ลานกว้างริมชายหาดที่โรงแรมเมอเวนพิค สยาม โฮเต็ล พัทยา ที่คุณเอ็มปลุกปั้นมาแต่แรกเริ่ม กลายเป็นลานแห่งความรักในพิธีแลกแหวนระหว่างผู้บริหารสาวของโรงแรมและนักเดินทางหนุ่มชาวเบลเยียมในธีม Sustainable Wedding ไอเดียสุดกรีนของเจ้าสาวในเดรสสีแชมเปญประดับคริสตัลของ Reem Acra -อเล็กซานเดอร์ ลอเรนท์ แกร์ร่า-ประธานพร พรประภา
นักเดินทางจากสองมุมโลก มาบรรจบพบกันที่กรุงเทพฯ คุณเอ็ม ประธานพร พรประภา แห่งดีไซน์โฮเต็ลแบรนด์เก๋สยามแอ็ทสยาม และคุณอเล็กซ์ อเล็กซานเดอร์ ลอเรนท์ แกร์ร่า ชีฟแบรนด์ออฟฟิศเซอร์หนุ่มแห่งบริษัทท่องเที่ยวบีสโป๊กสุดหรู Exsus สองหนุ่มสาวได้จับมือกันผจญภัยในทริปใหม่ การเดินทางแห่งชีวิตที่พร้อมจะร่วมทางกันไปตลอด
“ผมเกิดที่เบลเยียม คุณแม่เป็นชาวชิลีและคุณพ่อเป็นชาวเบลเยียม ตั้งแต่ผมยังเล็กมากๆ ครอบครัวเราย้ายไปอยู่ซาอุดีอาระเบียตามงานของคุณพ่อครับ พอผมอายุได้10ขวบ คุณพ่อก็บอกว่า เราจะย้ายไปอยู่เมืองไทยกัน” กลายเป็นว่าการย้ายมาครั้งนั้น ทำให้เขาอยู่เมืองไทยนานถึง 7 ปีและได้พบกับหญิงสาวซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนในวัย 17 ปี
สองหนุ่มสาวเลือกเส้นทางหลังจบไฮสคูลในกรุงเทพฯต่างกัน คุณเอ็มเลือกเรียนต่อในสถาบันด้านการโรงแรมที่ Glion Institute of Higher Education สวิตเซอร์แลนด์ ส่วนคุณอเล็กซ์เดินทางไปชิลีเพื่อเรียนภาษาสเปนเพิ่ม หลังจากทั้งคู่เรียนจบ ก็ได้กลับมาเจอกันที่ไทยอีกครั้ง ถ้าไม่เรียกว่าบุพเพสันนิวาส ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร และครั้งนี้เหมือนสถานะจะแน่นแฟ้นขึ้นกว่าเดิมด้วยสิ
“อยู่มาวันหนึ่งอเล็กซ์ส่งข้อความมาในเฟสบุ๊กว่าเขากลับมาเมืองไทยแล้วนะ อยากมาเจอกันไหม” คุณเอ็มเล่าถึงลมหวนครั้งใหม่ “เอ็มว่ากลับมาเจอกันครั้งนี้เรามีสปาร์กกันนิดๆ นะคะ เพราะเราต่างก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากจากตอนเด็กๆ เราต่างก็เติบโตขึ้น แล้วอเล็กซ์ก็เปลี่ยนไปเยอะอย่างน่าทึ่งมาก เราคุยกันถูกคอเรื่องที่ตอนเด็กๆ เราไม่คุยกัน เป็นเรื่องความคิดอ่านที่ลึกซึ้งมากขึ้น สิ่งที่อยากทำในชีวิต ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หาไม่ได้ง่ายๆ ที่จะเจอใครที่มีความสนใจเหมือนกัน แล้วก็นั่งคุยกันได้เป็นชั่วโมงๆ โดยไม่เบื่อ เราคุยกันแบบเพื่อนไปเรื่อยๆแล้วก็ เอ๊ะ นี่เราเป็นแฟนกันหรือเปล่าเนี่ย (หัวเราะ)”
“ผมไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ปีนึงก็แล้ว สองปีก็แล้ว และอะไรๆ ในชีวิตเราสองคนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ยอดเยี่ยมมากและผมอยากให้เราเป็นกันอย่างนี้ตลอดไป”
ทั้งคู่เป็นบัดดี้ในการเดินทางเกือบ 5 ปี หลังจากนั้นคุณอเล็กซ์จึง ไปเอ่ยขอสาวแต่งงานตรงๆ กับว่าที่คุณพ่อตา (คุณพรพินิจ พรประภา) คุณอเล็กซ์ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมขอแต่งงานแบบเข้าตามตรอกออกตามประตูมากครับ (ยิ้มอายๆ) ผมขอให้เอ็มช่วยนัดคุณพ่อให้ที่ห้องทำงานโรงแรมสยามแอ็ทสยามนี่แหละครับ ผมเล่าว่าเราเจอกันได้อย่างไร ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปอย่างไร นั่นล่ะครับ วิธีที่ผมขอเอ็มแต่งงาน” คุณอเล็กซ์ได้พูดต่อไปอีกว่า “ผมเองไม่ใช่คนที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรพิเศษ แต่ผมทำสิ่งเล็กๆน้อยๆ ให้เขาตลอด ใส่ใจเขา แคร์เขา ผมคิดว่าแค่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันก็เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากที่สุดแล้วสำหรับเราสองคน ไม่ว่าเราจะนั่งคุยกันที่เปรูกรุงเทพฯ หรือโทร.หากันตอนรถติด แค่ได้ยินเสียงได้คุยกัน ได้หัวเราะให้กัน” ….นี่หรือเรียกไม่หวานคะคุณอเล็กซ์
เช้าวันที่ 4กุมภาพันธ์ ในห้องออร์เธอรส์เลาจน์ โรงแรมโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ สถานที่จัดงานยกน้ำชาและพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ดำเนินไปตามคอนเซปต์ของบ่าวสาวที่บอกแต่ต้นว่า “เอ็มอยากได้งานแต่งงานที่เดินไปทางไหนแล้วไม่เกร็ง วันแต่งงานควรจะเป็นวันที่เราสองคนเอนจอยมากที่สุด ขอมีแค่ผู้คนที่สนิทๆ อยู่รอบตัวเราก็พอ” จากนั้นแขกเหรื่อเคลื่อนไปยังห้องรอยัลบอลรูมที่บ่าวสาวเนรมิตงานซิตดาวน์บรันช์งดงามแปลกตาด้วยทุกโต๊ะประดับประดาดอกไม้ป่ารูปทรงมีเอกลักษณ์ อย่างดอกกระบองเพชรหรือดอกหญ้าที่ดูละม้ายขนนกแซมใบไม้เขียวสด ทำให้ห้องจัดเลี้ยงหรูดูร่มรื่นและเป็นกันเองอย่างที่ไม่เคยพบเห็นในงานแต่งงานไหน
ปาร์ตี้ยามบ่ายที่กรุงเทพฯ ยังสานต่อไปถึงยามเย็นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่เมอเวนพิคสยาม โฮเต็ล พัทยา ในพิธีแลกแหวนริมทะเลสุดแสนโรแมนติกในคอนเซปต์ Sustainable Wedding ภายในพิธีคุณพรพินิจควงแขนลูกสาวคนเดียวในชุดเดรสยาวสีแชมเปญของ Reem Acra เข้ามาส่งมือเธอให้เจ้าบ่าว ทั้งสองสบตากันอย่างซึ้งในความรักที่มีต่อกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำสาบานใดๆ เพียงแลกกันสวมแหวนแทนใจให้กันเท่านั้น “เอ็มสวมแหวนให้อเล็กซ์ผิดมือค่ะ” เจ้าสาวป้ายแดงยอมรับผิดในภายหลัง “เอ็มทั้งตื้นตันทั้งตื่นเต้นตั้งแต่มองเห็นหน้าอเล็กซ์แล้ว ยิ่งเดินมากับคุณพ่อแล้วเห็นเขาชัดขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่านี่คือความจริงแล้วสินะ”
“เพื่อนบอกว่าเราจะรักกันมากขึ้นหลังแต่งงาน แต่เอ็มว่าไม่หรอก เพราะเอ็มรักเขามากอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเป็นจริงดังคำเพื่อนพูด (ยิ้ม) สิ่งที่เอ็มประทับใจเขาแต่แรกคือ เขาเคยบอกว่าถ้าเราแต่งงานกันแล้ว แม่เธอแก่ตัวไป ให้แม่มาอยู่กับเราไหม เขาเป็นคนเดียวที่เอ็มเคยคิดว่าถ้าแต่งงานแล้วมีลูกด้วยกัน เขาจะดูแลครอบครัวได้ เอ็มโชคดีมากที่มีเขา และชีวิตหลังแต่งงานนับจากนี้จะเป็น new adventure ที่เราสองคนรอคอยจะเดินทางไปด้วยกันค่ะ”
….หลังจากนี้ทั้งสองคงจะจับมือกันออกเดินทางไปในทุกๆที่ ยังไงก็อย่าลืมเก็บวิวสวยๆ และรูปหวานๆมาฝาก HELLO! กันด้วยนะคะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………
PHOTOS: WARIN PHOTOGRAPHY AND WIRUN KULTAN PHOTOGRAPHY