เปิดเพนท์เฮ้าส์หรูของ ‘ปุ้ย วรรณพร – น้องดอกปีบ วรินยุพา พรประภา’ ผ่านการถ่ายทอดความอบอุ่นในทุกอณูของบ้าน
คุณปุ้ย วรรณพร พรประภา
หลายปีทีเดียวตั้งแต่วันที่ ‘น้องดอกปีบ-วรินยุพา พรประภา’ ต้องเดินทางไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่เมืองแคลร์มอนต์ใกล้ลอสแอนเจลิส ทำให้ ‘ครอบครัวพรประภา‘ ของ ‘คุณปราโมทย์ และ คุณปุ้ย วรรณพร พรประภา’ ออกจะเงียบเหงาลงไปสักหน่อย กระทั่งวันนี้
ที่ดวงใจหนึ่งเดียวของครอบครัวเรียนจบและกลับมาสู่อ้อมอกของพ่อแม่ ดอกปีบดอกนี้จึงเป็นดอกไม้ดอกสวยที่เข้ามาเพิ่มความสดใสให้กับบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี ระหว่างรอการรีโนเวตของบ้านหลังเดิมซึ่งคงใช้เวลาอีกพอสมควร า

ความเรียบง่ายร่วมสมัยบนเพนต์เฮาส์ที่มีสวนแนวตั้ง
เมื่อคุณปุ้ยภูมิสถาปนิกผู้ก่อตั้ง PLA (P Landscape) บริษัทออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมที่มีผลงานระดับโลกและได้รับรางวัลมามากมาย รางวัลล่าสุดจาก TALA AWARDS คือ ผลงานที่บ้านพิงพัก (Pink Park Village) ได้รับรางวัล Honour Award และผลงานที่โรงแรมโรสวูด ภูเก็ต ได้รับรางวัล Excellence Award ในคอนเซปต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เธอเปิดเพนต์เฮาส์หรูใจกลางสุขุมวิทให้ทีมงาน HELLO! ได้มาเยี่ยมเยือนเป็นคนแรก จึงเป็นความตื่นตาไม่น้อย เราสะดุดตากับต้นไม้สูงใหญ่ฝังรากอยู่บนคอนโดมิเนียมชั้นเพนต์เฮาส์ แถมมีพืชผักสวนครัวและไม้ประดับจัดเป็นสวนขนาดย่อม ที่มองออกไปแสนสบายตา

“ต้นใหญ่นี้ ต้นจิกน้ำ ใช้เครนยกขึ้นมานะคะ” คุณปุ้ยอธิบายถึงความยากลำบากในการล้อมต้นไม้ใหญ่ขึ้นมาบนคอนโดชั้น 46 “เข้ามาอยู่เกือบจะเป็นรายแรก เจ้าของใจดีช่วยให้ใช้เครนยกขึ้นมาตั้งแต่ตอนสร้างตึกค่ะ ในช่วงล็อกดาวน์โควิดเลยทำสวนครัวเพราะลูกสาวชอบทำอาหาร พื้นที่เล็กๆ แต่ปลูกได้หลายชนิดพอสมควรนะคะ มีโรสแมรี่ จิงจูฉ่าย ตะไคร้ ส้มจี๊ด ผักหวาน บัวบก สะระแหน่ เป็นต้นค่ะ”
ความที่อยู่ในแวดวงสถาปนิก ทำให้คุณปุ้ยอยากออกแบบแปลนภายในคอนโดให้เหมาะกับตัวเองมากกว่าจะยึดตามแปลนเดิม โดยมีทีม ‘คุณเปี๊ยะ-รุจิราภรณ์ หวั่งหลี’ ผู้เป็นอา และทีมมัณฑนากรของ PIA นำโดย ‘คุณเต้ย-นิวัติ อ่านเปรื่อง’ เป็นผู้ดูแลงานออกแบบภายใน พื้นที่สองชั้นของห้องนี้จัดแปลนใหม่ทั้งหมด ทั้งเปลี่ยนบันได ย้ายห้องน้ำเพื่อให้มองเห็นวิวโปร่งตาโดยไม่มีผนังกั้น ฯลฯ
“ลูกสาวกลับมาทำให้บ้านอบอุ่นขึ้นมาก บ้านกลายเป็นที่รวมเพื่อนทำอาหารกันของดอกปีบค่ะ” คุณปุ้ยเล่าพลางหัวเราะเมื่อพูดถึงน้องดอกปีบ ที่เมื่อเรียนจบกลับมาก็ได้เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้พอดี
ดวงใจของครอบครัว
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่เธอเล่า เพราะเมื่อไปถึงห้องของลูกสาวนั้นเรารู้สึกถึงความสดใสที่อวลไปทั้งห้อง จากสีสันลวดลายที่เจ้าตัวเลือกเอง และสนุกเข้าไปอีกเมื่อเห็นตู้เล่นเกม Pac-Man เกมที่เธอชอบตั้งอยู่ในห้อง เป็นเครื่องเล่นเกมที่ประกอบโดยคนไทยด้วย “ตอนแรกอยากได้เครื่องพินบอลค่ะ แต่เขาไม่มี มีแต่แพคแมน” ดอกปีบเล่าเสียงใส ก่อนที่เราจะชวนเธอคุยถึงชีวิตหลังจากเรียนจบแล้วย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยอีกนิด เพราะทราบว่าตอนนี้เธอได้เริ่มทำงานกับมูลนิธิผืนป่าในใจเรา ซึ่งเพิ่งจัดตั้งโดยทีมจากบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ที่อีกไม่นานจะมีโครงการปลูกป่าที่เชียงดาว และสร้างความตระหนักให้ชุมชนช่วยกันดูแลป่า
“ดอกปีบเรียนจบทางด้านสิ่งแวดล้อมค่ะ Environmental Analysis ที่ Pomona College แต่ก็มีความสนใจเรียนเรื่องอาหารและประวัติศาสตร์ศิลป์ด้วย ชอบงานสมัยบาโรกโดยเฉพาะการาวัจโจมาก ส่วนเรื่องอาหารตอนนี้ลงเรียนที่กอร์ดองเบลอ ดุสิตธานีเอาไว้ค่ะ เพราะอยากเก่งกว่านี้ ความจริงตอนสองปีที่แล้วดอกปีบทำกับข้าวไม่เป็นเลย แต่พอต้องย้ายจากแอลเอไปอยู่นิวยอร์กเราต้องทำเอง เลยหัดทำจากยูทูบ ก็ทำได้นะคะ กลับมาก็ได้ทำอาหารให้คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายกับคุณพ่อคุณแม่ชิมด้วย ที่หลายคนบอกว่าอร่อยก็คืออุด้งเนื้อวากิว เพราะว่าทำง่าย กับชัคชูกา เป็นอาหารเม็กซิโก ก็ชอบทำค่ะ”
เมื่อโรคร้ายเข้ามาเปลี่ยนให้กลายเป็นดี
ความชอบทำอาหารของดอกปีบ กลายเป็นผลดีเมื่อคุณปุ้ยมีปัญหาสุขภาพ ซึ่งทำให้อาหารการกินต้องเปลี่ยนไป และลูกสาวคนนี้ก็แทบจะกลายเป็นนักโภชนาการส่วนตัว ที่คอยสังเกตวิธีกินอาหารของคุณแม่ และทำอาหารให้คุณแม่บ่อยๆ
“ลูกสาวห้ามปุ้ยกินหลายอย่างเลย ปุ้ยเคยทำเทสต์ว่าแพ้ไข่ขาว เขาก็จะคอยเช็กคอยห้าม ไม่ให้กินอาหารที่มีไข่ขาว แล้วเมื่อก่อนปุ้ยติดกินชีสบอลมาก เขาเอาไปซ่อนเลยค่ะ” คุณปุ้ยกล่าว
“ดอกปีบทำคุกกี้วีแกนให้คุณแม่ค่ะ เพราะคุณแม่ไม่กินขนมตั้งแต่ป่วย ซึ่งจริงๆ คงอยากกินอยู่ ดอกปีบไม่ได้ชอบอาหารวีแกนหรือว่าอาหารเฮลตี้ แต่ที่ทำให้คุณแม่กินเพราะคุณแม่ต้องปรับวิถีเรื่องอาหาร” อาการป่วยของคุณปุ้ยนั้นเกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อน ตอนที่ดอกปีบยังเรียนอยู่เยียร์ 11 จากการตรวจพบมะเร็งเต้านมที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต
“ตอนที่ทราบว่าเป็นมะเร็ง ปุ้ยทั้งเศร้าและกลัวทีเดียวเลยค่ะ ถ้าจะให้ย้อนไปก่อนนั้นคือปุ้ยเดินทางเยอะและทำงานค่อนข้างหนัก และก็คงเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก เคยป่วยและผ่าตัดบ่อยครั้งอยู่ อีกอย่างตั้งแต่เด็กเล่นกีฬาไม่เก่งเหนื่อยง่ายเลยไม่ชอบออกกำลังกาย ทั้งอาหารและการนอนหลับไม่ค่อยถูกสุขลักษณะนัก ช่วงที่เดินทางบ่อย มักเป็นหวัด ภูมิแพ้ ลมพิษเรื้อรัง หูอักเสบ ภูมิต้านทานต่ำ เป็นหวัดง่ายมากค่ะ
“จนวันหนึ่งพบด้วยตนเองว่ามีก้อนเนื้อ เลยไปตรวจกับคุณหมอ แต่ปุ้ยยังไม่ได้ผ่าตัดทันที เพราะมีเดินทางต่อเนื่องไปอีกสองเดือน ไปอังกฤษ ไปอเมริกา ไปอินเดีย ไปฮ่องกง ไป สิงคโปร์ เดินทางไปๆ มาๆ ตลอด เมื่อกลับมาจึงผ่าตัด คุณหมอแจ้งผลว่ามีทั้งข่าวร้ายและข่าวดี ข่าวร้ายคือเป็นมะเร็ง ข่าวดีก็คือเป็นระยะแรกและเป็นชนิดที่ถึงแม้จะ invasive แต่ไม่ aggressive นัก อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องผ่าตัดอีกครั้งในสามอาทิตย์ถัดมา พร้อมกับขั้นตอนการรักษาต่อไปเป็นแบบรักษาเฉพาะที่คือ การฉายรังสี และต่อด้วยการรักษาด้วยวิธี ฮอร์โมนบำบัด เป็นการกินยาค่ะ ภายในรอบหนึ่งปีนั้นปุ้ยผ่าตัดไปทั้งหมด 3 ครั้ง รวมการผ่าตัดมดลูกด้วย”
เพราะอาการป่วยผลักดันให้มาเป็นอาสา
คุณปุ้ยขลุกอยู่กับงานภูมิสถาปนิกมาตลอดชีวิตการทำงาน นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาได้ยี่สิบกว่าปี จากที่ไม่เคยหยุดทำงานเลยเป็นอันถึงคราวต้องเว้นระยะเพื่อรักษาตัว แต่ระหว่างนั้นก็ทำให้คุณปุ้ยได้มองเห็นมุมใหม่ๆ ในชีวิต ซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือทุกสิ่งรอบตัวที่อยู่ใกล้ชิดแต่กลับไม่เคยได้สัมผัสหรือทำความรู้จักอย่างแท้จริง
“เมื่อก่อนปุ้ยเป็นคน passionate กับเรื่องที่ชอบมาก จนบางครั้งเลยเส้นกลายเป็นความหมกมุ่นทำให้ละเลยสิ่งที่ควรจะทำควรดูแลในบางเรื่องไป ในเรื่องของงานใจจะมุ่งไปหาความสมบูรณ์แบบ ทำให้มีความทุกข์หรือกังวลเวลาไม่ได้ตามที่หวังไว้ ตอนนี้ยังมีเชื้อตัวนี้อยู่บ้าง แต่ก็บางลงเยอะค่ะ เรื่องชีวิตการทำงานก็เปลี่ยน ปุ้ยเลิกเดินทางเรื่องงานเกือบทุกงานแล้วค่ะโดยเฉพาะงานต่างประเทศ ให้ทีมไปแทน ส่วนตัวปุ้ยมาสนใจงานภูมิทัศน์ที่เป็นสาธารณะประโยชน์ ที่เรียกว่า Public Landscape มากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ”
และต้องบอกเลยว่าจากประสบการณ์ในการเป็นผู้ป่วยเองของคุณปุ้ย ทำให้เป็นแรงผลักดันให้ คุณปุ้ย วรรณพร พรประภา เริ่มผันตัวมาทำงานอาสาเพื่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านมโดยร่วมกับ คุณหมอกฤษณ์ จาฏามระ โดยคุณปุ้ยช่วยออกแบบผังแม่บทและงานภูมิสถาปัตยกรรมมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งมีโครงการจะสร้างบ้านพิงพัก (Pink Park Village) ศูนย์ดูแลผู้ป่วยและศูนย์วินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมอย่างครบวงจร โดยปราศจากการแสวงหาผลกำไร
“ปุ้ยคิดว่าด้วยการพัฒนาทั้งองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันนี้ ทำให้การรักษาก้าวหน้าไปมาก แต่การรักษาและเยียวยาทางจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมชาติเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยไม่ได้แบ่งแยกถึงสิ่งใด
“โรคมะเร็งเต้านมถือว่าเป็นโรคที่พบมากในผู้หญิงไทยและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญคือถ้าได้รับการตรวจพบตั้งแต่ต้น โอกาสที่จะรักษาให้ปลอดภัยมีโอกาสสูงมาก และสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติสุขได้ค่ะ”
เมื่อเมฆฝนผ่านไป ท้องฟ้าก็จะกลับมาสดใสเหมือนดังเดิม นับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เป็นวัฏจักรหมุนเวียนไป ก็เช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ที่มีมืดและสว่างสลับกันไปหากเรายิ้มรับและสู้ด้วยใจที่แข็งแกร่งก็จะผ่านพายุชีวิตไปได้-คุณปุ้ย วรรณพร พรประภา
ติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 09 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2563
หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com