เธอ – เป็นข้าราชการหญิงที่เนี้ยบกริบทุกกระเบียดนิ้วแต่แอบเจียดพื้นที่ให้สไตล์ร็อกนอกเวลางาน ส่วนเขา – เป็นผู้บริหารหนุ่มที่ทุกอณูแผ่ความเป็น British Classic ที่ชอบใช้ชีวิตผจญภัยท่ามกลางขุนเขาและผืนป่า
เธอและเขาปลูกต้นรักก่อนที่โลกจะรู้จักไวรัสโคโรนา ความรักของทั้งสองสุกปลั่งเป็นพิธีแต่งงานท่ามกลางสถานการณ์โควิด หากแต่ Love Conquers All ‘คุณอร-อรกันยา เตชะไพบูลย์’ และ ‘คุณโน้ต-ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์’ จึงคิดใหม่ ทำใหม่กลายเป็นพิธีแต่งงาน New Normal ที่อบอวลด้วยรักเช่นเดิม แต่รวมรวบคนใกล้ชิดไว้ได้ยิ่งกว่า และมีทุกสิ่งที่มีความหมายสำหรับเขาและเธอ

สัมภาษณ์งานใน Blind Date
คล้อยหลังกลับจาก ‘มินิมูน’ ที่เกาะกูดได้ไม่ถึงสัปดาห์ บ่าวสาวป้ายแดงเจิดจ้าก็มานั่งให้สัมภาษณ์ออนไลน์สไตล์ New Normal กับ HELLO! เป็นที่แรกและที่เดียว แม้จะมีจอบางกางกั้น แต่เราก็ทันได้เห็นความรักที่แผ่ทะลุจอให้เราได้อิจฉา ก่อนที่ทั้งคุณโน้ตและคุณอรจะปักหมุดเล่าเรื่องราวของคู่รัก New Normal ให้ฟังว่า
“น้องสาวของพี่โน้ต (คุณนุ่น-ณิชยา เอครพานิช (ธรรมาวรานุคุปต์)) ซึ่งสนิทกับพี่ที่ทำงานของอรเป็นคนนัดพวกเรากินข้าวค่ะ” ‘พวกเรา’ ในที่นี้ที่คุณอรกล่าวถึงมิใช่คุณโน้ตและคุณอร 2 คน แต่เป็นพวกเรา 4 คนรวมแม่สื่อจำเป็นด้วยนั่นเอง ก่อนที่คุณโน้ตจะพูดประโยคต่อมาที่ทำลายความเชื่อที่ว่า ผู้ชายจำวันสำคัญในความสัมพันธ์ไม่ได้ว่า “ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันศุกร์ที่ 19 เมษายน ปี 2019 วันนั้นเราเจอกันที่โรงแรม The Radisson Blu Plaza Bangkok ที่ Attico ห้องอาหารอิตาเลียนซึ่งอยู่ข้างบน ผมมาถึงก่อนเลยนั่งรออยู่ด้านนอก อรมากับพี่หมุย (คุณกาญจนา ตั้งปกรณ์) พี่ที่แนะนำ กับน้องนุ่น น้องสาวแท้ ๆ ของผมครับ” คุณโน้ตใส่รายละเอียดมาอย่างเข้มข้นจนเห็นภาพตาม

ทว่าภาพที่ว่านั้นมิได้เป็นภาพหนุ่มสาวแรกรู้จักที่ขวยอาย หากเป็นภาพที่คุณอรบรรยายความรู้สึกว่า “รู้สึกเหมือนถูกสัมภาษณ์งานหรือสัมภาษณ์เข้าเรียนเลยค่ะ (หัวเราะ) พี่โน้ตถามคำถามจริงจังกับชีวิต ทำไมถึงรับราชการ มีเป้าหมายชีวิตยังไง” คุณอรที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนวางแผนการคลังและงบประมาณ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และช่วยราชการสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังกล่าว ซึ่งเมื่อดูตำแหน่งแล้วจะสงสัยว่ากรรมการผู้จัดการ บริษัทพีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส (PMT The Hour Glass) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องประดับและนาฬิกาลักซ์ชัวรuกว่า 40 แบรนด์ทั้งในเมืองไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างคุณโน้ตพุ่งประเด็นคำถามสุดจริงจังไปได้อย่างไร
“แต่คำถามของพี่โน้ตก็ทำให้อรเข้าใจเขามากขึ้นนะคะ เพราะคำถามก็คือสิ่งที่คนถามสนใจ เราได้รู้จักเขาในฐานะคนตอบด้วยซ้ำ ซึ่งอรไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนค่ะ หลังจากนั้นพอเขามาชวนว่าเจอกันอีกไหม เราเลยรู้สึกว่าคนคนนี้มีอะไรน่าสนใจ ยังแซวเขาว่าที่ชวนไปเจอรอบต่อมาน่ะจะสัมภาษณ์รอบสองหรือคะ อรผ่านสัมภาษณ์รอบแรกหรือว่ายังไง” ผู้สัมภาษณ์เดตอย่างคุณโน้ตได้ฟังภรรยาแซวเข้าก็เปลี่ยนเรื่องแก้เขินทันควัน “หลังจากนั้นก็นัดกินข้าวกัน ผมไปรับอรครั้งแรกที่ที่ทำงานของอรคือที่กระทรวงการคลัง First Date ของเราคือ Riva Arun ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา” คุณโน้ตตอกย้ำความแม่นยำในการจำเหตุการณ์สำคัญในความสัมพันธ์อีกครั้ง

ทั้งสองยังเหมือนกันอีกหลายประการ ตั้งแต่เมนูที่ชอบ สไตล์การท่องเที่ยว จนไปถึงนิสัยชอบแพลนทุกอย่างล่วงหน้า ซึ่งไม่ว่าจะเรียกว่าเคมี ความเข้าใจโลกหรือว่าพรหมลิขิต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับความรักในวัยผู้ใหญ่ทำให้ทั้งคู่แสดงตัวตนอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ง่ายขึ้นและราบรื่นมาก “ด้วยอายุก็เกี่ยวนะคะ” คุณอรตั้งสมมุติฐาน “เป็นช่วงอายุที่เรารู้จักตัวเองแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร พอจะรู้ว่าคนแบบไหนที่เราอยู่ด้วยได้แล้วน่าจะมีความสุขและเป็นตัวของตัวเองได้” คุณโน้ตฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นพ้อง “ผมจะบอกอรอยู่เสมอว่าอะไรที่เราชอบ ไม่ชอบ อะไรที่เป็นตัวของเรา เช่น ผมเป็นคนที่มีความเป็น Family สูง ด้วยความที่คุณพ่อเสียไปตั้งแต่ผมอายุ 20 ต้น ๆ ผมเลยจะผูกพันกับครอบครัวมาก ทั้งกับคุณแม่ พี่สาวและน้องสาว ทุกคนจะรู้ว่าในชีวิตผมสิ่งสำคัญที่สุดคือครอบครัว อรก็เช่นเดียวกัน อรเป็นลูกคนเดียวและเป็นดวงใจของคุณแม่
“อีกเรื่องก็คือเพื่อน ๆ ของเราสองคนเข้าใจตัวตนของเรามากครับ เขาเข้าใจว่า ณ วันนั้น เราอยากได้คนที่จะมาเป็นแฟนและจะเป็นคนลักษณะไหน อรยังเป็นคนที่เพื่อน ๆ ผมมองว่าเป็นคนที่ Trust ได้ เป็นคนพูดอย่างไรก็ทำตามคำพูดนั้นอยู่เสมอ เป็นคนที่ทุกคนเห็นแล้วรู้สึก Sincere ไม่ได้รู้สึกว่าเจอกันแล้วจะต้องมีพิธีรีตองน่ะครับ เราคุยหลายๆ เรื่องเหมือนกัน ถ้าจะทะเลาะกันจะเป็นเรื่องข่าว เศรษฐกิจ นโนบายภาครัฐ รู้สึกคลิกว่านอกจะมีความสวยและความน่ารักแล้ว (คุณอรเขิน) อรยังมีความฉลาด เขาคุยกับเราได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องงานกระทั่งเรื่องที่โซเชียลคุยกันอยู่ เวลาเราอยู่กับคนคนนี้แล้ว เรารู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากครับ”

New Normal Wedding
ฝ่ายหญิงเกิดวันที่ 14 เธอและเขาเจอกันครั้งแรกวันที่ 19 ทั้งสองได้ฤกษ์แต่งงานวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา “คุณแม่พี่โน้ตไปดูฤกษ์ให้ค่ะ ตอนนั้นเรามองว่าถึงวันงาน สถานการณ์โควิดน่าจะคลายแล้ว เราสองคนดูสถานที่และแพลนธีมงานไว้หมด คิดไว้ว่าจะมีงานเช้า ส่วนวันฉลองเป็นซิตดาวน์ดินเนอร์อีกวันหนึ่ง” คุณอรเล่าก่อนถึงสิ่งที่คาดหวัง ตามด้วยคุณโน้ตซึ่งเฉลยสิ่งที่เกิดขึ้นจริง “พอดูสถานการณ์แล้ว โควิดแย่ลง จนเดือนกรกฎาคมจึงตัดสินใจว่าเราจะเอาแรงบันดาลใจและคอนเซปต์ของงานที่จะจัดในโรงแรมมาจัดที่บ้านแทนตามฤกษ์เดิม ผมย้ายเข้าบ้านใหม่พอดี ถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่ได้เชิญญาติทั้งสองฝั่งมาร่วมงานแต่งงานและฉลองขึ้นบ้านใหม่ไปด้วยในตัวครับ”

พิธีแต่งงานแบบ New Normal จึงเกิดขึ้นดังที่ทั้งสองเล่าว่าต้องคิดใหม่ ทำใหม่อย่างไรบ้าง “เราต้องจัดงานในลักษณะเล็ก ๆ ได้อยู่ท่ามกลางคนที่มีความหมายสำหรับเรามากที่สุด โดยที่เราทำตามมาตรการโควิดทุกอย่างค่ะ ซึ่งช่วงกันยายนมาตรการโควิดให้จัดงานรวมกลุ่มได้ 25 คน จากเดิมที่จะจัดงาน 2 วันก็รวบมาจัดวันเดียวแต่ยังทำพิธีต่าง ๆ ครบถ้วน ช่วงเช้าเรามีพิธีแห่ขันหมากตามธรรมเนียมแต่กั้นแค่ 2 ประตู มีพิธีมอบสินสอด รับตัวเจ้าสาว สวมแหวน ยกน้ำชา จนกระทั่งรดน้ำสังข์ แต่เราไม่มีงานเลี้ยงฉลองช่วงเย็นค่ะ”

ทั้งคู่ชอบทุกอย่างที่เป็นงานสั่งทำเฉพาะบุคคลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่อาหาร ดอกไม้ การ์ด จนถึงของชำร่วย จึงเป็นสิ่งที่ทำขึ้นเพื่องานแต่งงานของทั้งสองโดยเฉพาะ “พอเราลิมิตแขกไว้ที่ 25 คนในงานเช้า เราเลย Personalize ทุกอย่างได้ครับ” คุณโน้ตเล่า “อย่าง Breakfast ก็จะมีครัวซองต์และขนมต่างๆ มาเป็น Individual Box สำหรับแขกแต่ละคน กาแฟเราก็ Customize ให้ทุกคนสั่งล่วงหน้าอย่างที่อยากดื่ม ส่วนอาหารกลางวันก็ได้เชฟ Dominique (Dominique Bugnand, Executive Chef แห่ง Mandarin Oriental Hotel) คิดเมนูพิเศษให้เราด้วยครับ อาหารทุกอย่างเหมือนที่จัดเลี้ยงในโรงแรม แต่เราเอาทุกอย่างใส่กล่องให้แขกนำกลับไปกินที่บ้านได้ เรายังจัดพื้นที่เอาต์ดอร์ให้ทั้งระเบียงและในสวน ดีเทลทุกอย่างประหนึ่งว่าจัดในห้องบอลรูมที่โรงแรม แต่ว่าเป็นแบบ New Normal ที่จัดในบ้านเราเองครับ”

ไฮไลต์ที่สะกดแขกทั้ง 25 คนบวกเจ้าบ่าวให้ตาค้างเห็นจะเป็นคุณอรที่ปรากฏกายอย่างงามสง่าในชุดเจ้าสาวจาก SIRIVANNAVARI BANGKOK “คุณแม่ของอรมีส่วนร่วมด้วยท่านอยากให้ลูกสาวใส่ชุดที่มีลูกไม้ให้มีความคลาสสิก ตัวชุดซึ่งมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ทำจากผ้าไหม Silk Moiré Taffeta ที่ใช้กันในยุโรปสมัยก่อน ตกแต่งด้วยผ้าออร์แกนซ่าพิมพ์ลายและปักดีเทลที่มีความหมายสำหรับเรา เช่น นกหงันซึ่งคุณพ่อ (คุณอุเทน เตชะไพบูลย์) เลือกให้เป็นนกประจำตระกูล ตัว B ที่มาจาก Blue River บริษัทที่คุณพ่อพี่โน้ตก่อตั้งขึ้น รูปแอปเปิ้ลเพราะคุณแม่ (คุณนงค์นาถ เตชะไพบูลย์) ชื่อเล่นชื่อแอปเปิ้ลค่ะ” คุณโน้ตยังชี้โลโก้บ่าวสาวที่แฝงความหมายสำคัญที่สุดเอาไว้ “อรใช้ชื่อ ONTE (อรเต) คืออร เตชะไพบูลย์มานานมากแล้ว ส่วนชื่อผมก็สะกดว่า NOTE ชื่อของเราสองคนจึงใช้ตัวอักษรชุดเดียวกัน 4 ตัวครับ”

คุณโน้ตที่กลายเป็นผู้ชายคนเดียวของทั้งสองครอบครัวที่มีแต่ผู้หญิง ยังได้มอบคำมั่นให้กับคุณอรและมารดาว่า
“ผมสัญญากับอรและคุณแม่ว่า ถึงแม้ผมจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าชีวิตเราสองคนจะราบรื่นและไม่ประสบอุปสรรคใดในอนาคต เพราะอนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่สิ่งที่ผมขอยืนยันก็คือผมจะดูแลอรไปตลอด เราจะจับมือกันฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน เราจะพยายามใช้ความรักและความเข้าใจกันในการดำเนินชีวิตเหมือนกับที่ผู้ใหญ่ทุกท่านได้ให้คำแนะนำมาครับ”
คุณอรที่แม้เคยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้มาแล้ว เมื่อได้ฟังอีกครั้งก็ยังอดซึ้งใจไม่ได้
“ตลอด 10 – 20 ปีที่ผ่านมา ผมดูแลผู้หญิงทั้งบ้านมาโดยตลอด การมีอรเพิ่มมาอีกคนก็เป็นสเต็ปต่อไปที่เป็นธรรมชาติมากสำหรับผม ก็หวังว่าอรจะรู้สึกแบบเดียวกัน (หันไปสบตาคนข้าง ๆ) จนถึงทุกวันนี้เรายังได้มีโอกาสกลับมาคิดและรู้สึกมีความสุขในทุกช่วงเวลาของวันแต่งงานของเราครับ”
แค่ส่วนหนึ่งของเรื่องราวความรักระหว่างทั้งคู่ยังเต็มไปด้วยความสนุกสนานและกินใจขนาดนี้ ใครอยากติดตามเรื่องราวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการวางแผนขอแต่งงานของคุณโน๊ตที่ระดมใส่เซอร์ไพรส์รัว ๆ ทุกนาที เรียกว่าวางแผนแบบ ‘แผนซ้อนแผน’ รวมไปถึงชีวิตหลังแต่งงานของคุณโน้ตและคุณอร สามารถอ่านสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่นิตยสาร HELLO! ‘ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2564′ วางแผงแล้ววันนี้ สั่งซื้อออนไลน์ที่ shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth