Home > Celebrity > อะไรเป็นเหตุผลให้ บิล เกตส์ ทุ่มเงินกว่า 7 แสนล้านบาทเพื่อการกุศล

เป็นอีกข่าวที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกไม่น้อยเมื่อ บิล เกตส์ (Bill Gates) เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ ผู้ติดอันดับต้น ๆ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่องมาหลายปี แสดงเจตจำนงเตรียมก้าวออกจากทำเนียบมหาเศรษฐี จากการทุ่มบริจาคเงินกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 7 แสนล้านบาท เพื่อการกุศลภายใต้ มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ซึ่งเจ้าตัวมีการเขียนถึงเหตุผลต่าง ๆ ไว้ในบล็อก Gates Notes เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2022

บิล เกตส์
เมลินดา เฟรนช์ และ บิล เกตส์ / Courtesy Photo of IG thisisbillgates

ก่อนลงรายละเอียดถึงการบริจาคเงิน บิล เกตส์ เท้าความว่า “ผม และ เมลินดา (อดีตภรรยา) ก่อตั้งมูลนิธิขึ้นในปี 2000 ภายใต้วิสัยทัศน์ว่าทุกคนควรมีโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและสุขภาพดี ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีการตั้งเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals – MGDs) และด้วยความพยายามของ รัฐบาล เอกชน องค์กรไม่แสวงหากำไร และนักสังคมสงเคราะห์ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้อัตราการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ลดลงจาก 12 ล้านคนต่อปี เหลือเพียง 6 ล้านคนต่อปี, สัดส่วนของคนยากจนลดลงกว่าครึ่ง, มีเด็กที่ได้รับการศึกษาในโรงเรียนมากขึ้น และจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคภัยลดลง เช่น เอดส์, วัณโรค และมาลาเรีย โดยความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งของโลก หรือเฉพาะในประเทศที่ร่ำรวยเท่านั้น แต่แผ่ขยายไปยังหลายประเทศทั่วโลกตั้งแต่บังกลาเทศไปถึง เอธิโอเปีย และกาน่า

“ทว่าเบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ ‘การระบาดใหญ่’ เป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โลกขาดการเตรียมพร้อม ความเสียหายจึงขยายวงกว้าง มีการเสียชีวิตจากโรคโควิด – 19 มากถึง 20 ล้านคนในขณะนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันในการกระจายวัคซีนระหว่างประเทศที่มีรายได้สูงและมีรายได้ต่ำ นอกจากนี้การเสียชีวิตของเด็กยังเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการหยุดชะงักของระบบสุขภาพ การขจัดโรคโปลิโอถูกละเลย นักเรียนขาดโอกาสทางการเรียนไปมากมายตลอด 2 ปี หนี้จำนวนมากที่รัฐบาลในหลายประเทศต้องชดใช้จากกู้ยืมเงินจำนวนมากในงบประมาณฉุกเฉินเพื่อรับมือโควิด และหลายประเทศกำลังประสบปัญหาการว่างงาน โดยเฉพาะผู้หญิง เนื่องจากต้องแบกรับภาระในการดูแลเด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียน

ขณะที่ ‘สงครามในยูเครน’ เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่สำหรับทั้งโลก นอกจากการสูญเสียชีวิตจากการทำลายล้างของสงครามจะต้องมีการสร้างประเทศขึ้นใหม่ แหล่งก๊าซธรรมชาติที่ลดลงทำให้ต้นทุนหลายอย่างสูงขึ้น เช่น ค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะในยุโรป การลดลงของทรัพยากรอาหารโดยเฉพาะข้าวสาลีและน้ำมันสำหรับบริโภค และการลดลงของแหล่งผลิตปุ๋ยที่ทำให้ราคาอาหารสูงขึ้น จะเป็นการเพิ่มภาวะการขาดสารอาหาร และความไม่มั่นคงในประเทศที่มีรายได้ต่ำ”

บิล เกตส์
Courtesy Photo of IG thisisbillgates

หลังเล่าถึงมูลนิธิฯ และปัญหาในช่วงไม่กี่ที่ผ่านมา เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ กล่าวอีกว่า “จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทุกภาคส่วนล้วนจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล เอกชน และองค์ไม่แสวงหากำไรต่าง ๆ รวมถึงนักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งนับเป็นภาคส่วนที่เล็กที่สุด แต่เหมาะสมที่จะลองเสี่ยงความคิดที่สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งผมเองก็หวังว่าจะมีวิธีในการช่วยให้สงครามสิ้นสุดเร็วขึ้น หรือช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำสั้นลง หรือเพิ่มความสามารถทางการเมือง ผมยินดีที่จะช่วยทุกคนที่เสนอวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

ส่วนตัวผมพยายามทุ่มเทกำลังและทรัพยากรจำนวนมากให้นวัตกรที่ทำงานด้านการป้องกันการแพร่ระบาด, สาธารณสุขของโลก, การบรรเทาปัญหาและปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ, การพัฒนาการศึกษา และต้นทุนทางอาหาร ซึ่งเมื่อผมพูดถึง “นวัตกรรม” นั่นหมายถึงการนำสินค้า บริการ หรือแนวทางใหม่ ๆ ไปสู่ผู้ที่ขาดแคลน รวมทั้งเสริมความเข้มแข็งให้กับผู้นำหรือสถาบันในพื้นที่ต่าง ๆ แม้ว่านวัตกรรมเหล่านี้จะไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ทันท่วงที แต่ยิ่งเราเคลื่อนไหวเร็วเท่าไหร่ ความทุกข์ของคนจำนวนมากก็จะยิ่งน้อยลง”

บิล เกตส์
Courtesy Photo of IG thisisbillgates

“ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา มูลนิธิฯ เพิ่มงบประมาณจาก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เป็น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี โดยช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ ผมกับเมลินดาอนุมัติให้ใช้เงินเพิ่มอีก 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือในการรับมือกับโควิด – 19 เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเอาเงินจากงานสำคัญอื่น ๆ ที่เราให้ทุน ในขณะนั้นเราคาดว่าหยุดให้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นมาเมื่อการระบาดทุเลาลง แต่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าความต้องการในทุกพื้นที่มีมากขึ้นกว่าเดิม วิกฤตครั้งใหญ่ในยุคสมัยของเรายิ่งต้องการทุกอย่างที่เรามี

“ด้วยเหตุผลนี้ แทนที่จะคืนงบประมาณของมูลนิธิฯ ให้อยู่ในระดับก่อนเกิดโรคระบาด เราจะดำเนินการเพิ่มงบประมาณต่อไป และด้วยการสนับสนุนและคำแนะนำของคณะกรรมการมูลนิธิฯ เราจึงตั้งใจที่จะเพิ่มงบประมาณจากเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เป็น 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีไปจนถึงปี 2026 ซึ่งเรายังเน้นการแก้ไขปัญหาเช่นเดิม แต่ในช่วงเวลาที่มีความต้องการและโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ งบประมาณที่มากขึ้นจะช่วยให้เราสามารถเร่งการดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น และเพื่อช่วยให้งบประมาณนี้เพิ่มขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมจะโอนเงินจำนวน 20 พันล้านดอลลาร์ไปยังมูลนิธิฯ ในเดือนนี้”

บิล เกตส์
Courtesy Photo of IG thisisbillg

ปิดท้าย มหาเศรษฐีใจบุญ ได้กล่าวถึงแผนในอนาคตว่า “แผนของผมคือการมอบความมั่งคั่งทั้งหมดให้กับมูลนิธิฯ นอกเหนือจากที่ผมใช้จ่ายเพื่อตัวเองและครอบครัว ผมยังบริจาคและลงทุนในด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับมูลนิธิฯ และยังลงทุนในธุรกิจที่แก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยรวมแล้วผมคาดหวังว่าการลงทุนเหล่านี้จะช่วยสร้างรายได้ให้กับมูลนิธิฯ ด้วย ผมจะหลุดออกจากทำเนียบผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก”

“การบริจาคเงินของผมไม่ใช่การเสียสละ ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิทธิพิเศษที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดการกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ผมสนุกกับการทำงาน และเชื่อว่าตัวเองมีหน้าที่ในการคืนทรัพยากรให้กับสังคม ด้วยการสร้างผลกระทบที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้มากที่สุด”

บิล เกตส์

Courtesy Photo of IG thisisbillgates/ Twitter Bill Gates/ Gates Note

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.