ในโลกศิลปะร่วมสมัยของไทย ชื่อของ ชาติชาย ปุยเปีย และพินรี สัณฑ์พิทักษ์ นับว่าเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่น้อย สำหรับคุณตึ๋ง-ชาติชาย ปุยเปีย เขาโด่งดังจากงานพอร์ทเทรทตัวเองในอิริยาบถต่างๆ และสร้างเสียงฮือฮาในแวดวงศิลปะไทยจากหนังสือที่เขาตั้งชื่ออย่างท้าทายโชคชะตาว่า Chatchai is dead. If not, he should be. ส่วนคุณอาย-พินรี สัณฑ์พิทักษ์ ก็เป็นที่รู้จักจากงานที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงของทรวงอกแสดงถึงประสบการณ์ จุดยืนของความเป็นผู้หญิง งานศิลปะของทั้งสองอยู่ในคอลเลคชั่นของนักสะสมและพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายต่อหลายแห่งทั้งในและนอกประเทศ

ทั้งคู่มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า ‘โชน ปุยเปีย’ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเรียบร้อยพูดน้อยแต่มากความสามารถ โดยมีดีกรีปริญญาตรีและปริญญาโททางแฟชั่นดีไซน์จาก Royal Academy of Fine Arts ที่แอนท์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม ด้วยผลการเรียนดีเด่น Summa Cum Laude เมื่อเร็วๆนี้เขายังได้นำผลงานระหว่างเรียนของเขามาจัดแสดงที่ MAIIAM Contemporary Art Museum ที่เชียงใหม่ และเตรียมจะเปิดแสดงที่ “ซอยสาม” ซึ่งจะเป็นที่แสดงงานคอลเล็คชั่น แสดงงานศิลปะ แหล่งเก็บ archiveและเป็นที่จัด workshopรวมทั้งร้านรองเท้า Adult ที่เขาทำร่วมกับเพื่อนคู่หูที่กรุงเทพฯเร็วๆนี้
“มันเป็นเรื่องของจังหวะ ที่ตอนเรียนปริญญาโทโชนติดต่อทางจิม ทอมป์สัน ว่าอยากร่วมงานด้วย และได้ไปเห็นเทคนิคการทอผ้า warp printing คือพิมพ์ลายบนด้ายยืนก่อนนำไปทอมือเป็นผืน ได้ลายแบบเบลอร์ๆคล้ายๆมัดหมี่ โชนถ่ายรูปดอกไม้ต่างๆก็เลยต้องการเบลอร์ความคมชัดของภาพถ่าย พอทอเป็นผ้าดูสวยดี ก็เลยได้ร่วมงานกัน

“ตอนโชนจบโทน้าเอริค บูทส์ ผู้บริหารจิม ทอมป์สันก็ไปดูโชว์ตอนจบโทที่แอนท์เวิร์ปด้วย ก็คุยกันว่าน่าจะเอามาโชว์ที่เมืองไทย แล้วพอใหม่เอี่ยมเปิด ประกอบกับมีเชียงใหม่ดีไซน์วีคด้วย ก็เลยไปแสดงที่นั่น ซึ่งคนดูก็ชอบกัน และโชนก็ชอบที่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ลองนำเสนองานแฟชั่นในอีกรูปแบบ วันแรกของการโชว์เขาจัดเป็น VIP Press Fashion ด้วย ตอนนี้โชว์ที่เชียงใหม่ก็จบแล้ว ก็รออยู่ว่า “ซอยสาม”โชว์รูมที่สวนพลูซอย3 เสร็จเมื่อไร ก็จะนำไปโชว์รวมกับผลงานอื่นๆที่ผ่านมาของโชนและคุณพ่อกับคุณแม่”
เสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ Shone Puipia ที่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่รักการแต่งตัว มีความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง รักงานคราฟท์ของเสื้อผ้าที่มีรายละเอียดอันปราณีต “คอลเลคชั่นใหม่ของโชนมีแจ็คเก็ตตัวหนึ่งที่ปักครอสติชทั้งตัว ซึ่งใช้เวลาทำถึงหกเดือนใช้คนปักห้าคน” ลูกค้าคนแรกของ Shone Puipiaเป็นครูที่แอนท์เวิร์ปซึ่งกำลังจะแต่งงานจึงขอซื้อเสื้อตัวหนึ่งไป นอกจากนี้เขายังออกแบบแอคเซสซอรีส์เป็นรองเท้าและกระเป๋าที่เข้ากับเสื้อผ้าด้วย นอกเหนือจากนั้นเขากับเพื่อนยังช่วยกันปลุกปั้นแบรนด์รองเท้า Adult ซึ่งมีความเก๋ไก๋และแฟชั่นจ๋า

“แม่ก็มีสไตล์ของเขา เรียบๆ แต่โชนจะพุชให้ลองใส่สีสดๆมีลวดลายบ้าง แต่ตอนนี้แม่บ่นว่าเมื่อไรจะทำรองเท้าส้นเตี้ยให้สักที ส่วนพ่อก็รอเสื้ออยู่“ คุณโชนพูดพลางหัวเราะเบาๆ ที่ผ่านมาเขาบอกเราว่า รู้สึกดีที่บุพการีให้ความสนับสนุนตัวเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ทำให้อึดอัดเลย
“เราอยากส่งเสริมให้ลูกเรียน มีอาวุธติดตัวเยอะๆ เอาไว้ใช้แก้ไขปัญหาและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ผมเองไม่ได้เก่งทุกอย่างแต่เด็ก ผมเรียนมัธยมมา แล้วไปเข้าศิลปากรเจอเด็กช่างศิลป์ จากที่เคยเป็นคนวาดรูปเก่งของโรงเรียน กลายเป็นที่โหล่ แรกๆก็ยากที่จะยอมรับตัวเอง สุดท้ายผมก็ฝึกฝนจนมาถึงทุกวันนี้ ผมจึงอยากฝึกโชนได้ทดลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ วัฒนธรรมใหม่ เป็นการสร้างทักษะการใช้ชีวิต เพราะโลกแต่ละมุมไม่เหมือนกัน
“ตอนที่เขาอยู่แอนท์เวิร์ป ผมกลัวเขาเครียด เพราะเขาสามารถนั่งทำงานคนเดียวเป็นเวลานานหลายชั่วโมง จนผมต้องคอยถามว่ายังแฮปปี้อยู่ไหม เขาก็บอกโอเค ถามว่าผมสบายใจไหมที่เขาสามารถอยู่คนเดียวได้ บางทีก็ใช่ บางทีก็ไม่ ฉะนั้นบางทีเวลาผมไปเยี่ยมเขาที่โน่น ผมจะพาเขากับเพื่อนๆไปกินข้าวที่ร้านดีๆ เพราะรู้ว่าเด็กพวกนี้อยู่กันอย่างกระเบียดกระเสียร”

“มันสำคัญมากที่ต้องพูดว่าลูกเราไม่ได้วิเศษวิโสสมบูรณ์พร้อม เราสองคนก็ไม่ใช่พ่อแม่ที่วิเศษวิโสสมบูรณ์พร้อมเหมือนกัน แล้วเราก็ไม่ได้คิดที่จะพิสูจน์ให้ใครเห็น บังเอิญว่าเราสองคนเคยผ่านช่วงเวลาที่ต้องการการยอมรับของคนทั่วไปมาก่อน และอะไรที่อยู่บนเส้นทางการยอมรับของคนมันยาก มันพร้อมที่จะเจ็บปวด พร้อมจะอ่อนไหวอยู่เสมอ วันหนึ่งเป็นที่ยอมรับ อีกวันไม่ใช่ เราทั้งคู่เคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น แล้วในเมื่อลูกเรากำลังจะเดินผ่านเส้นทางนั้นแล้วเขาต้องฟังคนที่ไม่เคยผ่านเส้นทางอย่างเรา ผมว่ามันไร้สาระ
“ผมเคยเป็น rising star ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน ต้องต่อกรกับการเป็นที่รู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ไม่มีตังค์สักบาท ไม่กล้าออกไปไหน สมัยก่อนเวลาฝรั่งเชิญไปแสดงงานต่างประเทศ เขาไม่ได้ให้เงินนะ ให้แค่ค่าตั่วเครื่องบิน กับพิมพ์สูจิบัตรให้ แสดงเสร็จส่งกลับ ไม่ได้ขายให้ใครด้วย ได้แต่ชื่อเสียง และคนไทยกว่าจะซื้อรูปแต่ละรูปใช้เวลาตัดสินใจนาน”
“แต่เดี๋ยวนี้ไปงานแฟชั่นต้องแนะนำตัวเองว่าเป็นแม่ของโชนค่ะ” คุณอายผู้เป็นแม่พูดพลางยิ้มปลื้ม โดยมีคุณตึ๋งหัวเราะเบาๆอยู่ข้างๆ และคุณโชนโอบเอวคุณแม่ผู้แสนดีเอาไว้ และกอดคอคุณพ่อนักขบถผู้ยิ่งใหญ่ ดูเหมือนว่าภาพต่อของชีวิตอิสระที่ถูกยึดโยงไว้ด้วยสายใยบางๆทว่าแน่นเหนียวเป็นภาพครอบครัวที่อบอุ่นและที่สำคัญไม่มีใครสามารถทำลายสายใยนี้ได้เลย…ไม่มีวัน
ติดตามเรื่องราวแบบเต็มๆได้ที่ http://www.ookbee.com/Shop/Issue?magid=HELLO