Home > Celebrity > Exclusive Interviews > สาวเก่งเจ้าของธุรกิจพันล้าน ‘วริษฐา สืบพันธ์วงษ์’ ผู้สร้างแบรนด์ MizuMi และ Bomi

ความตั้งใจและมุ่งมั่น มักจะมีความสำเร็จยืนรอเป็นของขวัญอยู่ที่ปลายทางเสมอ คงเป็นประโยคที่อธิบายตัวตนของผู้ที่สร้างแบรนด์มูลค่าพันล้านมากับมืออย่างคุณ ‘หนุย วริษฐา สืบพันธ์วงษ์’ เจ้าของแบรนด์สกินแคร์ MizuMi และอาหารเสริม Bomi ที่เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ไทยแท้ และเป็นแบรนด์ชั้นนำอีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามของสาวเก่ง ที่เริ่มธุรกิจตั้งแต่วัยกลางยี่สิบ จนกลายเป็น Entrepeneur ผู้เก่งกาจ

MizuMi
คุณหนุย วริษฐา สืบพันธ์วงษ์

การบ่มเพาะและการเริ่มต้น

สำหรับคุณหนุย คงเรียกได้ว่าเห็นอนาคตเป็นสาวเก่งตั้งแต่เด็ก คุณหนุยเป็นเด็กรักเรียน และเรียนดีได้เกรดเฉลี่ยต้นๆของสถาบันมาโดยตลอด หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย คุณหนุยสอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศ ด้วยทุนเล่าเรียนหลวง หรือ ‘King’s Scholarship’ ซึ่งเป็นทุนสำหรับเยาวชนที่มีความสามารถ ถึงแมท้ตนเองจะอยู่สายวิทย์คณิต แต่ก็ได้ทุนสายศิลป์เพราะความสามารถด้านภาษาที่โดดเด่น จนได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แคลิฟอร์เนีย จบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์

MizuMi

ประสบการณ์การทำงานก็ไม่แพ้กัน เพราะหลังจากที่คุณหนุยทำงานเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจมา ก็ได้มีโอกาสเริ่มทำงานด้านการตลาดกับบริษัทความงามแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการจุดประกายการทำแบรนด์ความงามตั้งแต่นั้น ในช่วงนั้นคุณหนุยตั้งใจเก็บเงินเพื่อหาทุนเริ่มต้นในการทำธุรกิจและส่งตัวเองไปเรียนต่อปริญญาโท นอกจากงานประจำ คุณหนุยยังรับสอนพิเศษและเป็นที่ปรึกษาให้กับนักเรียนที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศอีกด้วย

ถือเป็นช่วงสู้ชีวิตของคุณหนุยที่หนักหนาเลยทีเดียว ทำงานวันละ 16 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด จนสุดท้าย สามารถสอบชิงทุนส่งตัวเองไปเรียน MBA ที่ Olin Business School ของ Babson College และมีเงินตั้งต้นก้อนแรกในการทำธุรกิจ จึงก้าวออกมาเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตในการเป็นผู้ประกอบการ

“หนุยเริ่มมีความคิดที่จะทำธุรกิจตัวเอง ตอนอายุประมาณ 26 แต่ MizuMi เกิดขึ้นจริงตอนประมาณอายุ28 คือใช้เวลากว่าสองปีในการตกตะกอนโมเดลธุรกิจ การพัฒนาสูตร ทำ brand concept รวมถึงหาพาร์ตเนอร์ด้วย ตอนนั้นคาดหวังแค่การขายในออนไลน์ มีฐานลูกค้าที่ niche เป็นคนกลุ่มเล็กๆที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเรา ไม่ได้คิดจะเป็น mass scale อย่างทุกวันนี้เลย”

ความงดงามของความสำเร็จ 

ธุรกิจกำลังเริ่มต้นขึ้น ภายใต้ความพยายามของคุณหนุยที่ไม่มีวันสิ้นสุด คุณหนุยได้สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดอย่าง MizuMi ที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่ง ‘Mizu’ แปลว่าน้ำ และ ‘Mi’ แปลว่าความงาม เมื่อรวมกันแล้วจึงได้ความหมายว่า ‘ความงามจากน้ำ’ คุณหนุยใช้ชื่อนี้ด้วยว่าเรื่องราวของแบรนด์มีความผูกพันกับญี่ปุ่น ทั้งเรื่องการพัฒนาสูตร โรงงานผลิตแพ็กเกจจิ้ง ที่โอบอุ้มคาแรกเตอร์ของแบรนด์เอาไว้ แต่เธอย้ำเสมอว่า MizuMi เป็นแบรนด์ไทยโดยเนื้อแท้

โดยกันแดดของแบรนด์นี้ มีคอนเซ็ปต์หลักคือ “100% Physical และ 5-Free” สารกันแดดจากแร่ธาตุธรรมชาติ พร้อมปราศจากสารระคายเคืองผิว 5 ประการ ได้แก่ น้ำมัน น้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์ และสีสังเคราะห์ กว่าจะมาถึงจุดนี้ คุณหนุยได้ผ่านการเดินทางที่ท้าทายหลายด่าน ทั้งการเฟ้นหาโรงงานผลิตคุณภาพสูงในญี่ปุ่น ที่จะพร้อมพัฒนาสูตรไปด้วยกัน ถ้าพูดอีกแบบคือ ทำทุกอย่างด้วยมือตัวเอง

“เราขายออนไลน์ก็จริง แต่สมัยนั้นก็มีไปออกบูธให้คนได้ลองใช้ด้วย ยืนขายเอง ไม่จ้าง BA เลย อธิบายให้เขาเข้าใจว่าทำไมสูตรครีมกันแดดของเราถึงได้มีเนื้อแบบนี้ เรามี MizuMi หลอดสีฟ้าอยู่สูตรเดียวหนึ่งปีเต็ม ทำตัวเดียวเลย เพราะคิดว่าต้องเอาให้อยู่ ต้องปั้นขึ้นมาเป็นฮีโร่ให้ได้ ส่วนงานออนไลน์เราก็โพสต์คอนเทนท์เองทุกอัน ตอบลูกค้าเองทุกคอมเม้นท์ ดูแลเพจกันอยู่สองคนกับหุ้นส่วน เชื่อมั้ยหนุยทำแบบนั้นอยู่ร่วม 5 ปี คืองงตัวเองเหมือนกัน ว่าชั้นนั่งทำเองมานานขนาดนี้เลยเหรอ นี่คือถ้าใครเคยคุยกับแอดมินในเพจสัก 5 ปีย้อนหลัง ตอนนั้นคือเราคุยกันอยู่นะคะ” 

หลังจากที่ฟูมฟักแบรนด์นี้มากับมือ ความสำเร็จก็ได้ย่างก้าวเข้ามาหา หลังได้รับการติดต่อเพื่อวางจำหน่ายใน Watsons ถือเป็นก้าวแรกของแบรนด์ที่ได้ออกจากพื้นที่ออนไลน์ และวัดความต้องการของสินค้าในกลุ่มผู้บริโภคระดับที่แมสขึ้น 

MizuMi

“ตอนนั้นปั่นป่วนเลยค่ะ เพราะพอเข้า Watsons ปุ๊บ ยอดพุ่งกระฉูดเลย ของหมดภายในสัปดาห์เดียว แล้วจากที่ลงไป 200 สาขา Watsons ขอขยายเป็นลงทุกสาขา ซึ่งสมัยนั้นมีอยู่อยู่ประมาณ 450 สาขา เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนจากแบรนด์ออนไลน์กลายเป็นแบรนด์ที่คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พอซื้อได้ง่าย คนก็แนะนำกันแบบปากต่อปาก ต้องเร่งการผลิต แล้วตอนนั้นหนุยกำลังเรียนโทอยู่ที่อเมริกา เรียนไปทำงานไป อาศัยพาร์ทเนอร์ที่ไทยช่วยวิ่งงานให้ เชื่อไหมว่าตอนนั้นเรายังไม่มีพนักงานประจำเลยสักคน” 

นั่นเป็นเป็นช่วงเวลาที่แบรนด์ MizuMi ได้เดินไปในทิศทางที่คุณหนุยต้องการ กลายเป็นสกินแคร์แบรนด์ไทยที่ได้รับรางวัลจากหลายเวที เมื่อแบรนด์แรกที่ฟูมฟักมีก้าวยืนที่แข็งแรง คุณหนุยเริ่มต้นความท้าทายครั้งใหม่ บนความตั้งใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความงามที่ต้องเสริมกันจากภายใน

สวยทั้งภายนอกและภายใน

ภายใสต้คอนเซ็ปต์ที่คุณหนุยยึดถือ คือความสวยที่ต้องพัฒนามาจากภายใน คุณหนุยจึงได้ริเริ่มไอเดียทำอาหารเสริมชื่อว่า Bomi ขึ้นมา คำว่า Bomi (โบมิ) ย่อมาจาก tagline ของแบรนด์คือ “Happy Body and Mind” โดยแยกเป็นแบรนด์ใหม่ แต่ก็ยังมีความเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่กับแบรนด์ MizuMi” หลายคนคงเคยผ่านตาบ้างกับ Bomi ซึ่งมีคุณอั๋น-ภูวนาท คุนผลิน และคุณพีพี-กฤษฎ์ อำนวยเดชกร เป็นพรีเซนเตอร์ที่บ่งบอกถึงบุคลิกของ Bomi ได้เป็นอย่างดี 

MizuMi
คุณพีพี-กฤษฎ์ อำนวยเดชกร
Cr: @bomiofficial_th

“เราอยากให้ Bomi เป็นอาหารเสริมของคนรุ่นใหม่ที่ดูสนุกสนานหน่อย แต่ยังคงความน่าเชื่อถือ ขายความเป็นฟังก์ชันของอาหารเสริมนั้นๆ เช่น คุณมีปัญหาเรื่องผิว เรื่องกระดูก คุณต้องกินคอลลาเจน หรือถ้าคุณมีปัญหาลำไส้ ระบบขับถ่ายที่รวนๆ ภูมิคุ้มกันตก ก็ต้องกินโพรไบโอติกส์เพื่อดูแลลำไส้ “

ด้วยไอเดียการตลาดที่มีความเปิดกว้าง และการโปรโมทด้วยกลยุทธ์ต่างๆ คุณได้ตั้งมั่นไว้ว่าอยากให้ทั้งสองแบรนด์ เป็นแบรนด์ไทยที่หลายๆ คนนึกถึงเมื่อกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ความงาม ซึ่งเรียกได้ว่าทั้งสองแบรด์ก็เข้าใกล้จุดนั้นมากแล้ว

ปล่อยให้ passion นำทาง 

การทำตามสิ่งที่ใจคิดนั้น เป็นสิ่งที่นำพาคุณหนุยและทั้งสองแบรนด์ให้เดินไปข้างได้อย่างสำเร็จ และกลายมเป็นความภาคภูมิใจของคุณหนุย ซึ่งการเติบโตของแบรนด์ยังมีทิศทางที่พร้อมให้เดินต่อ เธอเองก็อยากเห็น MizuMi มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น ทั้งชายและหญิง ทั้งกลุ่มที่เด็กลงและสูงวัยขึ้น ขณะที่อนาคตของ Bomi ก็เตรียมขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เช่นกัน

MizuMi

“โชคดีของหนุยคือเราเจอสิ่งที่ชอบตอนอายุยังน้อย เลยรู้ว่าจะโฟกัสกับอะไร พอ passion มาเต็ม อย่างอื่นมันเรียนรู้ on the job ได้หมดค่ะ สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราเรียนในห้องเรียนมันเป็นทฤษฏี ต้องลองเอามา apply เอง อย่างหนุยทำงาน consult มา ก็จะได้เรื่องกรอบความคิด การ structure คำพูด การเฟรมปัญหา และหาแนวทางแก้ปัญหา ส่วนเรื่องมาร์เก็ตติ้งก็ต้องมาเรียนรู้เอง ต้องเสพสื่อให้เยอะว่าการตลาดของแบรนด์อื่นเขาทำกันแบบไหน มีอะไรที่เราเรียนรู้และนำมาทดลองใช้กับเราได้บ้าง ลองแล้วพลาดก็เยอะนะคะ แต่ไม่เป็นไร อันไหนพลาดก็อย่าไปทำมันอีก ที่ไม่เวิร์กก็ลองให้รู้ แล้วเราก็หาแนวของเราต่อไป “

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญสำหรับคุณหนุยคือการทำตาม Passion ทำในสิ่งที่ชอบ ตามคำกล่าวที่ว่า ” มันจะเป็นตัวนำว่าเราอยากทำสิ่งนี้หรือเปล่า ถ้าวันหนึ่งเราหมด passion อย่างอื่นมันไม่ตามมานะ ต่อให้เราเก่งมากๆ แต่เราไม่ได้อยากทำ หรือไม่ได้ชอบมัน เราก็จะไม่มีแรงทำ หรือทำก็จะเป็นการทำตามหน้าที่ “

Entrepreneur สายชิลล์

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเริ่มธุรกิจมาตั้งแต่วัยกลางยี่สิบ และกำลังงวดได้ที่เมื่อธุรกิจกำลังเติบโตในวัยสามสิบต้น จะได้ใช้เวลาไปกับเรื่องส่วนตัวอย่างเอมอิ่ม คุณหนุยยอมรับว่าเธอมีเวลาส่วนตัวเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนอีก 80 คือเวลาที่เธอเทใจให้กับการทำงาน ที่ยังต้องใช้กำลังกายและการกลั่นความคิด โดยมีกำลังใจเป็นลูกชายวัยสี่ขวบและขวบครึ่ง กับสามีที่พร้อมซัพพอร์ตย่างเต็มเปี่ยม

MizuMi

นอกจากลุคความเป็น Business Women ที่เก่งกาจ คำที่เหมาะสมกับคุณหนุยคงจะเป็นคำว่า ‘เป็นผู้ประกอบการที่ถ่อมตน’ ก็ดูเข้ากับความเป็นมิตรและเรียบง่าย อย่างที่คุณหนุยนิยามตัวเองในสเตตัสไอจีว่า ‘Entrepreneur  สายชิลล์’

“หนุยค่อนข้างจะวางตัวเองโลว์โปรไฟล์มากในการทำงาน และเราจะทำงานแบบ coaching ไปด้วย ไม่สนใจเท่าไรว่าเขาจะจบมาด้วยดีกรีอะไร มหาวิทยาลัยอะไร หนุยสนใจที่ทัศนคติในการทำงานมากกว่า สู้งานไหม เกี่ยงงานหรือเปล่า มีความอยากที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองมั้ย เพราะถ้าทัศนคติเขาพร้อม เขาก็จะดูแลและจัดการงานของตัวเองได้ดี”

เรียได้ว่าทั้งการจัดการ การบริหาร และการใช้ชีวิต ผนวกกับความสามารถที่รอบด้านและครบเครื่องของคุณหนุย แลกผลตอบแทนกลับมาอย่างคุ้มค่าด้วยธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นน่าจะเป็นรางวัลของความรักและการทุ่มเทให้กับสิ่งที่สร้างขึ้นเองตั้งแต่ต้น กระทั่งออกดอกผลให้ชื่นชมเป็นความภาคภูมิใจที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.