เปิดบ้านหรูใจกลางกรุงของ ‘คุณจก-เสริมคุณ คุณาวงศ์’ เจ้าพ่ออีเวนต์แห่งอาณาจักร CMO
ท่ามกลางการจราจรที่คับคั่งบนถนนลาดพร้าว ซึ่งกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองอยู่นั้น หลังจากเข้าซอยลาดพร้าว 50 เลี้ยวขวาแยกที่สองแล้วตรงไปจนสุดซอย จะเป็นที่ตั้งของ ‘บ้านพิพิธภัณฑ์’ สวรรค์คนรักศิลปะที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์เมื่อต้น พ.ศ. 2562 นี้เอง
อาคารสีขาวสไตล์โมเดิร์นสามชั้น หลังนี้ราวกับซ่อนตัวอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่หลบจากความรีบเร่งด้านนอก ด้วยบรรยากาศสงบเงียบ มีลมเย็นๆ พัดจากคลองลาดพร้าวที่อยู่หลังบ้าน รวมถึงเงาไม้ร่มรื่นจากปีบต้นใหญ่ที่โชยกลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกสีขาวที่รวมกันเป็นช่อสะพรั่งอยู่ตามปลายกิ่ง ก่อนปล่อยใจเตลิดเพลินไปกับธรรมชาติกลางเมืองที่คนเมืองหลวงหาโอกาสสัมผัสได้ไม่บ่อยนัก ก็ต้องสะดุดตากับ ‘ฝูงนกต่างพันธุ์’ ที่ทำให้ยิ่งมั่นใจว่ามา ‘ถูกหลัง’ แน่นอน
กว่าจะเป็นเจ้าพ่ออีเวนต์
“เป็นงานศิลปะที่ใช้เทคนิคการตัดโลหะเป็นรูปตัวนกผมออกแบบแล้วให้ฉัตรมงคลอินสว่างทำให้สื่อความคิดว่าคนเราแม้ต่างเผ่าพันธุ์กันแต่ก็เดินร่วมทางกันได้ หากมีเป้าหมายเดียวกัน เหมือนที่ทุกคนมาเยี่ยมชมบ้านพิพิธภัณฑ์ของผมได้ ถ้าคุณรักในงานศิลปะเหมือนผม” คุณจก-เสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) ถือโอกาสบอกความหมายของฝูงนกโลหะและต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรโลกแห่งศิลปะของเขาอย่างเป็นกันเอง

“ผมเป็นลูกชายคนเล็กในบรรดาลูกชายทั้ง 5 คนของครอบครัว บ้านผมทำห้างเล็กๆ อยู่ที่ จ.นครสวรรค์ (ปัจจุบันคือห้างแฟร์รี่แลนด์) เข้ามาเรียนชั้นมัธยมที่ ร.ร.บดินทรเดชา และจบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ” โดยไม่เคยล่วงรู้เลยว่าวิชาการถ่ายภาพ หนึ่งในหลักสูตรของคณะจะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปนับจากนั้น จากที่เคยตั้งใจจะเลือกเรียนสาขาหนังสือพิมพ์ เพราะช่วงที่เข้ามาเรียนกรุงเทพฯ มีการเคลื่อนไหวด้านการเมืองเยอะ เขาสนใจอ่านหนังสือด้านสังคมและอยากเป็นนักหนังสือพิมพ์ แต่เมื่อได้ถ่ายภาพจึงเปลี่ยนไปเรียนสาขาภาพยนตร์แทน และฝันอยากมีสตูดิโอถ่ายภาพของตัวเอง ที่สุดคุณจกก็ได้เป็นช่างภาพอาชีพสมใจตั้งแต่ยังเป็นนิสิต หลายคนคุ้นตากับช่างภาพหนุ่มตี๋ พูดน้อย แต่งตัวเรียบร้อย ทว่า คนใกล้ชิดรู้ดีว่าภายใต้มาดสุขุมลุ่มลึกนั้น คุณจกมีความบ้าบิ่นไม่น้อย
“งานนั้นต้องถ่ายสะพานพระราม 7 ผมพยายามหามุมที่จะถ่ายให้สวย เลยไปขอปีนเสาไฟที่บางกรวยขึ้นไปถ่ายสะพาน” แม้จะได้รับอนุญาตจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและมีช่างไฟฟ้าปีนตามไปด้วยเพื่อความปลอดภัย แต่ขณะที่อยู่บนเสาไฟต้นสูงเพื่อถ่ายภาพ ฟ้าฝนก็ดูจะไม่เป็นใจ ตั้งเค้าส่งเมฆฝนดำทะมึนลอยมาแต่ไกล ช่างไฟยกธงขาวขอปีนกลับลงมาข้างล่าง เพราะไม่อยากเสี่ยงเป็นตัวล่อฟ้า แม้ช่างไฟจะหว่านล้อมยังไงคุณจกก็ยังขอตั้งหน้าเก็บภาพต่อไปอย่างถึงไหนถึงกัน
ก่อนเรียนจบมีรุ่นพี่ชวนเปิดบริษัทรับทำปฏิทิน ส.ค.ส. และไดอารี คุณจกรับหน้าที่คิดคอนเซปต์และถ่ายภาพ เขาร่วมหุ้นด้วยการลงทุนด้านอุปกรณ์ถ่ายภาพซึ่งได้เงินจากคุณพ่อเป็นทุนตั้งต้นสร้างตัว คุณจกมีโอกาสถ่ายภาพเหตุการณ์สำคัญระดับชาติ ทั้งการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี การถ่ายภาพโบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และที่เจ้าตัวประทับใจที่สุดก็คือการได้รับเกียรติเป็น 1 ใน 7 ช่างภาพหลักถวายงานอย่างใกล้ชิดในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
จากการถ่ายภาพนิ่งคุณจกหันไปสนใจงานมัลติวิชั่นทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านมัลติมีเดียอยู่ แล้ววันหนึ่งโอกาสก็มาถึง คุณจกตัดสินใจเปิด บริษัท ดิอายส์ จำกัด เมื่อ พ.ศ. 2529 ให้บริการผลิตสื่อมัลติมีเดียและมัลติวิชั่นที่เป็นสิ่งแปลกใหม่และทันสมัยมากในช่วงนั้น ธุรกิจดำเนินไปด้วยดี เขาก็ต่อยอดธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์เกี่ยวกับแสงสีเสียงสำหรับการจัดอีเวนต์และคอนเสิร์ต และเป็นที่มาของ บริษัท ซีเอ็มโอ บริษัทออร์แกไนเซอร์ที่ให้บริการงานด้านความคิดสร้างสรรค์และบริหารการจัดงานอีเวนต์อย่างครบวงจรก่อนเจ้าอื่น อันเป็นจุดขายที่โดดเด่นของบริษัทและสร้างชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจนี้ คุณจกได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เมื่อนำพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อ พ.ศ. 2547 เป็นบริษัทออร์แกไนเซอร์มหาชนแห่งแรกได้สมใจ ตามมาด้วยตำแหน่งเจ้าพ่อออร์แกไนเซอร์มือต้นๆ คนหนึ่งของอาเซียน
ลูกไม้ใต้ต้น

ได้ยินคุณจกเอ่ยถึงลูกสาวอยู่หลายครั้ง เมื่อได้เจอตัวสองสาวทายาทบ้านพิพิธภัณฑ์จึงถามถึงการมีส่วนร่วมในฝันใหญ่ของคุณพ่อ ‘คุณดรีม-เหมือนฝัน สิริกรณ์ คุณาวงศ์’ ลูกสาวคนโต หันไปสบตากับ ‘น้องอาย-วาดฝัน คุณาวงศ์’ ส่งมอบหน้าที่ตอบคำถามให้น้องสาว “ให้คุณพ่อได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ นั่นคือความร่วมมือที่สุดแล้วค่ะ” ทันทีที่น้องพูดจบ คนพี่ก็พยักหน้ารับ “เหมือนที่เขาสนับสนุนและส่งเสริมให้เราสองคนได้ทำในสิ่งที่ชอบ และไม่เคยบังคับให้ต้องชอบในสิ่งที่เขารักค่ะ เพราะคุณพ่อมีวิธีที่แนบเนียนกว่านั้น”

คุณดรีมสาวสดใสมีลักยิ้มข้างแก้ม ความที่เป็นลูกคนโตก็เลยได้ติดสอยห้อยตามคุณจกไปบ้านศิลปินมาตั้งแต่เด็ก “ดรีมโดนล้างสมองแต่เด็กเลยค่ะ (หัวเราะ) เคยมีคนถามว่ารู้สึกยังไงที่ชีวิตวัยเยาว์ของเราอยู่แต่กับบ้านศิลปิน ดรีมตอบไม่ได้เพราะเรามีพ่อแม่ชุดเดียว เลยไม่รู้ว่าลูกบ้านอื่นเขารู้สึกยังไง มีบ้างตอนโตที่งงๆ เล็กน้อยว่า ไปเมืองนอกทีไร ทำไมเราไม่ได้ไปสถานที่อื่นของเมืองนี้เลย อยู่แต่ในมิวเซียมตลอดเวลา”

เป็นคุณอาย น้องสาวที่อ่อนกว่าพี่สาว 5 ปี ขอสนับสนุนว่า “แต่เราก็สนุกกับกิจกรรมที่คุณพ่อชวนทำ การไปบ้านศิลปิน แม้เราไปในฐานะคนแปลกหน้าที่ขอพูดคุยและชมผลงาน แต่ความเป็นเด็กเราไม่รู้หรอกว่าแต่ละท่านชื่อเสียงเกรียงไกรขนาดไหน เพราะท่านเองก็ไม่ได้วางตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่เป็นผู้ใหญ่ใจดี อย่างลุงหวัน (คุณถวัลย์ ดัชนี) ก็เป็นคุณลุงใจดีที่ชอบชวนกินขนมและมีมุกแปลกๆ มาเล่นกับเด็กอย่างเรา”
มารู้ตัวอีกทีว่าศิลปะได้ซึมซับและเป็นส่วนหนึ่งก็เมื่อตอนที่ทั้งคู่ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ คุณดรีมจบปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยวอริค อังกฤษ ต่อด้วยปริญญาโท สาขาบริหารจัดการทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก อเมริกา ประสบการณ์ใหม่ที่ช่วยคลี่คลายมุมมองในโลกศิลปะให้คุณดรีมเก็บเกี่ยวเป็นวัตถุดิบของตัวเองได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เมื่อคุณจกมอบหมายให้เธอดูแล อิเมจิเนีย สวนสนุกปลูกจินตนาการแบบดิจิตอล อินเตอร์แอ็กทีฟที่ดิ เอ็มโพเรียม “ตอนแรกที่เข้ามาทำงานก็ซัฟเฟอร์มาก เพราะการเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กร มีพนักงานอายุมากกว่าเรารอบนึง เป็นการทำงานที่ห่างไกลจากการทำงานวิจัยที่ดรีมชอบ แต่คุณพ่อก็มีวิธีพูดและเราก็เป็นเยสเกิร์ล (ยิ้ม) ไม่ค่อยปฏิเสธโอกาสที่ใครหยิบยื่นให้มา เพราะทุกสิ่งร้อยเรียงให้ดรีมเป็นตัวเองในทุกวันนี้คุณพ่อไม่เคยบังคับหรือกะเกณฑ์ แต่เขาโน้มนำอย่างรุนแรงจนเราสนใจไปเอง”
คุณอายที่นั่งฟังพี่สาวเล่าอยู่นาน ได้ยินแล้วขอยกมือแสดงความเห็นบ้างว่า “การที่คุณพ่อเลี้ยงเราแบบให้อิสระ ทำให้เราไม่เคยต้องการหรือคิดจะแหกกฎ เพราะบ้านเราไม่เคยมีกรอบตายตัวอยู่แล้ว ถ้าเรามีเหตุผลที่ดีพอ คุณพ่อจะรับฟัง อีกส่วนอาจเพราะอายทำงานตั้งแต่อายุ 14 ทุกปิดเทอมก็ขอไปฝึกงานตามบริษัทต่างๆ ที่ผู้ใหญ่กรุณาให้เข้าไปเรียนรู้งาน หนึ่งในนั้นคือบริษัท ดรีมบอกซ์ ที่เข้าไปฝึกงานบ่อยที่สุด ทำอะไรก็ได้ เพราะอายชอบในศาสตร์นี้ แล้วการได้กลับบ้านเที่ยงคืนก็ทำให้ไม่รู้สึกว่าเราต้องไปเที่ยวผับเพื่อแสดงออกว่าฉันโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อเรียกร้องความสนใจ ในเมื่อเรามีหน้าที่อื่นที่ต้องรับผิดชอบ แม้ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้รู้สึกโตจริงๆ คือตอนขับรถไปหาอะไรกินที่ฟู้ดแลนด์เพราะเกิดหิวตอนเที่ยงคืน”
ตามหาความ ‘ร่มเย็น’ ของชีวิต
เมื่อเพื่อนเก่าของ ‘คุณจิ๊บ-ยุพเรศ เกษสาคร’ ชวนเธอไปกินข้าว และหนึ่งในนั้นมีคุณจกผู้เป็นเจ้านายเพื่อนรวมอยู่ด้วย การพบกันครั้งแรกไม่ได้มีอะไรพิเศษ เพราะคุณจกขอตัวกลับก่อนเนื่องจากลูกสาวกลับจากอังกฤษ แล้วจู่ๆ เย็นวันรุ่งขึ้นเพื่อนก็โทร.มาบอกคุณจิ๊บว่าเจ้านายอยากขอเลี้ยงน้ำชาเพื่อขอโทษที่เสียมารยาทที่ไม่ได้คุยกับเธอเลย “ตอนนั้นผมหย่ากับอดีตภรรยาแล้ว วัตถุประสงค์ในการนัดพบครั้งนั้นเพราะต้องการหาคู่ชีวิตใหม่ ผมดูจากอากงอาม่าที่อายุยืน คุณพ่อผมก็ 90 กว่า ปีนี้คุณแม่ผมก็ 92 คือครอบครัวผมค่อนข้างอายุยืน ผมเลยอนุมานว่าตัวเองก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ตอนนั้นผมอายุ 50 นิดๆ พอโสดแล้วเลยตัดสินใจว่าชีวิตที่เหลือไม่อยากอยู่คนเดียว”

“สเป็กผู้หญิงที่ผมมองหาคือคนที่อยู่ด้วยแล้วร่มเย็น” นิยามสั้นๆ แต่ตีความยาก ต้องให้เจ้าตัวอธิบายต่อ “ความร่มเย็นของผมคือความสบายในการใช้ชีวิตร่วมกัน อยู่ด้วยแล้วสบาย คุยกันรู้เรื่อง และมีรสนิยมไปในแนวเดียวกัน ใจผมยังจินตนาการถึงสาวเหนือที่อู้คำเมืองเนิบๆ เย็นๆ แต่นั่นคือการมโนไงครับ พอได้รู้จักกันมากขึ้นผมรู้ว่าจิ๊บเป็นคนเสียงแหบ (ยิ้ม) เขาตรงไปตรงมา ออกแนวแมนๆ คบง่าย เป็นคนง่ายๆ มีอะไรพูดกันได้ เลยคิดว่าเราน่าจะอยู่ด้วยกันได้ และสิ่งที่ผมประทับใจมาก เขาพูดว่า ‘เราจะแก่ไปด้วยกัน และเขาจะสวยให้ได้เหมือนออเดรย์ตอนแก่’ ซึ่งเป็นนางเอกที่ผมชอบมาก ผมชอบคอนเซปต์นี้ที่ผู้หญิงรักที่จะดูแลตัวเอง เพราะคนเราถ้าดูแลตัวเองไม่เป็นก็คงดูแลคนอื่นไม่ได้” ลีลาการจีบสาวในวัยที่ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว คุณจกจึงไม่รีรอเสนอตัวขอจัดงานวันเกิดให้คุณจิ๊บที่บ้านหลังนี้ในสัปดาห์ถัดมา แม้จะเคลียร์ว่าเขาไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่คิดไว้ แต่ก็อดตงิดๆ และเกรงใจแต่เมื่อเป็นเจ้านายเพื่อน เธอจึงน้อมรับน้ำใจนั้นไว้ จากนั้นทั้งคู่ก็ค่อยๆ ทำความรู้จักตัวตนกันและกันมากขึ้น และในการเดตครั้งหนึ่งคุณจกก็เอ่ยปากชวนไปชมงานศิลปะตอน 3 ทุ่มที่ศูนย์ประติมากรรมฯ ของตัวเอง

นอกจากเป็นการเซอร์ไพรส์แล้ว ยังได้รู้รสนิยมส่วนตัวว่าคุณจิ๊บสนใจในศิลปะหรือเปล่า “เพราะถ้าจะอยู่ด้วยกันก็คงต้องมีรสนิยมไปในทางเดียวกัน” เขาว่าอย่างนั้นระหว่างที่คบหากัน คุณจกชัดเจนในความสัมพันธ์มาตลอด จะเห็นได้จากสเตตัส in relationship ในเฟสบุ๊กที่เขาถือว่าเป็นการให้เกียรติคุณจิ๊บ “หลายคนอาจไม่ทราบว่าผมหย่าแล้ว การไปไหนมาไหนด้วยกันอาจทำให้จิ๊บถูกมองไม่ดีได้” ดูเหมือนไลฟ์สไตล์ชีวิตจะเข้ากันได้ดี แต่ก็ยังใช้เวลารอความพร้อมในการเริ่มต้นชีวิตคู่ครั้งใหม่อยู่นานอีกเกือบ 5 ปี ด้วยคุณจกตั้งใจจัดการเรื่องสินสมรสกับอดีตภรรยาให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่ในทางปฏิบัติแล้วเขากลับทำได้ช้ากว่ากำหนดที่วางแผนไว้ในใจ
“บางครั้งจิ๊บสับสนว่าต้องรอเขาไหม ด้านหนึ่งเขาเป็นคนซื่อสัตย์และยึดมั่นความคิดตัวเองในสิ่งที่ตั้งใจไว้ แต่ในแง่ความสัมพันธ์กับเรา เขาก็ไม่มีคำตอบที่แน่นอนให้ได้ว่าอีกนานเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจและวางแผนไว้ว่าจะเคลียร์ตัวเองให้จบภายใน 2-3 ปี ซึ่งจิ๊บก็โอเค แต่พอถึงกำหนดนั้นจริงๆ เขายังทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ฉะนั้นเขาจะไม่รับปากในสิ่งที่ไม่มั่นใจเด็ดขาด”
“ส่วนตัวผมสิ่งที่คิดและตั้งใจไว้ก็ต้องทำตามนั้น แต่พอทำไม่ได้ ผมก็ไม่กล้ารับปากอีก ได้แต่บอกเขาว่า ถ้าผมเคลียร์จบเมื่อไหร่ ผมจะมาทำทุกอย่างให้เรียบร้อย” นั่นคือคำมั่นที่คุณจกมอบให้คุณจิ๊บได้ในช่วงเวลานั้น
คุณจิ๊บหันไปสบตาคุณจกก่อนเล่าต่อว่า “สุดท้ายจิ๊บถามตัวเองว่าถ้าต้องทำเพื่อใครสักคนขนาดนั้น เขาคนนั้นต้องมีค่ามากพอที่เราจะรอ จิ๊บเห็นถึงความพยายามของเขา ก็กลายเป็นความเข้าใจในภาวะที่เขาเผชิญอยู่ แล้วถ้าคิดให้ดีสิ่งที่เขาตั้งใจทำอยู่ก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกฝ่าย”
“ส่วนผมก็ต้องเข้าใจว่าจิ๊บยังอยู่ในวัยทำงาน เอนจอย กับงานและทำได้ดีกับตำแหน่งซีเนียร์ แบรนด์เมเนเจอร์ (ของเคลย์ เดอ โป โบเต้ ในเครือบริษัท ชิเชโด้) เราต้องส่งเสริมให้เขาได้ทำในสิ่งที่รัก ถึงจะไม่ร่มเย็นอย่างที่คิดไว้ แต่ผมก็มีความสุขดีครับ” ทั้งหมดนี้คือทุกแง่มุมในชีวิตของผู้ชายคนนี้ ‘เสริมคุณ คุณาวงศ์’
นิตยสาร HELLO! ปีที่ 14 ฉบับที่ 03 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562
หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com