วิวาห์หวานทายาทดุสิตธานี ‘ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ’ และ ‘ศิรเดช โทณวณิก’

ห้องนภาลัยบอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ดูคับแคบขึ้นถนัดตาเมื่อมีโอกาสได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอีกครั้ง และครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหนๆเพราะเป็นงานฉลองมงคลสมรสระหว่าง ‘คุณจอย-ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ’ หนึ่งในหุ้นส่วน “TRIBE” Boutique Indoor Cycling Studio (สตูดิโอสำหรับคนรักการปั่นจักรยานรูปแบบใหม่) ลูกสาวคนเก่งของ‘คุณพ่อทยุติ และคุณแม่ณฐินี ศรียุกต์สิริ’ กับ ‘คุณแชมป์-ศิรเดช โทณวณิก’ ลูกชายคนโตของ‘คุณพ่อชนินทธ์และคุณแม่วิภาดา โทณวณิก’เจ้าของอาณาจักรดุสิตธานีแห่งนี้ วิวาห์หวานทายาทดุสิตธานี

_{ชนินทธ์-วิภาดา โทณวณิก,นพ.เฉก-พญ.วิลิศ ธนะสิริ,อาสา–ท่านผู้หญิงสุจิต,สารสิน และณฐินี–ทยุติ ศรียุกต์สิริ ร่วมเป็นสักขีพยานรัก}

บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของความรักและมวลหมู่ดอกไม้ที่จัดประดับตกแต่งโทนสีเขียวสลับขาวงดงามดั่งเทพนิยายและในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญแจกันดอกไม้และของขวัญพระราชทานมามอบให้แก่คู่บ่าวสาว พร้อมด้วยแจกันดอกไม้ประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ

_{ศาสตราจารย์กิตติคุณ เติมศักดิ์ กฤษณามระ ให้เกียรติเจิมหน้าแก่คู่บ่าวสาว}

นอกจากนี้ สมเด็จพระอัยยิกาเกซัง โชเดน วังชุก ในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกแห่งราชอาณาจักรภูฎาน ก็ได้พระราชทานน้ำผึ้งจากภูฎานแก่คู่บ่าวสาวซึ่งทางเจ้าภาพได้นำมาแบ่งใส่ขวดเป็นของชำร่วยแทนคำขอบคุณแขกเหรื่อที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว รวมถึงแจกันดอกไม้จากพระราชวงศ์แห่งราชอาณาจักรภูฎาน สมเด็จพระปิตุจฉาเปมา ลาดน วังชุก และสมเด็จพระปิตุจฉาเกซัง วังโม วังชุก ในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏานที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯผู้แทนพระองค์อัญเชิญมามอบให้ด้วยเช่นกันนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่บ่าวสาวและทั้งสองครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้

_{อานันท์ ปันยารชุน}

พิธีการเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่อบอุ่นโดยได้รับเกียรติจาก คุณตาอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกล่าวอวยพรแก่หลานๆท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติในแวดวงสังคมทั้งไทยและต่างประเทศที่มาร่วมเป็นสักขีพยานรัก ซึ่งคุณตาอานันท์ บอกกับหลานๆ ว่า “วันนี้เป็นอีกหนึ่งที่มีแต่ความปลาบปลื้ม ทั้งสองครอบครัวรู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ทวด และเจ้าบ่าวเจ้าสาวเองก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ สองครอบครัวจึงมีความสนิทสนมกลมเกลียวกันมานาน แม้ว่าการแต่งงานจะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความรัก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ตาขอให้หลานทั้งสองใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขตลอดไป”

จากนั้นคู่บ่าวสาวก็เกี่ยวก้อยกันไปตัดเค้กแต่งงานอย่างชื่นมื่น ก่อนที่บรรดาแขกผู้ใหญ่จะปล่อยให้เด็กๆ วัยรุ่นสนุกกันต่อกับอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่รวมเพื่อนฝูงคนสนิทของทั้งสองฝ่ายเรียกได้ว่าเป็นงานฉลองวิวาห์ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นจริงๆ