ความรักที่ฟ้าลิขิตของ ‘ชญาฎา ยุทธมานพ & พลศักดิ์ อยู่วิทยา’

ว่ากันว่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมลงตัว ชะตาชีวิตที่เบื้องบนลิขิตไว้จะนำพาคนสองคนให้โคจรมาพบกัน เฉกเช่นบ่าวสาวคู่นี้ที่แม้จะอยู่ไกลกันคนละขอบฟ้า แต่จังหวะชีวิตก็ทำให้หนุ่มดีกรีนักเรียนเก่าอังกฤษกับกูรูสาวผู้รอบรู้ด้านไวน์จากออสเตรเลียได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ในฐานะสมาชิกทัวร์ยุโรปทริปเดียวกัน ‘ชญาฎา ยุทธมานพ & พลศักดิ์ อยู่วิทยา’

‘คุณพีท-พลศักดิ์ อยู่วิทยา’ เป็นบุตรชายคนที่ 2 ในบรรดาบุตรธิดาทั้ง 4 คนของคุณศักดิ์ชายและคุณเพ็ญทูล อยู่วิทยา นักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนเจ้าของตำนานเครื่องดื่มชูกำลังดังระดับโลกอย่าง “กระทิงแดง” นามสกุลดังที่เคยติดการจัดอันดับจากฟอร์บส์ และความบังเอิญที่ทั้งคู่ได้เจอกันยังไม่น่าประหลาดใจเท่ากับการที่ผู้ชายมาดนิ่งพูดน้อยอย่างคุณพีท พลศักดิ์เอ่ยปากชวนสาวแปลกหน้าอย่าง ‘คุณน้ำฝน-ชญาฎา ยุทธมานพ’ คุยทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

“ทริปนั้นฝนภูมิแพ้กำเริบค่ะ ต้องถือทิชชูติดตัวตลอดเวลา พีทเขาเห็นกล่องทิชชู่ของการบินไทยเลยแซวฝนว่า ‘ขโมยมาเหรอ’” คุณฝนซึ่งคุ้นหน้าคุณพีทว่าเป็นเพื่อนร่วมทริปกันจึงยินดีพูดคุยด้วยแม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ความที่ ณ ขณะนั้นต่างฝ่ายต่างยังไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษให้กันมากไปกว่าแค่เพื่อนร่วมทริป เมื่อคุณพีทขอแอดเฟซบุ๊ก คุณฝนก็ให้ด้วยความเต็มใจ

_{ฐิติกุล – วิรชา – ศักดิ์ชาย – เพ็ญทูล อยู่วิทยา, ระวิพรรณ ยุทธมานพ, กอบกาญจน์ ผลพันธิน และน้ำมนต์ ยุทธมานพ}

จบทริปนั้น ทั้งคู่กลับมาจริงจังกับหน้าที่การงานของตัวเองที่กรุงเทพฯ แต่ต่อให้งานยุ่งแค่ไหน คุณพีทก็ไม่ลืมสานต่อสายสัมพันธ์ครั้งนี้ “ผมเริ่มส่งข้อความหาฝนทางเฟซบุ๊ก แล้วก็ค่อยขอพินบีบี จากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ” คุณพีทกล่าวสรุปการจีบคุณฝนจบในสามประโยคตามประสาคนพูดน้อย จึงต้องขอให้ช่วยขยายความเพิ่มเติมสักหน่อย “คุยไปคุยมาว่าชอบทำอะไรก็เลยรู้ว่าไลฟ์สไตล์เราเหมือนกันมาก ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบหาอาหารอร่อยๆ ที่สำคัญเราเป็นคนง่ายๆ สบายๆ” เจ้าตัวยอมรับว่าใช้เวลาศึกษาอุปนิสัยใจคอคุณฝนอยู่นานจนมั่นใจว่าเข้ากันได้ดีถึงได้ตัดสินใจขอเลื่อนสถานะเพื่อคบหาดูใจกัน

_{พล.ต.ท. บริหาร เสี่ยงอารมณ์ ยิ้มร่าพาหลานชายฝ่าด่านกั้นประตู}

_{คุณแม่เจ้าบ่าวร่วมนับสินสอดกับเถ้าแก่ฝ่ายชาย คือคุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล – สนั่น อังอุบลกุล
และเถ้าแก่ฝ่ายหญิง พล.อ. นพคุณ ขันธะทิม}

“พีทเป็นผู้ชายที่จริงใจ ซื่อสัตย์ และไม่เจ้าชู้ ตั้งแต่คบกันไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงให้ฝนไม่สบายใจเลย ที่สำคัญพีทเป็นคนขยันทำงาน ความเสมอต้นเสมอปลายของเขา ทำให้ฝนเห็นว่าเมื่อวานเขาก็เป็นยังไง วันนี้ก็เป็นอย่างนั้น เลยมั่นใจว่าพรุ่งนี้เขาก็จะเป็นเหมือนที่เคยเป็นมา ครั้งหนึ่งฝนเคยตกม้าแล้วแขนหักถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน คุณหมอเข้ามาอธิบายขั้นตอนการรักษาที่ต้องฉีดยาชาเข้าสันหลังซึ่งค่อนข้างเจ็บมาก ฝนได้ฟังก็ยิ่งตกใจเพราะไม่เคยเกิดอุบััติเหตุรุนแรงขนาดนี้กับตัวเองมาก่อน หันไปหาพีท เขาน้ำตาไหลไปแล้ว เลยรู้ว่าถ้าเจ็บแทนได้คงทำไปแล้ว ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้าน พีทก็คอยดูแล ทำให้รู้ว่าเขารักและเป็นห่วงฝนมาก”

การคบหากันสถานะแฟนค่อนข้างราบรื่นด้วยดีตลอดมา ทั้งสองมีเคล็ดลับในการทะนุถนอมดูแลความรักกันอย่างไร ทำให้ ‘รักเราไม่เคยเก่าเลย’

_{‘ปิยะ ภิรมย์ภักดี’ เจ้านายคน แรกของคุณฝนมารดน้ำให้พรมงคล}

“เป็นแฟนกันเราก็ยังปฏิบัติต่อกันเหมือนเดิม แต่เราตั้งใจเรียนรู้กันมากขึ้น แต่ไม่ได้มีอะไรพิเศษหวือหวากว่าที่เคยเป็นมา เพราะฝนไม่ชอบให้ทำเซอร์ไพรส์ครับ” ไม่เพียงเท่านั้น คุณฝนยังเป็นฝ่ายที่สั่งห้ามคุณพีทซื้อดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์เด็ดขาด เพราะไม่อยากให้ต้องจ่ายเงินแพงๆ ให้กับดอกไม้ในช่วงเทศกาล เธอบอกว่า “จะวันเกิด วันครบรอบ คริสต์มาส ปีใหม่ วาเลนไทน์ ฝนไม่เคยอยากได้ของขวัญจากพีท เพราะสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้ฝนทุกๆ วันก็มากอยู่แล้ว ข้าวของอย่างอื่นก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิตฝนเท่ากับความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้”

_{‘นงลักษณ์ ชัยวัฒนไชย’ กับ ‘วิชัย จุฑาวรากุล’ ร่วมรดน้ำอวยพรบ่าวสาว}

ในที่สุดก็ถึงวันที่คนรอบข้างทั้งคู่เฝ้ารอคอยมาหลายปี นั่นคือกำหนดการงานวิวาห์ “ผมพูดกับฝนว่า ‘เราคบกันมานานแล้วแต่งงานเลยไหม‘” แม้จะเป็นคำชวนแต่งงานที่เรียบง่ายตามสไตล์หนุ่มพูดน้อยอย่างคุณพีท แต่ทุกคำก็มีความหมายชัดเจน จากนั้นคุณพีทก็ไปเรียนให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทราบ ซึ่งทั้งสองครอบครัวก็ยินดีและไม่ขัดข้อง เพราะตลอดการคบหาดูใจกันอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ตลอด

“แต่พีทก็มีเซอร์ไพรส์ให้ฝนนะคะ” เสียงคุณฝนดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มและแววตาที่เปี่ยมด้วยความสุขเมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์นั้น “พีทอยากให้ฝนมีโมเมนต์ประทับใจในความทรงจำถึงความรักของเรา เขาลงทุนนัดแนะกับช่างภาพตอนที่เราไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันที่ปารีส ตอนนั้นเราถ่ายรูปกันอยู่หน้าหอไอเฟล จู่ๆ พีทก็คุกเข่าลงขอฝนแต่งงาน ความรู้สึกฝนตอนนั้นเหรอคะ ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ ทั้งเขิน แล้วก็ช็อกนิ่งไปเลยค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมากกกกค่ะ”

การเตรียมงานแต่งงานของคู่นี้แม้จะมีเวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ส่วนหนึ่งเพราะคุณพีทให้สิทธิ์ขาดคุณฝนเต็มที่ “ผมตามใจฝนเลยครับเพราะเขามีหัวทางด้านศิลปะ” คุณพีทพูดพลางหันไปยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากให้ศรีภรรยา “ผมอยากให้ฝนได้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะความสุขของฝนก็คือความสุขของผมด้วยเช่นกันครับ” พูดอย่างนี้คุณฝนก็ยิ้มหน้าบานเลย

สุดท้ายเมื่อถามถึงนิยามรักของทั้งคู่ คุณฝนขอตอบก่อนว่า “ในระยะยาวเมื่อความสัมพันธ์ฉันแฟนหมดไป เราอยู่ด้วยกันเป็นคู่ชีวิตกัน ฝนว่าความเป็นเพื่อนสำคัญที่สุด เพราะในวันที่ความรักแบบหนุ่มสาวจืดจางไป เราต้องเป็นเพื่อนและอยู่ทีมเดียวกันให้ได้ เพราะเมื่อเรารักและสามัคคีกัน ไม่ว่าอะไรที่เข้ามากระทบชีวิตเรา เราก็จะกุมมือกันก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปด้วยกันได้ ฝนรู้สึกว่าคู่ชีวิตก็เหมือนการเล่นเทนนิส เราต้องอยู่ฝั่งเดียวกัน คอยช่วยกันรับส่งลูกเทนนิสที่อีกฝ่ายตีส่งมา”

ถึงคราวพระเอกของเราแสดงความเห็นบ้าง เขาตอบเพียงว่า “นิยามรักของผมคือการช่วยเหลือกันและกัน สนับสนุนและไว้ใจกัน ฝนเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดในชีวิตผม เรารู้จักกันและกันดีมาก ผมมั่นใจว่าถ้าได้ใช้ชีวิตคู่กับฝน ผมจะมีความสุขมาก และรู้สึกว่าเราเป็นทีมเวิร์คที่ดีที่พร้อมเผชิญทุกปัญหาร่วมกันตลอดไป”

ความรักของคุณฝนกับคุณพีทเลยช่วยยืนยันคำกล่าวที่ว่า When Love is Right

เมื่อรักมันใช่ทุกอย่างก็ราบรื่นอย่างนี้นี่เอง

_{………………………………………………………..}

_{Cr. Photos : Narakorn Photography,Rujd Image,Wirun Kultan Photography}