Home > Celebrity > Exclusive Interviews > เปิดโปรไฟล์ 3 หนุ่มไฟแรงแห่งบ้านนักการทูต ‘อดิพลิน-อดิทิพ-อดิทัต ภาณุพงศ์’

หาไม่ได้ง่ายนักที่จะมีครอบครัวที่สืบเชื้อสาย บ้านนักการทูต ต่อเนื่องกันมาถึง 3 รุ่น ตั้งแต่คุณปู่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.อรุณ ภาณุพงศ์ เสาหลักแห่งกฎหมายระหว่างประเทศคนสำคัญของเมืองไทย ผู้เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ จนมาถึงบิดา เอกอัครราชทูต อดิศักดิ์ ภาณุพงศ์ ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์สำคัญระหว่างประเทศมากมายและหลากหลาย จนมาถึงรุ่นของ 3 หนุ่ม คุณตั้ว – อดิพลิน, คุณเติม – อดิทิพ และ คุณเต็ม-อดิทัต ภาณุพงศ์ ที่ต่างเติบโตและใช้ทักษะทางการทูตที่ซึมซับมาทำงานในต่างประเทศอย่างเต็มความสามารถ ทำให้นานๆครั้งจะได้กลับมา ‘บ้าน’ ที่เขาใหญ่แห่งนี้ แต่เมื่อโอกาสนั้นได้มาถึงเมื่อ Hello รีบขอเปิดบ้านพักของสามหนุ่มเก่งและที่สำคัญ “โสด” ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าโสดสนิทหรือไม่ ซึ่งทั้ง 3 ท่านก็ยินดีมาร่วมแชร์ความคิดและครรลองการใช้ชีวิตตั้งแต่เรื่องราวสายสัมพันธ์พี่น้องไปจนถึงอนาคตของตนเองและประเทศชาติ ….ขอเตือนว่าระวังอ่านจบแล้วอาจจะอยากสมัครเป็นลูกสาว ‘คุณแม่บุ๋ม’สิริพร และ คุณพ่ออดิศักดิ์ ภาณุพงศ์ กันเป็นแถว

บ้านนักการทูต

คุณเติม – หนุ่ม Googler ลูกชายคนกลาง, คุณเต็ม – น้องเล็กของบ้าน เลขานุการโทอธิบดีกรมอาเซียน , คุณตั้ว พี่ชายใหญ่ ท่านเลขาฯ เอกประจำกรุงอังการา ประเทศตุรกี

สามหนุ่มสามมุม

“พี่ตั้วกับพี่เติมเกิดที่เยอรมัน เต็มก็ “made in เยอรมัน” แต่ว่ามาเกิดที่เมืองไทยครับ” คุณเต็ม-อดิทัต ภาณุพงศ์ น้องสุดท้องเอ่ยนำประวัติชีวิตด้วยอารมณ์ขัน ทั้งสามเคยเรียนในเมืองไทยที่โรงเรียนจิตรลดาในช่วงเด็ก แล้วอีกสิบกว่าปีหลังจากนั้นเรียกได้ว่าชีพจรลงเท้าไปทั้งเอเชียและยุโรป ด้วยติดตามคุณพ่อ-คุณแม่ ไปตลอดทั้งที่สิงคโปร์ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดนไปจนถึงกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

“มีช่วงที่เราสามคนทำวงดนตรีด้วยกัน คุณพ่อคุณแม่ก็ซัพพอร์ตบ้าง โดยจัดให้เล่นดนตรีกันเสียงดังในห้องใต้หลังคาที่ทำเนียบทูตฯ ตอนนั้นคุณยายมาอยู่ด้วยครับ ท่านจะชอบล้อหลานๆ ว่า เหมือนมีใครมาแห่อะไรอยู่ข้างบน” คุณเติมเล่าไปหัวเราะไป “ผมตีกลอง แต่ไม่ค่อยเก่งครับ น้องๆไม่ค่อยแฮปปี้กันเท่าไหร่เวลามีผมอยู่ในวงด้วย” พี่ชายคนโตเย้าบ้าง ก่อนจะโดนน้องๆแซวกลางอากาศว่า “พี่ตั้วเขากระหายกิจกรรมตลอดเวลา ว่างปุ๊บก็ไปละ ดำน้ำ ปีนเขา เล่นสกีและถ่ายรูป เขาจะมีอะไรก่อนคนอื่น crazyเทคโนโลยีใหม่ๆ ทุกวันนี้มีโดรนส่วนตัวไว้เก็บภาพนะครับ เขาเป็นคนนิ่งๆ แต่หมัดหนัก น้องๆจะฟังและเกรงใจเขา”

บ้านนักการทูต

“ด้วยความที่เป็นลูกชาย 3 คน พวกเราจะสนิทกับคุณพ่อมาก แล้วท่านก็เป็นคุณพ่อที่คูลที่สุดด้วย เตะบอลกับลูก มาซ้อมมวยกับลูก บางครั้งเลยเหมือนเป็นเพื่อนที่คุยเปิดอกกับลูกได้หมด แต่ที่ทุกคนประหลาดใจคือลูกชายสนิทกับคุณแม่มากเช่นกัน ใครๆ จะมองว่าแม่บุ๋มดุชัวร์หรือว่าหวงลูกชายมาก ที่กระทรวงฯทุกคนจะพูดกันว่า ‘พี่บุ๋มต้องหวงลูกชายแน่เลย’ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครับ คุณแม่เป็นสไตล์ที่ว่าลูกรักใครคุณแม่ก็รักด้วย ไม่เหมือนที่คนอื่นๆ คิดเลย”

พี่ใหญ่กับชีวิตที่สมดุล

ชายหนุ่มวัยต้น 30 ที่ทุกคนในครอบครัวยกให้เป็น “พี่ใหญ่” ไม่ใช่เพราะคุณตั้ว-อดิพลิน ภาณุพงศ์เป็นพี่ชายคนโต แต่เพราะความคิดอ่านที่จัดวางความสุขุมไว้สมดุลกับความรื่นรมย์ในชีวิตตามแบบนักการทูตหนุ่มผู้สมาร์ททั้งภายในและภายนอก บัณฑิตคณะศิลปศาสตร์หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งลัดฟ้าไปตามสานต่อสายงานในฝันด้วยการคว้าปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์การทูตจาก University of East Anglia ประเทศอังกฤษ เขาเริ่มปฏิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการเต็มตัวที่สำนักงานปลัดได้เกือบปี จากนั้นจึงย้ายไปอยู่สำนักงานรัฐมนตรี แล้วขยับไปกรมอเมริกา ทำหน้าที่ดูแลประเทศแถบลาตินอเมริกา ก่อนจะได้ออกประจำการยังต่างแดนที่กรุงอังการา ประเทศตุรกีในตำแหน่งเลขานุการโทและเอกจนถึงปัจจุบัน “พอมาเป็นนักการทูตจริงๆ ไม่เหมือนในละครเลยครับ (เสียงอ่อย) ในละครตำแหน่งนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มาก ซึ่งนานๆ ทีก็เป็นแบบนั้นจริงครับ แต่ส่วนมากแล้วเราคือคนที่ร่างเอกสาร คือคนที่ยกกระเป๋า ไม่ได้หล่อตลอดเวลา ละครโชว์ความเป็นจริงแค่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ (หัวเราะ) คือได้ออกงานและได้เดินทางไปต่างประเทศจริง แต่เราก็คือข้าราชการน่ะครับ” เขากล่าวน้ำเสียงสนุกสนาน ผิดกับภาพท่านเลขาฯเอกมาดขรึมที่ในละครชอบวาดภาพให้เป็น

“แต่เป็นงานที่ชอบเพราะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ทุกวัน เนื่องจากที่สถานทูตมีงานบริการประชาชน เช่น ออกบัตรประชาชน ออกเอกสารต่างๆ จดทะเบียนสมรส ทั้งยังต้องดูแลหลายมิติ ทั้งการเมือง การท่องเที่ยวและสารนิเทศ คนไทยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามเมื่อตกทุกข์ได้ยาก จะคิดถึงสถานทูตเป็นที่แรก งานที่ทำจึงเห็นผลได้จริงเดี๋ยวนั้นว่าทำให้คนไทยมีความสุข” น้ำเสียงภาคภูมิใจของท่านเลขาฯเอกฉายชัด

อีกด้านในตัวตนของเขาคือความเป็นศิลปินซึ่งใช้ศิลปะผ่อนคลายจิตใจในยามว่างเสมอ “ความติสต์ในตัวเราทุกวันนี้ยังมีอยู่ เหตุผลหนึ่งที่เลือกมาประจำการที่ตุรกีก็เพราะที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมของโลก ประวัติศาสตร์เก่าแก่เมื่อ 3,000-4,000 ปีที่แล้วยังมีร่องรอยปรากฏให้เห็นอยู่ ผมชอบเดินดูซากหินไปทั่วเมือง แล้วก็ชอบถ่ายรูปมาก ผมสะสมกล้องฟิล์มด้วยครับ มีเกือบ 200 ตัว ภาพของกล้องฟิล์มมองแล้วได้อารมณ์กว่าถ่ายดิจิทัล ถ้าเป็นรูปขาวดำก็จะอัดรูปเอง จนอีกความฝันหนึ่งของผมคืออยากเปิดสตูดิโอถ่ายรูป”

หนุ่มจากอนาคต ผู้บุกเบิกโลกใบใหม่

“สายเลือดกระทรวงการต่างประเทศมีมาตั้งแต่คุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ คุณอา พี่ชายและน้องชาย ผมเป็นแกะดำที่ฉีกแนวไม่ได้เข้ากระทรวงฯอยู่คนเดียว” ….คุณเติม ลูกชายคนกลางในตระกูลนักการทูตหยอกตัวเองภายหลังเลือกเดินเส้นทางสายธุรกิจ โดยศึกษาต่อด้าน Management และ International Business ที่ Webster University กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ตามด้วยปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยธุรกิจชื่อดังของอังกฤษที่ University of Bath และความอยากจะแสวงหาประสบการณ์ในการทำงานในต่างประเทศ ทำให้เขาพาตัวเองเข้าทำงานที่อังกฤษในบริษัทชั้นนำอย่าง L’Oreal และ Coca Cola Enterprises UK ก่อนจะย้ายกลับมาเมืองไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Senior Client Solutions Manager ที่บริษัทระดับโลก Google Thailand

บ้านนักการทูต

คุณเติม – อดิทิพ และน้องชาย คุณเต็ม-อดิทัต ภาณุพงศ์

“อาจเพราะผมสนใจสินค้าที่คนส่วนใหญ่บริโภคในชีวิตประจำวัน เรียกว่าจิตวิทยาและพฤติกรรมมนุษย์ ทำงานที่ Google อยู่ในแวดวงเทคโนโลยีก็จริง แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็เป็นคนสร้าง ถึงจะทำโปรดักส์ต่างกัน แต่วิธีสื่อสารก็เพื่อเข้าหาคนเหมือนกัน เราทำงานเป็นนักเล่าเรื่องหรือ Story Teller กันทั้งนั้น ใน Google ทำให้ผมต้องพยายามวิ่งให้เร็วตลอดเวลา ปีแรกเหนื่อยมากนะครับ แต่พอปีที่สองผมเริ่มรู้แล้วว่าเมื่อไหร่ควรหยุด เมื่อไหร่ควรวิ่ง ไม่ใช่เดินนะ แต่ต้องวิ่ง และที่นี่ไม่ค่อยลำดับขั้นของตำแหน่งงานว่าใครสูงต่ำ ผมชอบที่ทุกๆ วันศุกร์ แลร์รี่ เพจ และ เซอร์เก้ บริน ผู้ก่อตั้งบริษัทจะมาอัพเดทให้พนักงานทุกคนฟังว่าตอนนี้บริษัททำอะไรและพร้อมจะรับคำถามจาก Google ทั่วโลก”

หนุ่มทันสมัยที่ยอมรับว่าเขายอมให้งานกลืนกินเวลาในชีวิตไปกว่าครึ่ง “งานเป็น 50-70เปอร์เซ็นต์ในชีวิตเลย แต่ถ้าจะให้งานกินเวลาในชีวิตขนาดนี้ แล้วไม่พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองรักและผลักดันแพสชั่นของตัวเอง สุดท้ายคุณก็จะเบื่อ แล้วคุณก็จะไม่เก่ง และคุณจะไม่โต” คุณเติมเอ่ยบทเรียนที่เขาเรียนรู้มาจากผู้สร้างนวัตกรรมคนสำคัญๆของโลก “ทุกวันนี้ผมถึงสนุกกับงานมากและพยายามจะเติบโตในงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีอีกอย่างของผมคือได้มีโอกาสไปพูดหรือบรรยายอยู่หลายครั้ง ผมชอบแง่มุมด้าน Education ของงานที่ทำที่สุด บางครั้งเราต้องการแค่คำพูดประโยคเดียวจากนักพูดคนเดียวที่จะเปลี่ยนชีวิตคนไปเลย”

น้องเล็กนักสร้างความเปลี่ยนแปลงแก่สังคม

ในวัย 27 ปี คุณเต็ม-อดิทัต ภาณุพงศ์ สั่งสมปณิธานแรงกล้าว่าอยากรับใช้ชาติและสร้างประโยชน์แก่ประเทศมาตั้งแต่ยังเรียนปริญญาตรี ที่ทำให้เขาตัดสินใจหันเหจากเส้นทางสายรัฐศาสตร์ไปศึกษาด้านนิติศาสตร์ เพื่อใช้กฎหมายสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการทูตระหว่างประเทศ และพร้อมกลับมารับหน้าที่เลขานุการโทอธิบดีกรมอาเซียนที่ประเทศไทยในปัจจุบัน

“ตอนแรกเรียนรัฐศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศเพราะสนใจทางด้านนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อปรึกษากับคุณปู่ท่านบอกว่าถ้าผมมีความคิดอยากจะช่วยประเทศชาติ ทำไมไม่เรียนอะไรที่มันกว้างและมีอยู่ทุกที่ซึ่งก็คือ “กฎหมาย” เพราะในระบบการเมืองหรือในภาคปกครอง คนที่จะร่างกฎหมายจริงๆ ก็คือนักกฎหมาย เราควรต้องเข้าใจภาษาของกฎหมายด้วย พอจบตรีด้านนิติศาสตร์ที่ Kent ผมก็เรียนต่อโทด้านกฎหมายระหว่างประเทศ Public International Law และ International Commercial Law จากนั้นก็สำเร็จ Legal Practice Course (LPC) ซึ่งเป็นหลักสูตรทนายความของอังกฤษครับ” คุณเต็มลองใช้ความรู้มาสัมผัสประสบการณ์การเป็นทนายความในสำนักกฎหมายเอกชนชั้นนำของโลก Baker & McKenzie ซึ่งยอมรับว่าสนุกและงานหนักมากเช่นกัน

บ้านนักการทูต

คุณเต็ม และ คุณตั้ว ในพื้นที่บ้านที่มาพักผ่อนกันตั้งแต่เด็กๆ

” ช่วงหนึ่งผมนึกขึ้นว่าถ้าจะทำงานหนักขนาดนี้ก็อยากจะทำเพื่อชาติและเพื่อประชาชนไทยมากกว่า ผมกลับมาสอบเข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งใครๆ ก็คิดว่าคุณพ่อคุณแม่บังคับ ยังจำได้เลยตอนนั้นปรึกษาคุณพ่อว่า เต็มสอบติดที่กระทรวงแล้วนะ แต่เต็มไม่แน่ใจว่าถ้าย้ายจากงานเดิมที่ Baker & McKenzie มาทำงานกระทรวง เต็มจะเฉือนเงินเดือนตัวเองไป 90 เปอร์เซ็นต์ ท่านจะเห็นด้วยไหม คุณพ่อก็หัวเราะ บอกว่า “เต็มไม่เห็นต้องเครียดเลยลูก พ่อสิที่ต้องเครียด” (หัวเราะ) สุดท้ายผมก็เข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ จนถึงตอนนี้ทำมาได้ 3 ปีครับ” จากนักกีตาร์แห่งวงร็อกที่บางคราวสลับไปเล่นเพลงพ็อพ สมัยเป็นนักเรียน วันนี้เขากลายเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นกับชีวิตข้าราชการที่มองหาทางพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

“หากมีเวลาผมยังอยากเรียนปริญญาเอกด้าน International Law ผมมองว่าการเรียนไม่ได้ให้ความรู้ด้านวิชาการอย่างเดียว แต่น่าจะช่วยเปิดโลก และพัฒนาความคิดของคนๆหนึ่งได้ด้วย”- บ้านนักการทูต

……………………………………..

ติดตามอ่านสัมภาษณ์- บ้านนักการทูต เพิ่มเติมได้ที่

Hellomagazinethailand ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม 2017

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.