เคยเลิกกันมาแล้ว 12 ชม. ‘ภูมิ – แพร’ เปิดภาพงานแต่งสุดโรแมนติก และความรักกว่า 14 ปี
อีกหนึ่งคู่รักในแวดวงสังคมที่คบกันมายาวนานกว่า 14 ปี ก่อนตัดสินใจจูงมือกันเข้าประตูวิวาห์เมื่อปีที่แล้ว (2564) โดยมีการจัดงานฉลอง 2 ครั้งภายใต้บรรยากาศสุดโรแมนติกทั้งในโรงแรมริมทะเล ที่จ.ภูเก็ต โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กรุงเทพฯ ล่าสุดหลังผ่านงานแต่งงานและฮันนีมูนแสนหวาน ‘ภูมิ สารสิน’ และ ‘แพร-อลีนา เปี่ยมกุลวนิช’ ได้ควงแขนกันให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงเรื่องราวความรัก และการจัดงานแต่งงานที่มีครอบครัวและเพื่อน ๆ ร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น

หลายคนพอทราบแล้วว่าคุณภูมิและคุณแพรคบหากันมานานถึง 14 ปี ขณะนั้นคุณภูมิมีอายุ 19 ปี และคุณแพรอายุเพียง 16 ปี ซึ่งบางคนอาจมองว่าความรักที่เกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นความรักที่ไม่ยั่งยืน แต่ทั้งคู่ได้พิสูจน์แล้วว่าทัศนคติดังกล่าวไม่เป็นจริงเสมอไป เพราะนอกจากเรื่องอายุ คุณภูมิและคุณแพรยังจับมือกันข้ามผ่านอุปสรรคมากมายกว่าจะมาลงเอยกันแบบทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระยะทาง ที่หลังจากตัดสินใจคบกันไม่นานคุณภูมิก็ไปศึกษาต่อที่สหรัฐเมริกา ส่วนคุณแพรเรียนที่ประเทศไทยจนจบไฮสกูลก็ไปศึกษาต่อที่อังกฤษ ทำให้กลายเป็นความสัมพันธ์ทางไกลนานถึง 5 ปี

เมื่อมองย้อนกลับไปยังช่วงเวลา 14 ปีของความสัมพันธ์ คุณแพรบอกว่า อาจมีบางช่วงที่สะดุดบ้าง งอนกันบ้าง และบอกเลิกกันบ้าง โดย คุณภูมิ เล่าเพิ่มเติมว่า “มีคนถามว่ามีเคล็ดลับอะไรถึงคบกันได้นานขนาดนี้ ผมบอกไม่มีหรอกครับ เป็นโชคดีมากกว่า ทั้งผมและแพรต่างก็ผ่านความเปลี่ยนแปลงของกันและกันมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้ดูเหมือนว่างานอดิเรกต่าง ๆ และสิ่งที่เราชอบทำจึงคล้ายกันมาก เรียกว่าเราสองคนโตมาด้วยกัน ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างเข้ากันง่ายมากขึ้น”
“เราสองคนเคยเลิกกันประมาณ 6 ช.ม.ครั้งหนึ่ง กับอีกครั้งหนึ่งตอนคบกันได้ 4 ปี ทะเลาะและเลิกกันไปนาน 12 ช.ม. เพราะอยู่บนเครื่องบิน ก็เลยต้องรอแลนดิ้ง ทีนี้พอแลนดิ้งเสร็จพี่ภูมิมาง้อ เราเลยคืนดีกัน”
ทั้งสองประสานเสียงหัวเราะพร้อมกัน

เมื่อถามว่าปกติใครเป็นฝ่ายง้อ คุณแพรบอกว่า “พี่ภูมิค่ะ” ก่อนคุณภูมิพูดพลางยืดอก “ผมครับ ผมทำทุกอย่าง แค่ไม่อารมณ์เสียตามเขา พยายามมีสติไว้เท่านั้นเอง เพราะแพรเขาเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ”
“แค่เขาทำหน้าเศร้า แพรก็ใจอ่อนแล้วค่ะ (ยิ้ม) เวลาแพรมีเรื่องไม่สบายใจ เขาจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถของเขา ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขารำคาญ หรือช่วยให้จบๆไป แต่พี่ภูมิจะเก็บเอาไปคิด แล้วกลับมาบอกทางแก้ให้กับเรา แสดงให้เห็นว่าเขาพยายามช่วยจริง ๆ อย่างเต็มใจ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่” คุณแพรกล่าวเพิ่มเติม

ขณะที่ในงานแต่งงานทั้งคู่จึงเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แล้วบินไปฉลองที่โรงแรมอมันปุรี ภูเก็ต ในวันที่ 8 ธันวาคม 2564 “แพรบอกพี่ภูมิว่าอยากได้งานฉลองริมทะเล แล้วเรามีเพื่อนที่จะมาจากต่างประเทศด้วย ที่เลือกจัดที่ภูเก็ต เพราะไทยเรามี Phuket Sand Box พอดี เลยคิดว่าจัดที่ภูเก็ตง่ายกว่า เขาบินมาก็จะได้เข้าโครงการไปเลย งานที่อมันปุรีเป็นงานเล็ก ๆ ที่เชิญแต่ญาติ ๆ และเพื่อนสนิทแค่ 40 คน”

ด้วยความที่คุณแพรชอบดอกเฟื่องฟ้า จึงนำเฟื่องฟ้ามาประดับตกแต่งบริเวณงานให้สวยสดใส เป็นงานซิทดาวน์ดินเนอร์ที่มีภาพซันเซตเป็นฉากหลัง เมื่อได้เวลาบ่าวสาวกล่าวขอบคุณแขก จากนั้นจึงโยนช่อดอกไม้เจ้าสาว ตามด้วยการรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อนสนิทของคุณแพรและคุณภูมิ รวมทั้งน้องสาวและน้องชายคุณแพรกล่าวอวยพรบ่าวสาว ก่อนจะตัดเค้ก
“แพรประทับใจสปีชของทุกคนเลย เพื่อนคนหนึ่งถึงกับแต่งกลอนให้ ทุกคนพูดดีจนทำให้แพรถึงกับน้ำตาซึม งานวันนั้นมีเพื่อนเจ้าสาว 7 คน ไม่ใช่ว่าเลขสวยนะคะ แต่เป็นเพราะแพรมีเพื่อนสนิทเท่านั้นจริงๆค่ะ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเพื่อนเจ้าบ่าวก็เลยมี 7 คนเหมือนกันค่ะ”

ชุดแต่งงานที่คุณแพรสวมในงานวันนั้นเป็นเดรสยาวเข้ารูปสีขาวแบรนด์ Sarah Seven ซึ่งเป็นแบรนด์ชุดเจ้าสาวของนิวยอร์กที่เจ้าตัวชอบเพราะมีความเรียบหรู และสวมเวลส์ผ้าโปร่งลูกไม้ชายยาวสีขาวคลุมทับเรือนผมยาวสยายถึงกลางหลัง ส่วนเจ้าบ่าวสวมสูทกึ่งลำลองสีเบจของ VVON SUGUNNASIL และ Hugo Boss

18 ธันวาคม 2564 เป็นงานฉลองอีกวันหนึ่ง ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมโฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ มองเห็นเวิ้งน้ำกว้างงดงามชวนฝัน ท่ามกลางแขกเหรื่อ 300 คนที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน ของชำร่วยเป็นขนมกลีบลำดวน ที่คุณแพรชอบเพราะนอกจากจะสวยเหมือนดอกไม้แล้ว ยังเป็นขนมหวานที่รสชาติอร่อยอีกด้วย
คุณแพรงดงามในเดรสกระโปรงสุ่มเกาะอกผ้าไหมสีงาช้างของ Pronovias ซึ่งเป็นแบรนด์ของสเปน ที่เธอไปพบเข้าในร้านเช่าชุดเจ้าสาวของเพื่อนชื่อ Present Tense ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นเก่า ที่เขาไม่ทำอีกแล้ว และตรงกับสไตล์ที่คุณแพรชอบพอดี ประกอบกับคุณแพรใส่ได้พอดี จึงไม่ต้องบินไปสั่งตัดถึงยุโรป ส่วนชุดเพื่อนเจ้าสาวเป็นธีมสีม่วงและสีเขียว เพื่อให้เข้ากับ decoration ในงาน ซึ่งแบคดร็อปนั้น PHKA นำกิ่งไม้มาจัดวางเหมือนต้นไม้ ส่วนในห้องบอลรูมเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ถูกเรียงร้อยห้อยย้อยลงมาจากเพดาน ส่วนช่อดอกไม้เจ้าสาวก็เป็นคาราลิลลี่สีม่วงที่หายากในไทย ซึ่งเจ้าสาวชอบ

ในการดำเนินชีวิตคู่ คุณภูมิและคุณแพรแบ่งหน้าที่การตัดสินใจ “แพรให้พี่ภูมิตัดสินใจหลาย ๆ เรื่องที่เขาถนัด และพี่ภูมิก็ให้แพรตัดสินใจหลาย ๆ เรื่องที่แพรถนัดกว่า ส่วนใครเป็นคนนำเราจะสลับกัน แต่สุดท้ายแล้วคนยอมคือพี่ภูมิค่ะ
“ตอนนี้เราสองคนก็เปลี่ยนสถานะแล้ว แพรจะพยายามซัพพอร์ทเขาให้ได้ทุกเรื่อง จะพยายามโตไปกับเขา โตตามเขาให้ทัน ยุคนี้คงไม่ใช้คำว่าดูแล เราอยู่กันแบบเพื่อนเป็นคู่ชีวิตคู่คิดกันมากกว่า หมดยุคหวือหวาแล้ว เราเริ่มเข้าใจคำว่าคู่ชีวิต ไม่มีการหึงหวง และไม่โรแมนติกเสียจนไม่ได้เลือกวันครบรอบแต่งงานว่าจะเป็นวันไหน ซึ่งเราต้องเลือก เรียกว่าเราสองคน practical มาก ไม่มี emotion ถ้าแพรจะงอนก็ไม่ได้งอนเรื่องงี่เง่า” คุณแพรเล่า

คุณภูมิยังกล่าวว่า ถ้าเขาไม่ประทับใจในตัวศรีภรรยา หรือไม่สามารถมองการณ์ไกลออกว่าจะสามารถร่วมหัวจมท้ายกันได้ในระยะยาว เขาก็คงไม่ตัดสินใจแต่งงาน “ผมเป็นคนที่มองอะไรยาว ๆ ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันได้ทุกวัน มากกว่าตลอดอาทิตย์หนึ่งไม่ดี มีดีอยู่แค่วันเดียว ก็คงไม่ใช่”
“อย่างที่บอกผมไม่ชอบเซอร์ไพรส์ ผมไม่ใช่คนโรแมนติก แต่ผมพยายามเป็นคนดีที่สุดเท่าที่ผมจะเป็นได้ทุกวัน”
คุณภมิ สารสิน
“ผมคิดว่าสมมติว่าถ้าแพรเป็นคนที่ส่วนมากดี จะมีบ้างอาทิตย์ละวันที่ไม่ดี สมมตินะครับ ก็ถือว่าทำให้ผมสบายใจ แล้วถ้าเขาสามารถซัพพอร์ทผมได้ในสิ่งที่ผมอยากทำ ทั้งในเรื่องความคิด และเรื่องการงาน ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะเท่ากับเขาสามารถส่งเสริมผมได้ในสิ่งที่ผมคิดว่ายังขาดอยู่ หรือบางทีก็เตือนสติผมในบางเรื่องมากกว่าครับ”

คู่วิวาห์ส่งสายตาและรอยยิ้มสดใสให้แก่กัน ทำให้เรานึกถึงคำพูดเปรียบเปรยที่ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ซึ่งวันนี้เราสัมผัสได้ว่าเป็นเช่นนั้นจริง และเอาใจช่วยให้พวกเขาครองรักกันยืนยาว สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ ‘ภูมิ สารสิน’ และ ‘แพร-อลีนา เปี่ยมกุลวนิช’ ฉบับเต็มได้ในนิตยสาร HELLO! ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2565 หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ shop.burdathailand.com