ถอดรหัสความสำเร็จของ Viu (วิว) จาก ‘คุณชายอดัม-ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล’ ผู้บริหารที่ไม่เชื่อในสูตรสำเร็จ
ใครที่เป็นคอหนังคอซีรีส์รวมไปถึงแฟนรายการต่างๆ ในวินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Viu (วิว) แพลตฟอร์มคอนเทนต์ที่เติบโตมาตลอดครึ่งทศวรรษจนปัจจุบันก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่พาให้ Viu (วิว) มาถึงจุดนี้ได้ก็คือ คุณชายอดัม หรือ ‘ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล’ ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ หัวเรือใหญ่ของทีมคอนเทนต์ไทยที่พาให้แพลตฟอร์มไปไกลถึงระดับสากล
หลายคนคงคุ้นเคยกับบทบาทของคุณชายอดัมในฐานะผู้กำกับมากฝีมือ แต่เมื่อหันมาจับงานฝั่งบริหารเองก็ต้องยอมรับว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน ชนิดที่ว่าภายในเวลาเพียง 6 ปีกว่า จากแพลตฟอร์มที่มีคนดูเฉพาะกลุ่ม ได้ขยายฐานออกไปจนมีจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนสูงสุดในเอเชียจะวันออกเฉียงใต้ติดต่อกัน 8 ไตรมาสเลยทีเดียว วันนี้ HELLO! จึงได้โอกาสดีชวนคุณชายอดัมมานั่งคุยถึงการทำงานและวิสัยทัศน์ในวงการสื่อออนไลน์
ความท้าทายในการเป็นผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ของ Viu (วิว)
“เรื่องที่ท้าทายคงเป็นการทำให้คอนเทนต์เติบโตและเป็นที่รู้จัก เพราะแค่ฝนตกก็ส่งผลถึงการเสพคอนเทนต์ของผู้ชมแล้ว เราจึงต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้คอนเทนต์เติบโตไปพร้อมๆ กับสร้างรายได้ทั้งในและต่างประเทศ เมื่อมีการขยายตัวของผู้ชม รายได้ต่อหัวของคนในอุตสาหกรรมก็จะสูงขึ้น คอนเทนต์ก็จะพัฒนามากขึ้น การแข่งขันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราไม่ได้แข่งกันเพื่อให้ใครตาย แต่แข่งกันเพื่อให้ได้งานที่ดีขึ้น พัฒนาขึ้น ทีนี้คอนเทนต์ก็จะเติบโตไปถึงจุดที่รัฐบาลยอมรับ ต่างชาติยอมรับ กลายเป็นสินค้าส่งออกแบบที่คนเดี๋ยวนี้ชอบเรียกกันว่า Soft Power”

วงการสื่อไทยคือตลาดปราบเซียน ที่ Viu (วิว) ต้องอ่านให้ขาด
“ต่างชาติไม่เหมือนกับประเทศไทยตรงที่เขาเสพสื่อหลากหลายกว่ามาก อย่างวงการสื่อยุโรป อเมริกา หรือแม้แต่เกาหลีที่เติบโตได้ดีก็เพราะผู้ชมเสพสื่อหลากหลาย ขณะที่ประเทศไทยมีความหลากหลายน้อยกว่า และที่สำคัญคือคนไทยมักเลือกเสพแต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ประมาณว่าปีนี้ฉันจะดูซีรีส์แค่เรื่องเดียวแต่ต้องเป็นเรื่องที่ดีที่สุด วงการหนังวงการละครไทยจึงหยุดชะงักไปพักหนึ่งเลย เราจึงเรียกวงการสื่อไทยว่าเป็นตลาดปราบเซียน”
“อีกปัจจัยสำคัญคือเรามีกำแพงด้านภาษาและวัฒนธรรมที่ค่อนข้างสูง ในพื้นที่ตลาดส่วนใหญ่คนยังเสพแต่สื่อภาษาไทย รวมถึงตลกของไทยเองยังมีความเป็นเอกลักษณ์ มีความเป็นไทยสูง และไม่เหมือนกับตลกสากล ทำให้นอกจากจะต้องผลิตคอนเทนต์ที่ดีที่สุด สู้กับแพลตฟอร์มที่หลากหลายแล้ว ยังต้องหาจุดร่วมระหว่างความเป็นไทยและสากลอีกด้วย”
การเป็นผู้กำกับที่ดำเนินรอยตามท่านพ่อ ส่งเสริมงานบริหารได้อย่างดี
“ผมเรียนรู้จากท่านพ่อ (หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล) มาเยอะมาก ในการทำงานช่วงหลังๆ ของท่านพ่อ สเกลงานค่อนข้างใหญ่มาก ต้องบริหารคนอย่างต่ำวันละ 3,000 คน มีปัญหาเข้ามาทุกๆ ห้านาที ผมจึงได้เรียนรู้อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วิธีการคิด วิธีการวางนักแสดง วิธีการสร้างคน จนถึงวิธีการมองบท ผมได้เอามาต่อยอดกับการทำงานในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ของ Viu (วิว) ทั้งนั้น”

วิธีบริหารคนรุ่นใหม่ฉบับ ‘ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล’
“ผมว่าเราต้องรุ่นใหม่กว่าเขาครับ ต้องรู้เยอะกว่า ทำเยอะกว่า คิดเยอะกว่า ศึกษาเยอะกว่า เพราะวงการนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เร็วชนิดที่คนรุ่นใหม่เองก็ยังไม่ใหม่พอสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น เราจึงต้องมาเรียนรู้ร่วมกันในทุกวันว่ามีอะไรใหม่ อะไรเปลี่ยนแปลง และจะรับมืออย่างไร ใช้วิธีคิดแบบไหน เพื่อตามทุกวันให้ทัน”
ทำอย่างไรให้เติบโตในสายงานคอนเทนต์ได้ดี ?
“ถ้ามีคนถามว่าทำยังไงถึงจะเติบโตในสายงานคอนเทนต์ได้ดี คำตอบคือ ดู ครับ ชีวิตทุกวันของผมจะเลิกงานประมาณตี 1 หลังจากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการเสพสื่อจากทุกช่องทาง ทุกแพลตฟอร์ม ทุกประเทศ ตั้งแต่งานวิจิตรศิลป์ (Fine Art) งานโฆษณาที่ประสบความสำเร็จ หนัง ซีรีส์ ข่าว ไปจนถึงงาน Cult ที่เฉพาะกลุ่มมากๆ”
“อินสตาแกรมเองก็เป็นอีกแพลตฟอร์มที่ผมตามตลอด ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาผมว่าผมดูไปเป็นแสนแอคเคาท์แล้ว เพราะเราต้องตามทุกข่าว รู้จักหน้าดารานักแสดงทุกคน ผมต้องอัพเดตเพลงใหม่ทุกสัปดาห์ มีนักร้องหรือค่ายเพลงใหม่อะไรเกิดขึ้นบ้าง”
“ถ้าคุณจะลอยอยู่ในทะเลแห่งวงการบันเทิง คุณจำเป็นต้องรู้ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกศาสตร์ นอกจากการดูและการอ่านแล้ว คุณต้องใช้ชีวิตให้หูตาเปิดกว้าง ไปปาร์ตี้เข้าสังคมเพื่อเรียนรู้คน ซึ่งการจะรู้ทั้งหมดนี้ต้องลงทุนเวลาไปกับมันมากพอสมควร อาจารย์สมัยมหาวิทยาลัยผมเคยบอกว่าเมื่อคุณก้าวเข้ามาในวงการนี้ คุณจะนอน 3 ชั่วโมงตลอดไป ซึ่งตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”
ผู้บริหารผู้ไม่เชื่อในสูตรสำเร็จและคำว่า “One size fits all”
“ถ้าหากผมทำคอนเทนต์หนึ่งแบบแล้วคนทั่วโลกชอบก็คงจะดี แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น เพราะทุกที่มีภาษา วัฒนธรรม วิธีคิดของตัวเอง หน้าที่ของเราคือการหยิบยื่นอิสระให้ทีมงานแต่ละพื้นที่สร้างสรรค์งานออกมาได้ตรงจุดและเข้าถึงกลุ่มผู้ชมแต่ละพื้นที่ได้มากที่สุด”
“แนวคิดการทำงานของผมคือ Localization คำนึงถึงผู้ชมทุกพื้นที่ทุกแบบ Viu (วิว) เลยมีทั้งแพ็กเกจสมาชิกติดตามตั้งแต่รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน ไปจนถึงรายปี มีซับไตเติล มีพากย์ไทย พากย์อีสาน หรือพากย์เหนือเองก็มี และด้วยแนวคิดนี้สามารถพาให้ Viu (วิว) จากที่เคยเป็นมวยรองในตลาด ก้าวขึ้นมาเป็นมวยหลักของภูมิภาคได้”


รูปภาพ : Courtesy of Viu Thailand