่คนเป็นพ่อหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ความที่ผมทำงานเยอะ เมื่อก่อนถึงบ้านเหนื่อยก็นอน บางทีต้องกินยาแก้ปวดหัวตามด้วยซ้ำ บางทีลืมหัวเราะนะ พอมีสองตัวนี้ ความเดียงสาของเขามาเติมความสดใสให้ชีวิตผม ทำให้ได้หัวเราะจากข้างในทุกวัน ซึ่งดีมากเลย ทั้งตัวเราและคนรอบข้างมีความสุข นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเลี้ยงหมาแล้วนอนด้วยกัน ความที่เขาตัวเล็กเคยนอนบนอกผม เหมือนหัวใจเราเต้นไปด้วยกัน ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เขาให้ผม 

“เคยตั้งใจว่าจะไม่ให้ใครมาผูกพัน หรือก็จะไม่ยึดติดกับอะไร เพื่อไม่ให้ใจเป็นทุกข์จากความห่วงกังวล แต่ความรักที่ผมมีให้เขาทำให้เราเปิดใจ ยึดหลักธรรมะเลย เกิดแก่เจ็บตายเป็นสัจธรรมของชีวิต แล้วผมจะปล่อยเวลาแห่งความสุขตรงหน้าไปกับการกังวลถึงความทุกข์ที่ยังมาไม่ถึงไปทำไม ผมเคยอุ้มขนมโก๋ลงจากรถตู้แล้วเขาพลิกตัวตกลงบนพื้นซีเมนต์ดังอั้ก เขานิ่งไปแป๊บนึงแล้วก็ลุกวิ่งจู๊ดเข้าบ้านไปเลย ผมยืนช็อกแล้วบอกตัวเองว่า จะต้องมีสติกับสิ่งที่กำลังทำให้มากกว่านี้ หรือความรู้สึกผิดที่ผมเอาสกอตไบรต์ขัดถ้วยฟูที่ฝังใจผม ธรรมะช่วยให้ได้สติว่าเจตนาผมคือช่วยลูก ผมต้องปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกผิดนั้นให้ได้

“ตอนยังไม่มีสองตัวนี้ เคยเห็นคุณลุงพาหมาไปอาบน้ำแล้วพูดกับหมาว่า ‘เดี๋ยวป๊ามานะลูก’ ผมตกใจที่เขาแทนตัวเองเป็นพ่อแบบเต็มปากเต็มคำ แต่ทุกวันนี้ผมเรียกตัวเองป๊าทุกคำกับเจ้าสองตัวนี้ (หัวเราะ) และถึงจะทำงานเยอะหรืองานยุ่งขนาดไหน ทุกครั้งที่ถ้วยฟูไปหาหมอ ผมต้องพาไปเอง บางครั้งสัตวแพทย์เก่งๆ อยู่โรงพยาบาลสัตว์รัฐบาลที่คิวยาวมาก ผมก็ไปเอง ทั้งที่ให้คนอื่นทำแทนก็ได้ แต่ผมเป็นพ่อต้องไปให้กำลังใจเขา หลายคนก็งงเนอะ เป็นซีอีโอต้องพาหมาไปหาหมอด้วยเหรอ เมื่อไหร่ที่ความรักมันท่วมท้นล้นหัวใจ ผมเชื่อว่าคนเราจะทำอะไรที่ไม่คิดว่าจะทำได้อีกหลายอย่างเลยละครับ และสิ่งที่น่าประหลาดใจคือเมื่อก่อนเจอขนหมาขนแมวนี่ผมต้องจามสนั่นลั่นบ้าน แต่เดี๋ยวนี้ลืมไปเลยว่าเคยแพ้ขนหมาด้วยเหรอ นี่ก็เป็นพลังความรักเหมือนกันนะครับ ผมเชื่ออย่างนั้น”

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.