ม.ล.ภูมิใจ ชุมพล ผนึกกำลังกับผองเพื่อน กับ ‘โครงการขอบคุณที่สู้เพื่อเรา’ ส่งกำลังใจกันในช่วงโควิด-19
หลังจากสายฝนซาลง ขบวนขนส่งอาหารด้วยรถโรลส์-รอยซ์สีขาว และ BMW สีแดงเคลื่อนตัวนิ่มๆ ออกจากบ้านในซอยสุขุมวิทของ ‘คุณปุ๊ม-ม.ล.ภูมิใจ ชุมพล’ ในรถเต็มเพียบไปด้วยกล่องอาหารปรุงสุกจากร้าน SLO ของ ‘คุณหมอพัชร อ่องจริต’ และ ‘คุณก่อน-วิรัชฏา พินิจอักษร’ และขนมอีกหลายร้อยกล่อง เพื่อนำไปมอบให้กับบุคลาการทางการแพทย์ตามที่ต่างๆ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทุกวันนับเป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว ตั้งแต่เดือนเมษายน ในช่วงที่โควิด-19 กลับมาระบาดใหญ่อีกรอบหนึ่งโดยเริ่มจากคุณหมอโหน่ง-นพ.พัชรอ่องจริต ศัลยแพทย์ผ่าตัดหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้มาเล่าให้ ‘คุณปุ๊ม-ม.ล.ภูมิใจ ชุมพล’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทถึงความเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำงานหนักจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน และไม่ได้ออกไปไหน นอกจากโรงพยาบาลและที่พัก และทีมงานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี จึงนำอาหารไปฝาก โดยเริ่มต้นจากหอโควิด ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก่อน และเริ่มจากอาหาร 30 กล่อง ซึ่งปรุงโดย ‘คุณก่อน-วิรัชฏา พินิจอักษร’ ภรรยา ซึ่งเป็นผู้ดูแลร้านอาหาร SLO โดยทั้ง 3 ท่านจะไปส่งด้วยตัวเองทุกครั้ง
คุณปุ๊มเล่าว่า “ตอนหลังมีญาติโทร.มาบอกว่ามีบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ตามพระนามของเสด็จทวด ที่อุบลราชธานีมาอยู่ที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เราจะมีรถอาหารไปส่งมั้ย เราก็บอกว่าไปได้ ที่นี่ผมไปทีไรหมอ และพยาบาลก็จะออกมาเท่าที่จะทำแล้ว แล้วก็นั่งกินกันตรงนั้นเลยด้วยความหิวมาก เขาทำงาน 16 ชั่วโมง ผมก็พยายามชวนเพื่อนๆ หลายท่านและภรรยาท่านทูตสิงคโปร์นั่งรถไปมอบอาหารและของขวัญแก่บุคลากรทางการแพทย์ด้วยกัน”

คุณหมอโหน่งเสริมต่อว่า “เราตัดสินใจว่าจะไม่ปิดร้าน SLO เพราะสงสารพนักงานก็เลยทำอาหารกล่องไปส่งให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานหนัก ใส่ชุด PPE ทั้งวัน ถอดชุดออกมาทีเหงื่อแตก เราก็อยากให้เขาได้กินของอร่อย และให้กำลังใจเขาด้วย
“ที่จริงทุกสถาบันที่เราไปส่งเขามีอาหารให้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราให้ ผมอยากให้เป็นเหมือนคำขอบคุณ ให้เขารู้สึกว่า เขาทำงานเหนื่อยๆ มา และมีคนที่มีความตั้งใจทำอาหารมาให้เขากิน อย่างน้อยในการทำงานสิบกว่าชั่วโมงของเขา ได้พักเบรก ชื่นใจ มีโมเมนต์ที่ได้กินของที่ไม่ธรรมดา เรามีคำขอบคุณเขียนไว้ที่หน้ากล่องด้วย ว่า ‘ขอบคุณที่สู้เพื่อเรา’ และมีรูปหัวใจ ใส่ชื่อเรา
“เราพยายามไปส่งเองทุกครั้ง เพราะเราอยากจะส่งให้บุคลากรกลุ่มนี้เลย ซึ่งเป็นเหมือนแนวหน้าที่รบกับข้าศึกเลย แนวกลางแนวหลัง เราก็เห็นความสำคัญ แต่เราอยากให้คนกลุ่มนี้ได้กินสิ่งนี้ พอไปถึงเขาก็ให้เราดูมอนิเตอร์ เขาทำงานเหนื่อย เขาหนัก และเขาภูมิใจในสิ่งที่เขาทำ เขาอยากจะเล่าและให้เราเห็นว่าเขาทำแบบนี้เลยนะ

“สิ่งที่เราประทับใจคือ เขาเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ ลงมารับของด้วยท่าทางอิดโรย คนช่วยสนับสนุนก็สนับสนุนกันจนล้า เพราะมันนานมา ช่วงนึงยอดบริจาคค่อยๆ ลด เราก็คุยกันว่าจะเอายังไงต่อ แต่จากการที่เราเห็นสิ่งที่เขาทำ เห็นความพยายาม เห็นความดีใจ เราก็คุยกันว่ายังไงก็จะไม่หยุด เราจะส่งไปตามกำลังของเรา ถ้ามีคนสนับสนุนเยอะเราก็จะส่งเยอะ ถ้าไม่มีคนสนับสนุนเลยเราก็จะส่งอยู่ดี เปรียบเหมือนเราซื้อดอกไม้ให้คน กินไม่ได้แต่มันมีคุณค่า เป็นการให้กำลังใจล้วนๆ เลย”
คุณก่อนผู้เป็นแม่งานในการดูแลเรื่องอาหารเสริมว่า “มีคนบอกว่าทำแบบนี้เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จริงๆ มันไม่ใช่ เหมือนกับเรายังคิดถึงเขาอยู่ อยากไปให้กำลังใจ เมนูอาหารเราก็คัดสรรเป็นพิเศษ เช่น ข้าวกะเพราเนื้อออสเตรเลีย ไข่เค็มดาว เราทำเองใช้ไข่เป็ดไล่ทุ่ง ข้าวผัดแซลมอนก็ใช้ข้าวญี่ปุ่นมีไข่หวานด้วย ยากิอุด้ง เมนูนี้พยาบาลชอบมาก เราก็จะทำซ้ำๆ”
คุณหมอเสริมว่า “เราไม่ได้ทำอาหารเพื่อประทังชีวิต เราต้องการให้เขากินแล้วมี ว้าว ทุกอย่างจะต้องมีอะไรนิดนึง”
“พนักงานของเราน่ารักมาก เขารู้สึกว่าเขาโชคดีที่ยังมีงานทำอยู่ และได้ทำบุญ เวลาไปส่งอาหารเราก็จะเอาเด็กไปด้วย ให้เขาได้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เหนื่อยขนาดไหน พอไปถึงเขาก็ดีใจ ออกมารับ เราก็ถามว่าอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย พยาบาลบอกว่า อยากได้กำลังใจ อยากให้คนไข้น้อยๆ แล้วน้ำตาไหล” คุณก่อนเล่า
นอกจากจะร่วมมือกับเพื่อนๆ ในโครงการนี้แล้วคุณปุ๊มยังร่วมบริจาคเงินในโครงการ ‘เตียงต่อชีวิต’ ค่าสร้างหอ ค่าเตียง ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับโรงพยาบาลวชิระพยาบาลเป็นจำนวน 2,170,000 บาท ซึ่งมาจากการรวมเงินจากญาติสนิทมิตรสหาย และมอบทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
“ในยามที่ชาติวิกฤติเราต้องช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรค หากไม่ช่วยกันในเวลานี้ก็ไม่รู้จะทำตอนไหนแล้วครับ พอพวกเราแก่ตัวกันไป นั่งรถเข็นบ้าง นอนติดเตียงบ้าง อย่างน้อยก็จะยังมีความทรงจำดีๆ ให้จดจำกันว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เราไม่เคยดูดายยามเพื่อนร่วมชาติเดือดร้อนนะครับ” คุณปุ๊มกล่าวปิดท้าย