เสริมทัพธุรกิจให้แข็งแกร่ง ‘ริน-ทิพย์ชยา พงศธร’ กับแนวความคิดทำธุรกิจอย่างยั่งยืน!
เมื่อพูดถึงนักธุรกิจหญิงแกร่งต้องบอกเลยว่าต้องมีชื่อผู้หญิงคนนี้ ‘คุณริน-ทิพย์ชยา พงศธร’ ซีอีโอสาวสายอาร์ต กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจโรงแรมกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ นักธุรกิจสาวที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวความคิดหลักเรื่อง ‘ความยั่งยืน’ หรือ Sustainability ความเก่งของคุณรินที่มีบทบาทในการช่วยเสริมทัพให้ธุรกิจครอบครัวแข็งแกร่งประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน

สาวแกร่ง หนึ่งในสมาชิกครอบครัวใหญ่
ในฐานะทายาทคนเดียวของ ‘คุณวิเชียร และคุณวิมลทิพย์ พงศธร’ ซึ่งฝ่ายบิดาเป็นแชร์แมนกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ที่ทำธุรกิจมากมาย ฝ่ายมารดาเป็นรุ่นที่ 4 แห่งโอสถานุเคราะห์ แม้จะมีธุรกิจหลายสายจากทั้งสองตระกูล แต่ ‘คุณริน-ทิพย์ชยา พงศธร’ ขอใส่หัวใจที่รักในศิลป์ คราฟต์ และวัฒนธรรม ทำธุรกิจแนวคิดยั่งยืนที่โรงแรมขวัญใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่าง Raya Heritage ในหมู่ลูกพี่ลูกน้องและหลานรวมกว่า 30 ชีวิต การทำธุรกิจบนความยั่งยืนของธรรมชาติและชุมชน ความสนใจในการจัดการหลังความตาย และเป้าหมายของซีอีโอที่อยากทำธุรกิจให้น้อยลงแล้วกลับไปทำงานอาร์ตให้มากขึ้น
“คุณแม่มีพี่น้อง 5 คน ส่วนคุณพ่อมีพี่น้อง 11 คน รินก็เลยมีลูกพี่ลูกน้องอายุไล่ๆ กันทั้งหมด 20 คน คนโตสุดอายุ 49 เด็กสุดอายุ 18 เพิ่งจะเข้าปี 1 ปีนี้ เป็นลูกหลงน่ะค่ะ แล้วบ้านญาติๆ อยู่ใกล้ๆ กัน ตอนเด็กๆ พวกเราจะผลัดกันไปเล่นบ้านนั้นบ้านนี้ รินเลยเติบโตมาแบบอบอุ่นมาก (ลากเสียงยาว) ได้อยู่กับคนวัยใกล้ๆ กันตลอดค่ะ”

ยามไปโรงเรียนก็ไม่แคล้วแวดล้อมไปด้วยญาติพี่น้องอุ่นหนาฝาคั่ง แต่ด้วยฮอร์โมนวัยรุ่นที่สูบฉีด กระตุ้นให้คุณรินรั้นอยากไปเจอโลกแบบฉายเดี่ยวดูบ้าง “รินตัดสินใจตั้งแต่ ม.ปลายแล้วว่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองนอก เราเรียนที่มาแตร์มาตลอด มีคนไปรับไปส่ง มีคนช่วยทำทุกอย่างให้ เราเลยอยากพิสูจน์ตัวเองว่าเราอยู่เองได้หรือเปล่าในสังคมที่ไม่เหมือนกับที่บ้านเรา ก็บอกที่บ้านเลยว่ารินจะไม่เอ็นทรานซ์ จะไปเรียนเมืองนอกนะ แล้วรินก็เรียนภาษา ทำสอบทุกอย่าง เพราะถ้าพลาดก็ไม่มีที่เรียน น่าจะเป็นที่วัยด้วยที่เราหัวรั้น ก็อยากได้แบบนี้น่ะ (หัวเราะ)”
ไม่กี่ปีถัดมาเธอได้ไปเมืองนอกคนเดียวสมใจที่ Georgetown University กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา เธอเรียนเศรษฐศาสตร์เพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่อยากได้พื้นฐานวิธีคิดทางธุรกิจ และเรียนภาษาเยอรมันเพราะอยากเชื่อมโยงกับรากเหง้าของคุณย่าที่เป็นลูกครึ่งเยอรมัน หนึ่งปีหลังเรียนจบที่จอร์จทาวน์ คุณรินบินเดี่ยวไปหาประสบการณ์ใหม่ตัวคนเดียวที่อังกฤษบ้าง “รินไปเรียนด้าน Brand Management ที่ Istituto Marangoni น่าจะเป็นรุ่นบุกเบิกหลังจากที่เขาไปเปิดสาขาที่ลอนดอน จากแต่ก่อนต้องไปเรียนที่มิลาน ตอนเรียนปริญญาตรีมีวิชาเลือกประวัติศาสตร์ศิลปะที่รินตามเพื่อนไปเรียน เราเกิดไปชอบวิชานี้ แต่เหมือนมันสายไปแล้ว เราเรียนเมเจอร์เศรษฐศาสตร์อยู่ พอปริญญาโทเลยเรียนอาร์ต ก็แอบรู้สึกว่าทำไมเรียนสบายขึ้นเยอะ ไม่มีตำรามาก เน้นการทำโปรเจกต์ ทำแผนธุรกิจ เรียนรู้จากคนทำงานในสายอาร์ตจริงๆ สนุกไปอีกแบบค่ะ”
ทายาทโอสถสภาที่ไม่เคยทำงานที่โอสถสภา
ด้วยปริญญาสองใบจากทั้งสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก คุณรินกลับมาร่อนใบสมัครงานที่อ่าวไทยอยู่หลายเดือน ช้าก่อน! ก่อนที่เธอจะเล่าต่อ เราชิงถามว่าทายาทโอสถสภาทำไมตะลอนๆ ส่งใบสมัครงาน “รินไม่แน่ใจว่าอยากทำงานธุรกิจครอบครัวหรือเปล่าน่ะค่ะ ถ้าออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกก่อนน่าจะช่วยให้เรามีพื้นฐานที่ดีและช่วยให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เลยส่งใบสมัครงานไปหลายที่ สุดท้ายรินได้เริ่มงานแรกที่ TCDC ในตำแหน่งผู้ช่วยภัณฑารักษ์ เป็นตำแหน่งจูเนียร์สุดค่ะ”

งานแรกในชีวิตสุดแสนโดนใจ ได้คลุกคลีกับศิลปะและงานดีไซน์ดังใจหวัง ก่อนที่ฝันดีของเธอจะมลายไปในช่วงเวลาปีกว่าๆ เท่านั้น “เป็นช่วงที่บ้านเมืองมีปัญหาทางการเมือง เรามีโปรเจกต์ที่เตรียมงานมานาน มีงานหนังสือที่ต้องตีพิมพ์ แต่ทุกอย่างโดนเลื่อนออกไปหมด เราไม่แน่ใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยออกมาดีกว่า ตอนที่รินไปทำงานข้างนอก รินคิดว่าคุณพ่อคุณแม่ก็อยากให้รินมาทำธุรกิจของครอบครัวนะคะ”
คุณรินเล่าด้วยว่าทางพรีเมียร์กรุ๊ปของฝั่งครอบครัวคุณพ่อทำธุรกิจหลากหลาย แบ่งเป็นสายธุรกิจที่ทำสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ทาโร่ อาหารแมว Atlas สายสิ่งแวดล้อมทำระบบและอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียหรือถังแซท โซลาฟาร์มและโซลาเซลล์ สายไอทีทำงานวางระบบให้กับองค์กร สายธุรกิจการเงิน ทำธุรกิจรถสำหรับผู้บริหาร และสายอสังหาริมทรัพย์ที่ทำธุรกิจโรงแรม ได้แก่ โรงแรม Rayavadee ที่กระบี่ Tamarind Village และ Raya Heritage ที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสายเดียวที่ไม่ใช่บริษัทมหาทุน
“คุณพ่อเคยถามว่าในธุรกิจที่ทำรินสนใจด้านไหน มีอันไหนที่ไม่เอาจริงๆ รินก็ตอบไปว่าในด้านทาโร่ไอทีและสิ่งแวดล้อม (หัวเราะ) เราคงไปบริหารงานไม่ได้ เราไม่มีความรู้ด้านนั้นเลย ส่วนงานทางครอบครัวฝั่งคุณแม่ รินไม่ได้เข้าไปทำเลยค่ะ ด้วยความที่เป็นคนละสายงานกัน”
สุดท้ายคุณรินจึงแขวนป้ายพนักงานแผนกดีไซน์ในธุรกิจโรงแรม “มันเป็นธุรกิจที่สร้างความสุข เป็นการผสมผสานกันระหว่างความสวยงาม ศิลปะ วัฒนธรรม และธุรกิจ ซึ่งเป็นทุกสิ่งที่เราชอบอยู่แล้วค่ะ”
“ไม่ว่าจะทำงานที่ไหน
เราจะเริ่มต้นที่ ‘ตำแหน่งจูเนียร์’ ที่สุดเสมอ
เริ่มต้นจากพนักงานแผนกดีไซน์ ในธุรกิจด้านโรงแรม
โรงแรมในความดูแลทุกแห่งล้วนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเข้าพักหัวกระไดไม่แห้งตลอดปี ทว่าโรงแรมดังแค่ไหนก็ต้องพ่ายให้กับโควิด “ธุรกิจเราพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ 90% พอโควิดมายอดนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 90 เป็น 0 เราเลยเริ่มทำการตลาดกับลูกค้าคนไทยมากขึ้น ซึ่งก็ไปได้ดีเลยค่ะในช่วงที่โควิดยังไม่รุนแรงมาก คนยังเดินทางได้ แต่พอปีนี้ก็หนัก ทุกอย่างปิดหมด ไม่มีเที่ยวบิน ลูกค้าคนไทยก็เลยเป็นศูนย์อีก”
เธอมีสีหน้าคิดหนักแต่ก็ฉายแววไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “เราเพิ่งมาคิดกันไม่นานมานี้ว่าเราทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว เราต้องทำอะไรหลากหลาย ตอนนี้เลยใช้ความเชี่ยวชาญของเราไปทำด้าน Consulting สำหรับคนที่อยากทำโรงแรม ร้านอาหาร หรือมีโปรเจกต์รีโนเวต เป็นโอกาสที่เราได้ออกไปสัมผัสอย่างอื่นบ้างที่ไม่ใช่บ้านของเราตลอดเวลาค่ะ”

Raya Heritage ธุรกิจบนความยั่งยืน
“รายาวดีเป็นโรงแรมเก่าแก่เกือบ 30 ปี ส่วนแทมมาริน วิลเลจ เราซื้อกิจการมาจากเจ้าของเมื่อ 15 ปีก่อนและรีโนเวตใหม่ และรายา เฮอริเทจสร้างเสร็จเมื่อ 2 ปีก่อนนี้เองค่ะ เป็นโปรเจกต์ที่รินเริ่มทำตั้งแต่ศูนย์ ระหว่างนั้นก็สร้าง Botanical House สถานที่จัดงานเลี้ยง ฟังก์ชั่นและอีเวนต์ต่างๆ ส่วนตอนนี้กำลังทำ Raya Residence โครงการบ้านเดี่ยวที่กรุงเทพฯค่ะ” คุณรินเล่าถึงงานในความดูแลขณะเปิดโบทานิคอลเฮาส์ให้ HELLO! เข้าไปชมความร่มรื่นที่ไม่ต่างจากโอเอซิสในป่าคอนกรีต
“อสังหาริมทรัพย์ทุกแห่งที่รินดูแลจะเน้นเรื่อง Sustainability ซึ่งในความคิดเรา ความยั่งยืนไม่ใช่เทรนด์นะคะ มันควรจะเป็นอยู่แล้ว เราทำงานด้วยความคิดที่ว่าเราไปหยิบยืมมาจากธรรมชาติ ผลกระทบที่เราสร้างควรจะเป็นเชิงบวกให้กับพื้นที่ตรงนั้น เราจะไม่รบกวนธรรมชาติและไม่รบกวนชุมชน อย่างรายาวดี ถึงเราไม่ได้เริ่มสร้างมาแต่แรก แต่ตอนเข้าไปพัฒนาที่ดิน เราไม่ได้ตัดต้นไม้เลย แล้วยังไปวางระบบบำบัดน้ำเสียที่ไม่ต้องปล่อยน้ำทิ้งลงทะเล เป็น Zero Discharge ระบบแอร์เป็นแบบที่ไม่ปล่อยความร้อนออกไปข้างนอก แล้วใช้เป็นระบบน้ำเย็นแทน และทำอีกหลายๆ อย่าง
“เราต้องลงทุนมากกว่าการก่อสร้างทั่วไป แต่เรามองว่าเป็นการลงทุนทางธุรกิจค่ะ ถ้าธุรกิจเราไปทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมลง ธุรกิจก็ไปต่อไม่ได้ เพราะเราก็พึ่งพาความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมในพื้นที่ตรงนั้นด้วย โรงแรมเราจะได้สวยท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สวย อีกแง่หนึ่งก็เป็นความสัมพันธ์กับชุมชนด้วยค่ะ พอเราไปทำสิ่งดีๆ มีความเกื้อกูลกัน คนในพื้นที่ก็อยากมาทำงานกับเรา เพราะเขามองว่าเราเป็นธุรกิจที่ดีมีคุณภาพ ถ้าเราอยากอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแต่คนในชุมชนไม่เข้าใจ มันก็สวนทางกันค่ะ ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกันว่าเราอยากทำธุรกิจไปยาวๆ เราไม่อยากทำลายสิ่งดีๆ ในพื้นที่ การทำอะไรฉาบฉวยได้กำไรง่ายและได้มากกว่าอยู่แล้วค่ะ แต่ความยั่งยืนต้องใช้เวลา”
ความยั่งยืนที่ถือเป็นคุณค่าหลักในการทำงานของคุณรินจึงเป็นมากกว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่หมายถึงการอยู่ร่วมกันได้ในระยะยาวของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งคนและธรรมชาติ รายา เฮอริเทจที่เพิ่งเปิดตัวได้ 2 ปีจึงกวาดรางวัลมากมาย เช่นChiang Mai Design Awards (CDA) ปี 2018 รางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น เหรียญเงิน ปี 2563 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ทั้งยังเป็น 1 ใน 400 โรงแรมของ The Leading Hotels of the World ที่มีคอลเลกชั่นโรงแรมระดับลักซ์ชัวรีในกว่า 80 ประเทศอีกด้วย
ติดตามบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากเหล่าเซเลบริตี้ Young Achievers ได้ใน
นิตยสาร HELLO! ‘ฉบับเดือนตุลาคม 2564′ วางแผงแล้ววันนี้
? ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678
? สั่งซื้อออนไลน์ที่
shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth