The Young Achievers 2023 | ‘เดิมพัน อยู่วิทยา’ สร้างธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านในเวลา 3 ปี
หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่าผู้จับเงินล้านก้อนแรกในวัยเพียงยี่สิบ และจากนั้นชีวิตของ คุณต้น – เดิมพัน อยู่วิทยา ก็พุ่งทะยานเหมือนติดจรวด สามารถต่อยอดเงินทุนที่มี จนปัจจุบันเรียกได้ว่า กลุ่มบริษัทในเครือ Rapid Group ของคุณต้นกำลังไต่ระดับกลายเป็นธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพ ซึ่งคิดว่าจะก้าวข้ามความเป็น Unicorn ที่มีมูลค่าธุรกิจพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อจะเป็น Hectocorn ธุรกิจระดับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ได้ แคมเปญ The Young Achievers 2023 พาไปพบกับเบื้องหลังความสำเร็จของคุณต้นในปลุกปั้นธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านบาทในเวลา 3 ปี

บัณฑิตคณะเศรษฐศาสตร์ เอกการเงินการธนาคาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีแพสชั่นกับธุรกิจมาตั้งแต่สมัยเรียน “ที่ผมเลือกเรียนการเงินการธนาคาร ก็เพราะอยากทำงานด้านนี้ โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นเทรนด์แต่เป็นความชอบส่วนตัว ซึ่งผมโชคดีมากที่เลือกเรียนด้านนี้ เพราะได้ทำงานทางด้านการเงินมาโดยตลอด” คุณต้นเล่า
หลังเรียนจบ คุณต้นเข้าทำงานที่ SCG อยู่ระยะหนึ่งและเริ่มธุรกิจส่วนตัว สามารถเก็บออมจนได้เงินทุนตั้งต้นธุรกิจแรก “ผมจับเงินล้านก้อนแรกในชีวิตตอนอายุ 20 ต้น ๆ ก็เพราะเป็นคนที่มีวินัยทางการเงิน เราทำงานได้ก็เก็บ เพราะรู้คุณค่าของเงินว่าหาไม่ง่าย คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูเรามาก็พอ ไม่อยากขอเงินท่านอีกต่อไป เราควรจะดูแลตัวเองได้แล้ว ก็เลยมี mindset ว่าต้องขยัน ต้องเก็บเงิน ต้องเริ่มทำธุรกิจของตัวเองให้ได้”
คุณต้นตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่มีสถานะมั่นคงอย่าง SCG เพื่อออกมาเปิดบริษัทโบรคเกอร์ประกันภัยตามด้วยการเปิดบริษัทแห่งแรก ๆ ที่ทำเรื่อง Wealth Management ในนาม Platinum Consulting ในช่วงปี 2002 ซึ่งขณะนั้นถือเป็นรายแรก ๆ ในไทย พอทำไปได้พักหนึ่ง คุณต้นจึงร่วมกับเพื่อนทำธุรกิจรีสอร์ทที่เกาะเสม็ด ลิม่าโคโค่ ลิม่าเบลล่า ลิม่าดูว่า เป็นบูทีกโฮเต็ลที่ได้รับรางวัลด้านการออกแบบจากสมาคมสถาปนิกสยาม ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และยังได้รางวัลจากทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
กระทั่งประมาณปลายปี 2015 ด้วยความที่ทำงานหนักมาตลอดตั้งแต่เรียนจบ และออกแบบธุรกิจให้สามารถทำงานได้จากทุกที่ทั่วโลก ธุรกิจสามารถรันได้ด้วยตัวเอง นักธุรกิจไฟแรงจึงตัดสินใจรีไทร์ แล้วเริ่มเล่นสโนว์บอร์ดจนมีกลุ่มที่ตระเวนเล่นไปทั่วโลก

Rapid Group
กาลเวลาผันผ่านจนถึงปี 2019 แม้จะยังสนุกอยู่กับการท่องเที่ยวและเล่นสโนว์บอร์ด คุณต้นเริ่มเฟ้นหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Rapid Group ที่คุณต้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ปัจจุบันเติบโตจนมีบริษัทในเครือทั้งสิ้น 5 แห่ง คือ Rapid Capital, Rapid Motors, Rapid FinTech, Rapid EV และ Rapid Life
คุณต้นย้อนเล่าว่า “ตอนนั้นอยากหาอะไรกลับมาทำแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้บริหารสมอง ก็เลยจดทะเบียนบริษัทใหม่ว่า Rapid Capital ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท แล้วค่อย ๆ ใส่เพิ่มเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึง 255 ล้านบาท ซึ่งเราชำระเต็ม ได้ใบอนุญาตสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ เดือนมีนาคม ปี 2020 จากนั้นวันที่ 14 เมษายน ปี 2020 แบงก์ชาติก็อนุญาตให้เราเปิดดำเนินการ”
Rapid Capital เป็นธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ที่เจ้าของเต็นท์รถมือสองเปิดวงเงินกับทางบริษัท เพราะจากประสบการณ์ที่เคยคลุกคลีกับธุรกิจนี้ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวมาก่อน เขาจึงทราบดีว่าเจ้าของเต็นท์รถมือสองนั้นมีเงินมาก เพียงแต่เงินไปอยู่กับรถหมด นอกจากนี้ด้วยวิสัยทัศน์อันก้าวไกลคุณต้นยังมองไปถึงธุรกิจเปลี่ยนรถยนต์เครื่องสันดาปเป็น EV ในนาม Rapid EV ด้วยสนนราคาเริ่มต้นที่ 3 แสนบาท โดยใช้เวลาเพียง 72 ชั่วโมง เพื่อเป็นหนึ่งใน ecosystem ของการเป็น green economy ที่มี carbon emission เป็นศูนย์
และยังเปิดบริษัทอีกแห่งคือ Rapid Fintech ที่ให้สินเชื่อรายย่อยสำหรับ EV conversion, การตั้ง charger station หรือแบบ B to B สำหรับธุรกิจสินเชื่อโดรนเพื่อการเกษตร เพราะเป็นกลุ่มที่ยังขาดเงินทุนอยู่ และอีกอย่างคือธุรกิจ solar rooftop สำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการสำหรับโลกที่ร้อนขึ้นทุกวี่วัน นอกจากนี้คุณต้นยังมีธุรกิจต่อเนื่องอีกอย่างคือ Rapid Motors ซึ่งจะเป็นศูนย์ Online to Offline แห่งแรกของประเทศไทย และแห่งแรก ๆ ของโลก
สำหรับธุรกิจอีกอย่างที่คุณต้นริเริ่มทำ และเพิ่งเปิดทำการเมื่อ 8 มกราคมที่ผ่านมา ก็คือ Rapid Life ซึ่งเขาต้องการที่จะเปลี่ยนมุมมองของการทำประกันชีวิต จากที่คนทั่วไปเคยรังเกียจการทำประกันชีวิต ทว่าต่อแต่นี้ไปคนทั่วไปจะรังเกียจคนที่ไม่มีประกันชีวิตเพราะจากตัวเลขที่ธนาคารไทยพาณิชย์เคยสำรวจพบว่า ในจำนวน 100 ครัวเรือนในไทย มีคนทำประกันชีวิตเพียงแค่ 8 – 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และทำในวงเงินเพียง 2 แสนบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำพิธีศพปัจจุบันอยู่ที่ 4 แสนบาท
“เราออกแบบแพลตฟอร์มที่มีขั้นตอนการซื้อง่ายมากเสมือนว่าเราเป็น Agoda แห่งวงการประกันชีวิต คุณรู้ไหมว่าคนอายุ 30 หรือ 40 ปี จะซื้อประกันทุน 1 ล้านบาท จ่ายเบี้ยประกันปีละเท่าไร… ของผมเดือนละ 300 บาทครับ แต่ถ้าวันไหนไม่มีเงิน หรือสภาพคล่องน้อย ไม่จ่ายก็ไม่คุ้มครอง วันไหนจ่ายก็คุ้มครอง ง่าย ๆ แค่นั้นเลย ไม่มีอะไรซับซ้อน” คุณต้นเล่าถึงแนวคิดธุรกิจล่าสุด
ที่ผ่านมาได้มีการไลฟ์สดขายประกันชีวิตเป็นครั้งแรกของ Rapid Life โดยอิงฟ้า วราหะ และชาล็อต ออสติน ซึ่งเป็นไลฟ์ที่มีคนทวีตมากกว่า 1 ล้านคน และมีคน engage ในเว็บไซต์ 3 หมื่นกว่าคนภายในเวลาหนึ่งเดือน และมีคนสมัครเป็นจำนวนมากโดยมีนโยบายง่าย ๆ ว่า ตาย จ่าย จบ และชีวิตมนุษย์คนหนึ่งควรมีคุณค่าเกิน 1 ล้านบาท จากความสำเร็จของการไลฟ์ครั้งนั้น ปัจจุบันคุณต้นกำลังขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยจุดแข็งอีกข้อคือการมีบริษัทประกันภัยที่เป็นพาร์ตเนอร์หลายแห่ง อาทิ โตเกียวมารีน, FWD, Allianz, CHUBB และ Samsung Life ซึ่งเป็น international brand ทั้งหมด นอกจากนี้ปลายปียังมีแพลนทำประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) เพิ่มเติม

แรงบันดาลใจในการทำ Digital Economy
ในช่วงระหว่างการระบาดหนักของโควิด-19 คุณต้นไม่ได้ออกไปไหน จึงนั่งดูยูทูบที่เป็นคลาสของ Stanford, Harvard, MIT เพื่อดูว่าโลกการเงินไปถึงไหนแล้ว และคนในซิลิคอนวัลเลย์คุยเรื่องอะไรกัน เป็นเวลานานนับพันชั่วโมง เพื่อทำความเข้าใจว่า mindset ในยุคดิจิทัลต้องเป็นอย่างไร รวมทั้งเรื่อง blitz scaling ซึ่งหมายถึงการเติบโตของบริษัท เพราะอะไรบริษัทยุคใหม่ถึงต้องทำเรื่องดิจิทัล ทำไมอนาล็อกถึงไม่รอด ทำให้เขาเชื่อว่าธุรกิจในโลกยุคใหม่จะต้อง faster, better, cheaper, smarter ถึงจะเป็น winner
“ผมเชื่อว่าในอีกสิบปีข้างหน้า เด็กที่อายุ 10 ปีวันนี้ จะโตขึ้นมาพร้อมกับการซื้อของผ่านมือถือ ซึ่งอยู่ใน ecosystem ของเราเกือบทั้งหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นการกู้เงิน ทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพประกันอุบัติเหตุ ซื้อขายรถ เปลี่ยนเป็นรถ EV หรือแม้แต่การกู้เกี่ยวกับการเกษตร การทำ solar roof” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Rapid Group กล่าว ซึ่งหลักในการบริหารธุรกิจหลาย ๆ อย่างพร้อมกันนั้น เขาไม่ได้ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
คนที่ทำหลายอย่างพร้อมกันด้วยตัวเองทั้งหมดน่ะเจ๊งแน่ แต่โมเดลธุรกิจของเราก็คือ sharing economy มีการกระจายกำไรออกไป เพื่อให้มีการจ้างงาน การใช้จ่าย ไม่มีประโยชน์หรอกครับที่จะรวยกระจุก จนกระจาย แต่คนที่มาอยู่กับ Rapid Group จะโตกันหมด เพราะเราทำ digital infrastructure เพื่อให้ทุกคนโต มีการ financing เข้าไปในทุก ๆ จุด เราไม่ต้องใช้คนเยอะ ไม่ต้องเหนื่อย
คุณต้น – เดิมพัน อยู่วิทยา
นอกจากนี้คุณต้นยังบอกอีกว่า โลกดิจิทัลมีแต่ขาวกับดำไม่มีเทา การตัดสินใจต้องแหลมคม และต้องเป็นตัวเลือกที่ใช่เสมอ “เราต้องคิดเลยว่า ถ้าทำอย่างนี้ จะเกิดอย่างนี้ ๆ ตามมา หรือถ้าฉันไม่ทำ ฉันตาย คุณจะเอาปืนยิงเท้าตัวเอง หรือให้คู่แข่งเอาปืนมายิงหัวเราแทนเราก็ต้องยอมยิงเท้าตัวเอง ผมต้องยิงเท้าตัวเองเป็นประจำเลย (หัวเราะเบา ๆ) ขนาดเรา born digital นะ เราต้องยอมขาดทุนตรงนี้เพื่อไปกำไรอย่างอื่น และให้ลูกค้าเราชนะ ไม่อย่างนั้นลูกค้าไม่อยู่กับเราหรอกครับ”
สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจของเขาในอนาคตอันใกล้ ก็คือ การนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนการปักธงของ Rapid Group ทั่วทั้งเอเชีย

เราตั้งข้อสังเกตว่า เขาเป็นรายแรก ๆ ในน่านน้ำธุรกิจเสมอ และออกจากน่านน้ำเป็นรายแรก ๆ ก่อนที่ตลาดจะวาย เขามีหลักคิดอย่างไร ในการกำหนดจังหวะเวลาเข้าและออกจากธุรกิจต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมาอย่างธุรกิจรีสอร์ท และ Wealth Management รวมทั้งธุรกิจในปัจจุบันนี้อีก
“ด้วยความที่เราชอบที่จะเรียนรู้จากยูทูบภาษาอังกฤษ ทำให้เมื่อรู้ปุ๊บ เราจะเข้าไปหาแหล่งข้อมูลทันที และจะได้ข้อมูลก่อนคนอื่น ๆ เสมอ อย่างสมัครเรียนคอร์สต่าง ๆ เราก็สมัคร อะไรที่เราควรทำ เราก็ทำด้วยแพสชั่นที่มี แล้วเมื่อถึงวันหนึ่งแพสชั่นเราหมด เราก็ออกจากธุรกิจ ผมเป็นคนไม่ยึดติด”
และนี่คือวิสัยทัศน์ของนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง.
ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสาร HELLO! VOL. 18 NO. 6 วางแผงแล้ววันนี้!