Love Story: เรื่องราวความรักสุดโรแมนติกระหว่าง ‘คุณหมอหนุ่ม VS นักธุรกิจสาวสวย’ กับจิวเวลรี่หรูแทนใจที่ตรงใจแบบสุดๆ
เพราะโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ หากย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักของ ‘คุณหมอคิม’ นพ.ถาวรชัย หาญศิลป์พงศ์ และสาวสวย ‘คุณบุ๋ม-สุภาพร ใจจักร์’ คาแรคเตอร์ความน่ารัก สดใสของฝ่ายหญิงที่ทำให้คุณหมอหนุ่มเริ่มตามจีบแบบแสนโรแมนติก ความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นหลังจากคบหาดูใจกันมา 4 ปีทั้งสองคนก็ตัดสินใจก้าวต่อไปเคียวข้างกันในฐานะของสามีภรรยา

ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมีหอไอเฟลเป็นพยาน ‘คุณหมอคิม-นพ.ถาวรชัย หาญศิลป์พงศ์’ บรรจงสวมแหวนเพชรเม็ดงาม H Color นํ้า 96% หนัก 3 กะรัตจากแบรนด์ Tiffany & Co. บนนิ้วมือข้างซ้ายของ ‘คุณบุ๋ม-คุณสุภาพร ใจจักร์’ ผู้เป็นสาวคนรัก ซึ่งฝ่ายชายตั้งใจเลือกแหวนหมั้นเพชรของ Tiffany & Co. เพราะนอกจากจะเป็นแบรนด์โปรดของฝ่ายหญิงแล้ว ยังเป็นแบรนด์เพชรสัญชาติอเมริกันที่มีแพสชั่นดึงดูดความหลงใหลในจิวเวลรี่ของฝ่ายชาย ผู้มีงานอดิเรกเป็น Jewelry Collector อีกด้วย

คุณหมอคิมเริ่มต้นเล่าถึงความหลงใหลที่เขามีต่อเครื่องประดับ Tiffany & Co. ว่า “ผมค่อนข้างอินกับหนังและซีรี่ส์ฟากอเมริกาซะมาก ซึ่งจะมีซีนเปิดกล่องบลูบ็อกซ์เป็นซิกเนเจอร์ เวลาตัวเอกในเรื่องเขาขอแต่งงานกัน ที่เห็นเรื่องแรกคือ ‘Friends’ มันเลยเป็นความฝังใจ (อมยิ้ม)”
ขอแต่งงานข้ามประเทศ ณ หอไอเฟล
เจ้าความฝังใจนี่แหละที่บันดาลใจให้คุณหมอคิมวางแผนเขียนสคริปต์จัดฉากขอแต่งงานข้ามประเทศไกลถึงฝรั่งเศสโน่น โดยทั้งหมดต้องอุบเงียบเป็นความลับ ไม่ให้ฝ่ายหญิงรับรู้ “พอดีตอนนั้นฝรั่งเศสเพิ่งเปิดประเทศใหม่ๆ ผมเลยชวนบุ๋มไปเที่ยว บอกเขาว่าไปถ่ายรูปเล่นกัน เผื่อเอามาใช้ในงานแต่งงานได้ ที่ผ่านมาไม่ว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม จะถ่ายรูปกลับมาเยอะๆ อยู่แล้ว โดยจ้างช่างภาพไปด้วย ทริปนี้จึงบอกเขาว่าเราจะทำกันเหมือนเดิมนะ จนบุ๋มไม่รู้สึกเอะใจอะไร” คุณหมอคิม เผย
คุณบุ๋มยิ้มรับ “ไม่เอ๊ะจริงๆ ค่ะ ขนาดก่อนจะไป พี่คิมชวนไปเช่าชุด บอกเอาไปถ่ายรูปที่ฝรั่งเศส พาไปร้านเช่า แถมเป็นคนเลือกชุดเองว่า จะเลือกชุดนี้ๆ ซึ่งบุ๋มดูแล้วมันเหมือนชุดแต่งงานมากเกินไป แค่เป็นกระโปรงสั้นเท่านั้น แต่เราก็ยังไม่เอะใจอะไร” คุณหมอคิมจึงเผยว่าภาพขอแต่งงานในหัวของเขานั้น ต้องทั้งหวานทั้งงดงาม เพราะอยากสร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนสาวประทับใจ แต่เอาเข้าจริงหลายอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผน เริ่มจากแหวนที่หาไซส์ตามขนาดนิ้วของคุณบุ๋มไม่ได้ “ผมรู้ว่าบุ๋มเขาชอบแหวนแบบไหน เรื่องแอบไปซื้อจึงไม่ยาก” คุณหมอคิมเล่า
“ผมเลือกดีไซน์ที่เป็นแบบหกหนามเตย ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์น่ะแหละ ส่วนนํ้าหนักเพชรเล็งไว้ที่ประมาณสามกะรัต เพราะคิดว่าเหมาะกับมือเขา อาจมีพิเศษหน่อยตรงด้านข้างมีเพชรที่ตัวเรือนด้วย แต่ที่ยากคือขั้นตอนระหว่างนั้น เพราะ Tiffany & Co. หาแหวนไซส์บุ๋มเป๊ะๆ ให้ไม่ทัน จะรอรีไซส์แหวน เวลาก็ไม่แมตช์กับที่พวกเราต้องเดินทางไปฝรั่งเศส สุดท้ายผมเลยต้องเอาแหวนมาใช้เพื่อขอแต่งงานก่อน แล้วค่อยส่งกลับไปรีไซส์ใหม่ทีหลัง”
แม้ปัญหาขนาดแหวนจะหาทางแก้ไขผ่านไปได้ แต่กลับมีเรื่อง ‘ผิดแผน’ เกิดขึ้น ในขั้นตอนขอสาวแต่งงานตามมา เพราะเดิมทีคุณหมอคิมตั้งใจจะขอคุณบุ๋มแต่งงานบนระเบียงห้องในโรงแรมช่วงพระอาทิตย์ตก มีฉากหลังเป็นหอไอเฟลที่เปิดไฟตระการตา เขาจึงจองห้องที่เห็นหอไอเฟลชัดที่สุด และตามแผนเขาต้องพาคุณบุ๋มออกไปเที่ยวถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ทีมออร์แกไนซ์เข้าไปจัดเตรียมเนรมิตห้องให้เป็นฉากแต่งงานที่เพอร์เฟกต์ที่สุด และเมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งคู่กลับถึงห้องพัก คุณหมอคิมจะร้องเพลง ‘I Love You 3000’ ซึ่งเป็นเพลงที่คุณบุ๋มเคยมอบให้ตอนครบรอบสามปีของการคบกัน ก่อนจะบรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาว

ทว่าเรื่องผิดแผนสุดน่ารักกลับผุดขึ้นยิบย่อย ตั้งแต่ทีมตกแต่งสถานที่ทำงานเสร็จไม่ตรงตามเวลา คุณหมอคิมต้องหาวิธีถ่วงเวลาออกไป พอทีมออร์แกไนซ์ส่งสัญญาณว่าใกล้พร้อม คุณหมอคิมซึ่งต้องชิ่งไปเตรียมตัวร้องเพลง จึงต้องให้ช่างภาพล่อหลอกคุณบุ๋มให้ถ่ายรูปเดี่ยวต่อ เมื่อสถานที่พร้อมเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณบุ๋มเพลียจากการตะลอนถ่ายรูปมาตั้งแต่เช้า จึงเร่งรีบกลับห้องพัก ทันเห็นหลังทีมตกแต่งสถานที่วิ่งออกจากห้อง จนตกอกตกใจว่าเป็น ‘ขโมย’ รีบวิ่งกลับห้องเพราะห่วงแฟนหนุ่ม คุณหมอคิมเล่าพร้อมหัวเราะ “ตอนนั้นผมกำลังเช็กเสียงอยู่ เขาเปิดประตูเข้ามาดังปัง! ที่กะว่าจะเปิดเนื้อร้องดูเพราะยังจำได้ไม่หมด ก็ไม่ทันละ ต้องร้องสดไปเลย ดีที่คิวไฟ คิวเสียง เอฟเฟกต์โปรยดอกกุหลาบมาเป๊ะ แต่ถึงตอนนั้นบุ๋มเขาก็รู้แล้วว่าต้องมีอะไรพิเศษ”



คุณบุ๋มเสริม “เข้าไปในห้องนี่เซอร์ไพรส์เลย เขาจัดสถานที่ได้สวยมาก ดอกไม้เต็มไปหมด เหมือนฝัน” หมอคิมเล่าต่อ “พอร้องเพลงจบ ผมก็คุกเข่า พูดประมาณว่า… บุ๋มเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด ทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น ผมจะดูแลเขาและครอบครัวไปตลอดทั้งชีวิต อะไรประมาณนี้ โดยก่อนหน้านั้นผมถึงกับท่องไว้เลยนะว่าอย่าคุกเข่าผิดข้าง อย่าสวมแหวนผิดข้าง แต่ขนาดท่องแล้ว ผมยังสวมแหวนผิดข้างอยู่ดี (หัวเราะ) จนบุ๋มต้องกระซิบบอกไม่ใช่มือนี้! ผมนี่เหงื่อแตกพลั่กๆ เลย” เขาเล่าพร้อมกับหัวเราะตาหยี

“บุ๋มเห็นแหวนปุ๊บนี่ปิ๊งเลย” คุณบุ๋มเผย “เหมือนอย่างที่คิดในหัวเลยว่าอยากได้แหวนสไตล์แบบนี้ มีดีเทลที่เป็นเอกลักษณ์ สวยถูกใจบุ๋มมาก”
Tiffany แทนรัก
จากแหวนหนึ่งวง เกิดเป็นไอเดียต่อยอดให้คุณหมอคิมสั่งเซ็ตเครื่องเพชรจากแบรนด์เดียวกันเพิ่มอีกหนึ่งชุด ประกอบด้วยสร้อยคอ สร้อยข้อมือ และต่างหู เพื่อให้คุณบุ๋มไว้สวมในงานแต่งงาน แน่นอนว่าแม้แต่แหวนแต่งงานของเขาเองก็ยังเป็นของ Tiffany & Co. เช่นกัน “ผมเลือกแพตเทิร์นที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่เป็นตัว T ฝังเพชร 2.61 กะรัต แล้วก็สั่งฮาร์ดแวร์ที่เป็นโซ่มาเพิ่ม เผื่อใส่ในวาระอื่นๆ ได้” คุณหมอคิมเล่าถึงแหวนที่ตนเลือก
สำหรับคู่แต่งงานอื่น อาจเริ่มจากเลือกชุดวิวาห์ แล้วค่อยเลือกเครื่องประดับให้เข้ากับชุด แต่สำหรับคู่นี้ ความถูกตาต้องใจที่มีต่อเครื่องประดับ กลับกลายเป็นโจทย์ที่นำมาใช้ต่อยอดในการเลือกชุดของเจ้าบ่าวเจ้าสาว
คุณบุ๋มซึ่งรับหน้าที่ลงรายละเอียดชุดบ่าวสาวเล่าว่า “คู่เราแปลกหน่อย ได้เครื่องประดับมาก่อน ก็เลยอิงจากเครื่องประดับไปหาชุด” และเพราะมีโจทย์จากเครื่องประดับ ชุดเจ้าสาวจึงต้องอลังการสมกัน เริ่มจากพิธีเช้าที่จะจัดในเดือนพฤศจิกายนที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น คุณบุ๋มเตรียมไว้ 2 ชุด เป็นชุดไทยสีออฟไวต์ และชุดยกนํ้าชาสีแดงที่ปิดขึ้นมาถึงคอ เธอจึงเลือกสวมเครื่องประดับเป็นเพียงต่างหูเท่านั้น

ส่วนงานเลี้ยงกลางคืนที่จะจัดเดือนธันวาคมที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี จะมีอีก 2 ชุด ซึ่งล้วนเป็นสีออฟไวต์ทั้งหมด ชุดหนึ่งสำหรับถ่ายรูปหน้าแบ็กดรอป เป็นชุดรัดรูป เปิดไหล่ ปลายชุดลากเป็นหางยาว เพื่อจะได้โชว์สร้อยคอที่ออกแบบให้พลิ้วไปกับลำคอเด่นชัด อีกชุดคือชุดตอนเดินเข้างานที่ออกแบบเป็นแนวมิดเดิลอีสต์สไตล์สุลต่านนิดๆ โดยจะมีเครื่องประดับเพิ่มขึ้นมาคือสร้อยข้อมือหนึ่งเส้น
เมื่อถามถึงชุดเจ้าบ่าว คุณบุ๋มบอกว่า “ชุดพี่คิมก็มี 4 ชุดเหมือนกัน โดยบุ๋มให้โจทย์ดีไซเนอร์ไปว่าไม่อยากให้ใส่ออกมาแล้วเป็นเหมือนเพื่อนเจ้าบ่าว อยากให้ออกแบบให้เห็นแล้วรู้เลยว่า เขาเป็นเจ้าบ่าว เป็นพระเอกของงาน ซึ่งบุ๋มเห็นแล้วก็ชอบเลยละ แต่เดี๋ยวต้องให้พี่คิมลองดูว่าจะชอบด้วยไหม”
รักแรก ‘ปิ๊ง’
พูดถึงความเป็นพระเอก จะว่าไปความรักของคู่นี้ ก็มีพล็อตเทียบเท่านิยายรักโรแมนติกหนึ่งเรื่องเลยทีเดียว เริ่มจากคุณบุ๋มไปศัลยกรรมจมูกที่คลินิกแห่งหนึ่งแล้วไม่ชอบใจ เพราะดูเอียง จึงมาแก้ที่คลินิกของคุณหมอคิม “ผมเห็นเขาครั้งแรกก็ชอบเลย” คุณหมอคิมสารภาพ “ตรงสเป็กทุกอย่าง แต่ตอนนั้นเขายังคบกับแฟนอยู่ และหลังจากผ่าตัดแล้วเขาก็หายไปเลยสองปี ผมก็ตาม IG เขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งไปเห็นเขาโพสต์ว่า ‘โสดแล้วนะ’ ผมเลยทักไปเรื่องจมูกว่าเป็นยังไงบ้าง ยังโอเคไหม”

คุณบุ๋มเสริมว่า “ตอนนั้นบุ๋มยังงงๆ เลยว่าคนนี้เป็นใคร เพราะจำไม่ได้ เขาเลยต้องแนะนำตัวอีกครั้งว่าเขาคือ หมอคิมที่ผ่าจมูกให้บุ๋ม (หัวเราะ)” นับแต่นั้นคุณหมอคิมก็เดินหน้าจีบหนัก จนฝ่ายหญิงกลัว หนีกลับบ้านที่เชียงราย แต่คุณหมอหนุ่มก็ไม่ย่อท้อ ลาหยุดงานที่คลินิก เพื่อไปรุกเดินหน้าจีบต่อถึงบ้าน ที่สุดคุณบุ๋มยอมเปิดใจ ร่วมฟูมฟักรักจนเข้าสู่ปีที่ 4 และกำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
หลังแต่งงานทั้งคู่ที่เตรียมเรือนหอเป็นคอนโดมิเนียมกลางกรุง วางแผนว่าคุณหมอคิมซึ่งอายุมากกว่าคุณบุ๋ม 7 ปีจะเป็นฝ่ายทำงานเป็นหลัก ส่วนคุณบุ๋มเป็นแม่ศรีเรือนเพื่อเตรียมตัวเป็นคุณแม่ยังสาว “บุ๋มเขาเป็นแม่ศรีเรือนมาก เขาดูแลเราอย่างดีไม่มีบกพร่อง ที่สำคัญเขาเป็นคนจิตใจดี ผมเชื่อมั่นว่าเขาสามารถเป็นแม่ของลูกที่ดีได้อย่างแน่นอน” คุณหมอคิม เล่าด้วยนํ้าเสียงภาคภูมิ “เราวางแผนว่าอยากได้ลูกสาวคนหนึ่งชื่อ ‘ปารีส’ อีกคนเป็นลูกชายชื่อ ‘ลอนดอน’ เตรียมชื่อให้เรียบร้อยแล้วค่ะ” คุณบุ๋มเสริมปิดท้าย