บางทีชีวิตคนเราก็ช่างไม่แน่นอน โยนสิ่งที่อยู่นอกเหนือแผนการที่วางไว้เข้าใส่ จนทำให้ผู้หญิงที่ชื่อ แพร สิริสันต์ บอกว่าชีวิตเธอมีสีสันยิ่งกว่าซีรี่ส์ และตอนล่าสุด นางเอกของเรื่องให้อภัยอดีต มีความสุขอีกครั้งกับความสัมพันธ์ใหม่ กับลูกที่น่ารัก กับบ้านใหม่อวลอุ่นอย่างที่เธอวาดหวังไว้
บ้านใหม่หลังนี้ เจ้าของบ้านทั้งสาม (คุณแพร น้องธาม น้องเธส) เพิ่งย้ายเข้าเมื่อเดือนเมษายน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นยังใหม่ บ้านเป็นระเบียบ “แพรอยากมีบ้านที่เป็น homey และได้ใช้ทุกห้องจริงๆ เพราะที่ผ่านมาเคยมีบ้านที่มีบางห้องไม่ได้ใช้เลย แต่บ้านนี้รู้สึกว่าคุ้มดีค่ะ”
สามคนแม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบปีหลังจากที่คุณแพรส่งลูกช่ายไปเรียนที่อังกฤษ ก่อนจะบินกลับมาทันหวุดหวิดก่อนปิดประเทศ เพราะโควิด-19 “ตอนนี้ลูกแทบจะเป็นเงาของแพรเลยค่ะ ทำห้องส่วนตัวให้แต่ชอบมานอนรวมกันในห้องแม่ แพรยังบอกว่าหนูไม่นอนห้องตัวเองบ้างเลยเหรอลูก แพรชอบมี space มีเวลาของตัวเองบ้าง แต่ลูกจะวิ่งเข้าใส่ตลอดขนาดอาบน้ำอยู่”
“แต่เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกแล้ว แพรเลยโอเค ลูกจะสลับกันนอนข้างแม่วนไปทุกวัน ช่วงโควิดลูกก็มาขอเลี้ยงหมา ‘ถ้าพวกเราไปเมืองนอก แม่จะได้มีเพื่อนเป็นตัวนี้ไง’ แพรพยายามไม่หลอกและไม่ตัดสินใจแทนลูก ไม่อย่างนั้นต้องตัดสินใจไปทั้งชีวิตเลยนะคะ ลูกไม่ใช่ดินที่จะปั้นได้ดังใจ”
คุณแพรเล่าให้ฟังถึงช่วงที่ดาวน์ที่สุดในชีวิตว่า “ชีวิตแพรเหมือนละครเลยค่ะ มีเอพิโซดที่ดำมืดมากและเราก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น เราไม่ได้โกรธเกลียดกัน แต่มีบางอย่างที่ clash และเห็นต่างกัน ซึ่งแพรไม่ใช่ผู้หญิงที่เก็บไว้ไม่พูดแล้วอยู่ดีๆ ระเบิดตู้ม ถ้าแพรไม่ชอบอะไร แพรก็จะบอกว่าไม่ชอบ ซึ่งพอเราไม่แฮปปี้ energy ก็หมองมากนะคะ แล้วเป็นแบบนี้อยู่ 6 ปี จนสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจได้คือ energy ที่เราให้ลูกเป็นลบมาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป โตมาลูกต้องรู้สึกเนกาทีฟมาก
“พอมีช่วงที่ห่างกันไป เราเลยได้เรียนรู้ชีวิตแบบใหม่ว่า บางอย่างเราให้อภัยก็ได้ เราไม่ต้องคิดถึงเรื่องไม่ดี คิดแต่เรื่องดีอย่างที่มันเป็น เราเลยปรับความสัมพันธ์ไปเป็นอีกแบบหนึ่ง เขาก็ respect เราในฐานะแม่และอยากให้ช่วยลูกในเรื่องไหนขอให้บอก บางทีแพรก็บอกว่ามาสอนการบ้านลูกเรื่องนี้หน่อย แพรสอนไม่ได้ เขาก็มา อยากมาเจอลูกตอนไหนขอให้บอกล่วงหน้า แพรไม่เคยกีดกัน พอเป็นแบบนี้ก็แฮปปี้ค่ะไม่ต้องทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“แพรได้เรียนรู้ว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน’ เมื่อก่อนเคยคิดแบบ fairytale ว่าทุกอย่างโรยด้วยกลีบกุหลาบแต่งงาน มีครอบครัว จบ แต่จริงๆ แล้วมันคือจุดเริ่มต้นอีก chapter หนึ่งไปเลย มันมีความเสี่ยงเหมือนซื้อล็อตเตอรี แต่แพรไม่เคยโทษตัวเองว่าตัดสินใจผิด แพรคิดว่าทุกอย่างที่เราตัดสินใจไปแบบนั้น ก็ด้วยองค์ประกอบและข้อมูลที่เรามีในตอนนั้นนะคะ”
เมื่อหาจุดสมดุลได้ ไม่ต้องมองหาใครเข้ามาเติม เมื่อชีวิตเต็มด้วยความอบอุ่นจากครอบครัวและเพื่อน จังหวะที่เธอปล่อยวางและสบายตัว สิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิตก็เริ่มขยับตัวเช่นกัน “อยู่มาวันหนึ่ง ลูกชายเดินมาบอกว่า ‘คุณแม่ อยากไปเล่นกับเพื่อนคนนี้ พ่อเขาชวนไป’ คุณพ่อของเพื่อนลูกโทร.มาทุกวันศุกร์ว่ามี play date นะครับ แพรจะบอกตลอดว่าไม่สะดวกค่ะวันนี้ คือเขาได้อยู่กับลูกทุกวันศุกร์ แต่เราได้พักทุกวันศุกร์ ซึ่งแพรจะฝากลูกให้คุณตาคุณยายช่วยดูแล แพรขอมีเวลาส่วนตัวไปทำอะไรของเราบ้างก็เลยไม่ไปๆ มาตลอด จนมาวันหนึ่งนัดกันได้สำเร็จ ลูกเล่นกันสนุก พ่อแม่ก็คุยกันไป เริ่มรู้ว่าคุณพ่อคนนี้เป็น single dad เดตได้ เอ้า งั้นเดตกันไหม ชีวิตเราเหมือนละครจริงๆ”
“แพรไม่รู้ว่าอะไรคือคำว่า ‘เริ่มต้นใหม่’ แพรไม่ได้จะเริ่มอะไรใหม่อยู่แล้วนะคะ ชีวิตก็ดำเนินของมันไป แพรตั้งใจไว้แล้วค่ะว่าชีวิตตอนนี้จะให้เวลากับลูก แพรรู้ว่าลูกหวง แม่เป็นจุดศูนย์กลางในชีวิตเขาตอนนี้ เขาอยากไปเที่ยวกับแม่เท่านั้น ไม่ต้องการแชร์กับใคร จนกว่าลูกจะโตพอ ชีวิตแพรจะไม่มีอะไรอื่นเข้ามา แต่ถ้าหลังจากนั้นจะเป็นอะไรต่อไปค่อยว่ากันค่ะ”
“คำว่า single mum แพรคิดว่าแปลว่าเราคือเสาหลัก เราจะล้มไม่ได้ ซึ่งพอออกมาจากความทุกข์นั้นแล้ว แพรตั้งใจว่าเราจะทำอะไรก็ได้ที่เราสบายใจ เมื่อนั้น energy เราจะดีและลูกก็จะมีความสุขค่ะ”
ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจของคุณแพรอีกมากมาย ซึ่งสามารถอ่านฉบับเต็มได้ใน นิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 08 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563 นะคะ
ติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 08 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563
หรือดาวน์โหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com