ความเสี่ยงที่คุ้มค่า บนเส้นทางธุรกิจของอดีตคุณหมอสูติ ‘นายแพทย์วัชรา ทรัพย์สุวรรณ’
อาชีพแพทย์นั้นถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่มั่นคง ทั้งในแง่ของการงานและการเงิน ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน การที่หมอหนุ่มอนาคตไกลตอนนั้น ประกาศกับตนเองว่าเขาจะเปลี่ยนอาชีพจากแพทย์มาเป็นนักธุรกิจ คนรอบข้างที่ไม่เข้าใจวิถีทางของธุรกิจดังกล่าวล้วนไม่เห็นด้วย แต่ ‘นายแพทย์วัชรา ทรัพย์สุวรรณ’ รู้ดีว่าสิ่งที่ตนต้องการนั้น ไม่ใช่แค่เงินทองหรือฐานะทางสังคมอันมั่นคง แต่กลับเป็นอิสรภาพในการได้เลือกทำในสิ่งที่ตนเองรักอย่างการท่องเที่ยวไปทั่วโลกกว้างได้อย่างเสรี ซึ่งแอมเวย์จะเป็นหนทางที่สามารถนำเขาไปบทเส้นทางที่เลือกได้อย่างสำเร็จ เขาโชคดีที่มีภรรยา และครอบครัวเข้าใจ พร้อมสนับสนุนทุกสิ่งเพื่อที่จะก้าวไปด้วยกัน

คุณหมอวัชราเล่าให้ฟังว่าตอนที่กำลังจะเรียนต่อเฉพาะทางด้านสูตินรีแพทย์ เขาตั้งคำถามขึ้นในใจว่าสิ่งที่ตนเลือกทำนั้น คือทางเดินชีวิตที่ต้องการจริงหรือ “หลังจากที่เรียนจบแพทย์มาได้ 3-4 ปี ผมคลุกคลีอยู่กับแผนกสูตินารีมาตลอด จึงคิดจะเรียนต่อเฉพาะทางด้านเดียวกันนี้ ตอนนั้นความตั้งใจของผมคือการได้เป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์ที่ศิริราช โปรไฟล์ที่ทำมาได้ดีตั้งแต่ตอนเรียนและตอนทำงาน ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับครูบาอาจารย์ ได้เรียนรู้และฝึกความชำนาญมาโดยตลอด แต่พอยิ่งใกล้ชิดกลับทำให้เรายิ่งสงสัยว่า นี่คือชีวิตแบบนี้ที่เราต้องการจริงหรือ ยิ่งเมื่อย้อนกลับมาคิดถึงความฝันในวัยเด็ก ที่เราอยากเดินทางท่องเที่ยว ถ้าเราเดินไปบนเส้นทางนี้ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ทำตามฝันของเรา ในอาชีพแพทย์ผมไม่สงสัยเรื่องการเงิน ไม่สงสัยเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง แต่ว่าสงสัยว่าสิ่งที่ได้มา มันใช่วิถีชีวิตที่เราต้องการหรือเปล่า ข้อสำคัญผมไม่อยากมีชีวิตที่มีเพียงบรรยากาศเดียว”

จุดเปลี่ยนค่อยๆเริ่มต้นจากเวลาว่างหนึ่งเดือนก่อนเริ่มเรียนเฉพาะทาง เขาแบ็กแพ็กลงใต้เพื่อไปเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งการไปเที่ยวในครั้งนั้นทำให้เขาบังเอิญได้รู้จักกับเพื่อนของเพื่อนที่ทำธุรกิจแอมเวย์ ได้ลองใช้สินค้าจนเกิดความประทับใจ แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจมากกว่าคือคำพูดของเพื่อนที่ว่า “ถ้าแอมเวย์มาเมืองไทยเมื่อไหร่ คุณอย่าพลาดนะ มันเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี” จวบจนไม่กี่ปีต่อมาเมื่อแอมเวย์เข้ามาสู่แวดวงธุรกิจของไทย เพื่อนคนเดิมจึงเดินทางมาให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางของการทำธุรกิจ เล่าถึงการวางแผนทางการตลาด ซึ่งนั่นทำให้คุณหมอวัชรารู้ในทันทีว่า การใช้ชีวิตตามความฝันที่เคยตั้งใจไว้ สามารถบรรลุได้หากเข้ามาทำธุรกิจกับแอมเวย์
“ช่วงแรกผมแบ่งเวลาสัปดาห์ละวันหรือสองวัน วันละประมาณ 5 ชั่วโมง ค่อยๆทำไป ส่วนการขยายฐานก็ใช้วิธีไปหาญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่เราคิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่อง แต่ปรากฏว่าผมคิดผิดหมดเลย มีแต่คนบอกว่าไม่เห็นด้วย เพราะเขามองว่าเป็นหมอก็ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ สิ่งที่ผมกำลังมองหาตอนนั้นไม่ใช่เรื่องเงิน แต่คืออิสรภาพกับเส้นทางเดินที่กว้างและมีทางเลือกมากขึ้น ยอมรับว่าผมเป็นคนคิดนอกกรอบมาก” นายแพทย์วัชรากล่าว ก่อนอธิบายว่า ในขณะที่ทำแอมเวย์ ความเป็นแพทย์ก็ยังมี แต่แทนที่จะต้องเอาเวลาตอนเย็นๆ ไปเปิดคลินิก ทำคลินิกหามรุ่งหามค่ำ เขาก็มีเวลามาพักผ่อน มีเวลาไปเที่ยว เหมือนการอ่านหนังสือที่มีเว้นวรรคช่องไฟ ให้พักได้ “สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือรายได้ที่ไม่มีเพดานจำกัด หยุดทำก็ยังมีรายได้ ไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องเสียรายได้ และยังเป็นมรดกตกทอดไปสู่ครอบครัว ซึ่งอาชีพเดิมที่เราอยู่ให้ไม่ได้แบบนั้น”
สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นกำลังใจและเป็นกำลังสำคัญบนเส้นทางที่เลือกคือภรรยา (คุณสิรินุช ทรัพย์สุวรรณ) และครอบครัวทั้งคุณพ่อคุณแม่ แม้เบื้องต้นจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้เริ่มทำความรู้จักกับธุรกิจอย่างจริงจัง จนได้ตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจนี้ “พอทำมาปีครึ่ง คุณสิรินุชเข้ามาช่วย จนเราแต่งงานกัน มีลูกคนแรก ตอนนั้นเรื่องเงินเราไม่ต้องพึ่งเงินเดือนกันแล้วเพราะรายได้แต่ละเดือนมากกว่าเงินเดือนหลายสิบเท่า ภรรยาจึงลาออกมาก่อน ส่วนผมแม้ทำงานทั้งสองด้านจะเหนื่อย แต่ก็ยังสนุกกับการเป็นหมอ ผมมาตัดสินใจลาออกตอนที่ทางราชการจะส่งผมไปทำงานที่ต่างจังหวัด ส่วนตัวผมอยากไป แต่ตอนนั้นลูกคนโตอายุเพิ่งขวบกว่า ประกอบกับเราเพิ่งซื้อบ้านใหม่ซึ่งไกลจากที่ทำงานมาก ในฐานะหัวหน้าครอบครัวผมก็เป็นห่วง สุดท้ายเมื่อมองถึงระยะยาวจึงตัดสินใจลาออก”
ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ในวันนั้นหากไม่ได้ตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจนี้ คุณหมอวัชรามองว่า “ชีวิตผมก็คงมีทางไปในสายงานของความเป็นแพทย์ แต่รสชาติของชีวิตคงไม่ใช่เหมือนกับปัจจุบันนี้ ผมได้เดินทางไปเที่ยวอย่างที่เคยฝัน เฉพาะที่เดินทางกับแอมเวย์ก็มากกว่า 30 ครั้ง ไม่รวมที่ไปเที่ยวเองจนเกือบรอบโลก ได้มีเพื่อนที่เพิ่มขึ้น เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน” นอกเหนือจากความสุขในชีวิต ผลลัพธ์ที่ตามมายังเป็นเรื่องความเป็นอยู่ของครอบครัวและความสามารถที่จะมอบการศึกษาที่ดีที่สุดให้ลูกๆ ทั้ง 3 คน
คุณหมอและภรรยาตัดสินใจให้ลูกทั้งสามคนเรียนโรงเรียนนานาชาติ เพราะมองไปถึงอนาคตที่จะส่งเขาไปเรียนต่อต่างประเทศ “ถ้าไม่ได้ทำธุรกิจนี้ เราคงไม่มั่นใจที่จะส่งเขาเรียนต่างประเทศทุกคน” คุณสิรินุชกล่าว ลูกชายคนโตของครอบครัวไปเรียนต่อที่ประเทศแคนาดาตั้งแต่อายุ 15 ก่อนจะเลือกเรียนสายรัฐศาสตร์ ควบคู่ไปกับกฎหมาย ก่อนจะกลับมาทำงานด้านกฎหมายในบริษัทชั้นนำ ส่วนลูกชายคนรองและลูกสาว เลือกเรียนแพทย์ทั้งคู่ แม้คุณหมอวัชราจะไม่ได้อยู่ในสายงานแพทย์ดังเช่นเดิม แต่เมื่อ 13 ปีก่อนคุณหมอได้เริ่มก่อตั้งมูลนิธิเทียนฉาย นำความรู้ด้านการแพทย์ที่มีออกไปช่วยเหลือชาวบ้านในชนบท “เราเน้นที่การช่วยเหลือโรงเรียนและโรงพยาบาล เราตั้งอนามัยไปได้สี่แห่งแล้ว นอกจากนี้ก็มีการทำระบบน้ำดื่มบนดอย ระบบไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ฯลฯ” คุณสิรินุชกล่าว
ตลอด 31 ปีที่ทำงานร่วมกับแอมเวย์ ความสำเร็จและวิธีคิดของคุณหมอวัชรามีส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ของเส้นทางชีวิตที่กำหนดได้เอง แต่ยังไม่กล้าที่จะลองเปลี่ยน ในขณะเดียวกันเขายังสร้างเครือข่ายอีกนับไม่ถ้วน ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเช่นเดียวกัน คุณสิรินุชกล่าวว่า “เส้นทางนี้ทำให้เราเจอคนมากมาย ซึ่งบนความสำเร็จของเรา เราภูมิใจที่ได้สร้างความสำเร็จให้คนอื่นด้วย จุดนี้ดิฉันถือเป็นว่าความสุข ที่ทำให้เราไม่ท้อ เพราะคนที่เข้ามา เขาก็อยากมีชีวิตที่ได้สิ่งที่ตนฝัน แต่งานประจำให้เขาไม่ได้”
ปัจจุบันคุณหมอวัชราและคุณสิรินุชยังทำงานด้วยความสนุก ทั้งคู่กล่าวว่าแม้อายุจะเพิ่มมากขึ้นแต่ไฟในการทำงานกลับไม่ได้ลดลง เนื่องจากมีคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดใหม่ๆเข้ามาทำงานด้วยเสมอ “ถ้าเป็นอาชีพอื่นก็ต้องมีเกษียณ และต้องคิดเยอะว่าเราจะทำงานได้จนถึงอายุเท่าไหร่ แต่ทำงานแบบที่เราทำนี้ไม่จำกัดอายุ ยิ่งได้เจอกับเด็กรุ่นใหม่เวลาทำงานเราก็สนุกไปกับเขาด้วย ผมยังเคยบอกเขาว่า อาจำไม่ได้แล้วว่าอายุเท่าไหร่ เพราะทำงานแล้วสนุกจนเหมือนอายุเท่าพวกเธอเลย”
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook Page : ชีวิตสร้างตามใจชอบ และ #DareToChange #ชีวิตสร้างได้ตามใจชอบ