Home > Education > Interviews > Talent > ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ นักสร้างภาพยนตร์การ์ตูน ศิลปิน นักออกแบบมือรางวัล

แพสชั่นในการ์ตูน ความสามารถทางศิลปะ ความมุ่งมั่นบวกกับความขยัน ช่วยให้ ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ ชายหนุ่มคนหนึ่งทำตามความฝันของตัวเองจนสำเร็จ ภาพยนตร์การ์ตูนทั้ง ‘ครุฑ’ และ ‘ยักษ์’ ที่เขาเป็นหัวหน้าทีมสร้างความภาคภูมิใจให้กับเขาและทีมงาน ในฐานะผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์การ์ตูนไทยให้ทัดเทียมกับภาพยนตร์การ์ตูนในระดับสากล

 นอกจากนี้คุณ ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ ยังเป็นศิลปินและนักเล่าเรื่องที่เขียนเรื่องราวและวาดภาพประกอบสวยๆ เป็นหนังสือที่เด็กอ่านได้ผู้ใหญ่อ่านดีอย่าง Yellow Sun  เรื่องราวของเด็กผู้หญิงตาโตในเสื้อกันฝนสีเหลืองที่ขายหมดภายในช่วงระยะเวลาวางแผงเพียงไม่นาน อีกทั้งยังเป็นนักวาดภาพประกอบคู่ใจประภาส ชลศรานนท์ ที่ได้สร้างสรรค์ภาพประกอบให้กับนิทานล้านบรรทัดของประภาสอีกด้วย  

ประสบการณ์การทำงานและผลงานภาพยนตร์การ์ตูนที่กวาดรางวัลจากเวทีต่างๆมากมาย ยังทำให้คุณเอ็กซ์- ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ กลายเป็นนักวาดการ์ตูนชั้นนำของไทยแห่งยุคศตวรรษที่ 21 และในเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เขายังเปิดนิทรรศการผลงานศิลปะบนเฟรมผ้าใบของตัวเองในชื่อ ‘น้องขนม’ และยังออกแบบ art toy น่ารักๆ ที่ได้แรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะครั้งนี้ออกมาวางจำหน่ายในจำนวนจำกัดอีกด้วย

ชัยพร พานิชรุทติวงศ์
ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ กับนิทรรศการภาพวาดชื่อ น้องขนม ที่ขายทาง FB หมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

เพราะอะไรศิษย์เก่าคณะมัณฑนศิลป์ เอกนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, University of Oregon  และล่าสุดเขาเพิ่งจะได้รับรางวัล Designer of the Year 2023 สาขา Digital Media Design  จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเป็นคนแรกของสาขานี้  การที่เขาสามารถก้าวมาถึงจุดที่หลายคนใฝ่ฝันได้…ทำอย่างไร

แพสชั่นในการ์ตูน

“ผมชอบดูการ์ตูนที่ฉายทางช่อง 9 การ์ตูน และชอบอ่านหนังสือการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่หน้ากากเสือ ดร.สลัมป์กับอาราเร่ ดราก้อนบอล เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแทบทั้งหมดครับ” คุณเอ็กซ์- ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ พูดถึงจุดเริ่มต้นของแพสชั่นในการ์ตูนของตนเอง

หลังจบมัธยมปลาย เขาสอบเข้าเรียนเอกจิตรกรรม ที่คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเลือกเป็นอันดับแรกในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ตามคำขอของพี่ชายซึ่งเรียนอยู่แล้ว แต่เมื่อเรียนแล้วอาจารย์บอกว่า เขาน่าจะเรียนออกแบบนิเทศศิลป์ที่คณะมัณฑนศิลป์มากกว่า เขาจึงสอบเอ็นทรานซ์ใหม่อีกครั้งในปีถัดมา และได้เข้าเรียนที่คณะมัณฑนศิลป์สมใจ  

“ผมรับงานจากรุ่นพี่ตั้งแต่เรียนปี 1 เลยครับ เป็นงานออกแบบหนังสือ แล้วตอนนั้นผมอยู่หอพักแถวศิริราช ก็เลยไปตระเวนสมัครงานออกแบบหนังสือกับสำนักพิมพ์ต่างๆที่อยู่ในละแวกนั้น ได้ค่าตอบแทนดีเหมือนกัน งานออกแบบหนังสือรวมวาดปกและภาพประกอบเล่มละ 7,000-10,000 บาท ก็ถือว่าเยอะสำหรับยุคนั้น ออกแบบปกอย่างเดียวชิ้นละ 2,500-3,000 บาท อ้อ…ลืมไป มีงานทำหนังสือนิทานสำหรับเด็กด้วยครับ ตอนนั้นมีรายได้รวมๆ เดือนละเฉลี่ยกว่า 6 หมื่นบาท”

ชัยพร พานิชรุทติวงศ์
รองศาสตราจารย์ ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ วันนี้เขาทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงทั้งหมดแล้ว

เมื่อทำงานประจำแห่งแรกในแผนกคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ที่อมรินทร์ฯได้ปีกว่าๆ  มีอยู่วันหนึ่งเขาไปดูหนังและได้เห็นหนังตัวอย่างความยาวไม่กี่นาทีของ The Lion King แล้วถึงกับตะลึง “เขาใช้เทคโนโลยีที่ใหม่มากสำหรับตอนนั้น เพราะมันมี depth ของภาพสองมิติ นึกในใจว่า โอ้โห !!! เขาทำได้ยังไง ก็คิดแบบเด็กๆนะว่า เราไปเรียนอเมริกาดีกว่า เผื่อจะได้เจอผู้กำกับ The Lion King พอรุ่งขึ้นก็ไปลาออกจากงานประจำเลย”

คุณเอ็กซ์ตัดสินใจนำเงินเก็บที่ได้จากการรับงานออกแบบปกและวาดภาพประกอบหนังสือมาตั้งแต่ปี 1 เดือนละกว่าครึ่งแสนบาท บวกกับเงินเดือนปีแรกที่สู้เก็บหอมรอมริบ และยังได้เงินสนับสนุนจากทางบ้านเป็นรายเดือนอีกจำนวนหนึ่ง มาส่งตัวเองเรียนโทที่ University of Oregon สหรัฐอเมริกา

“ผมเลือกเรียนที่ University of Oregon เพื่อจะได้เรียน Digital Art และทางมหาวิทยาลัยยังให้ทุนเรียนฟรี 2 ปี  แล้วเผอิญช่วงนั้นเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งพอดี ทางมหาวิทยาลัยจึงอนุญาตให้นักเรียนจาก 4 ประเทศ คือไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ สามารถทำงานเต็มเวลาได้เท่ากับคนอเมริกัน คือวันละ 8 ชั่วโมง

ระหว่างเรียนเขายังได้ทำงานบริษัทเกมส์อีกด้วย  “โชคดีที่บริษัทเกมส์ชื่อ Dynamic เป็นบริษัทสาขาของบริษัทเกมส์ชื่อ Sierra  มาเปิดตรงข้ามมหาวิทยาลัย ก็เลยหาเด็กที่เรียนมหาวิทยาลัยแถวนั้นไปทำงานด้วย โดยคัดเลือกจากนักเรียนนับร้อยเหลือแค่ 3-4 คน ผมได้งานเป็น Art Director ของเกมส์ 3D เป็นเกมส์ใหญ่เกี่ยวกับสงคราม มีทีมงานเป็นร้อยคน ซึ่งมีเงื่อนไขว่าถ้าไม่ได้ชิ้นงานภายในสองสามอาทิตย์อาจจะถูกไล่ออก  

หนึ่งในภาพประกอบที่เขาวาดสำหรับนิทานล้านบรรทัดทุกเล่มที่ประภาส ชลศรานนท์เขียนขึ้น

“ด้วยความที่ผมอยากให้งานเดิน ก็ต้องพยายามสื่อสารภาษาอังกฤษให้ได้ภายในระยะเวลาอันจำกัด ก็เลยคิดว่าจะตัดท่อน้ำเลี้ยงตัวเองด้วยการบอกที่บ้านว่าไม่ต้องส่งเงินมานะ เพราะผมเชื่อว่าถ้าเราอับจนจริงๆ คนที่ใกล้อดตาย หูจะเปิด เราจะขวนขวายหาทางรอดได้เอง ผมถึงเริ่มเข้าใจว่าที่ฝรั่งไม่เข้าใจคำพูดเราก็เพราะเราออกเสียงผิด ทีนี้ผมก็จับทางได้ว่าเราพูดช้าๆ ว่าต้องการอะไร มี R มี L ชัดเจน จำคำศัพท์ให้เยอะที่สุด  เรียนรู้รูปแบบแกรมมาร์ให้เข้าใจ สุดท้ายผมได้ภาษาจากที่นี่ งานก็เดิน”

กิจวัตรประจำวันในมหาวิทยาลัยของเขา เริ่มตั้งแต่เช้าเข้าเรียนตามปกติ กลางวันทำงานบริษัทเกมส์ ตกค่ำเป็น TA (Teacher Assistant) “ตอนนั้นเพื่อนที่จบไปก่อนและได้ทำงานในบริษัทแอนิเมชั่นใหญ่แถวLA ชวนผมไปทำ Concept art ด้วย ผมก็อยากไป แต่คณบดีกับทางบ้านไม่ให้ไป บอกว่าให้จบโทก่อน ไปบริษัทนั้นเมื่อไรก็ได้ ผมก็เลยตัดสินใจเรียนต่อจนจบ”

เขาจบมาด้วยเกรดเฉลี่ยทั้ง 3 ปี 4.19 และยังเป็นนักเรียนไทยคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลคอมพิวเตอร์กราฟิกและอินเตอร์แอคทีฟเทคนิคระดับนักศึกษาทั่วโลก จากงาน SIGGRAPH ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเขาส่งธีสิสตอนจบชื่อ Jiggy Bug เป็นงานแอนิเมชั่นผสมระหว่าง 2D  กับ 3D ไปประกวดในงานนี้

เข้าสู่สังเวียนระดับสากลที่นิวยอร์ก

หลังเรียนจบแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติที่จบโทสามารถอยู่ทำงานต่อได้อีก 2 ปี และความฝันของคนทำงานศิลปะทั่วโลกไม่ว่าจะแขนงไหนก็ตาม คือการได้ทำงานที่ตัวเองรักในนิวยอร์ก เพราะนิวยอร์กเปรียบเสมือนเมกกะทางศิลปะสำหรับคนทำงานศิลป์ คุณเอ็กซ์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น “ผมคิดว่าถ้าไม่ได้งานที่นิวยอร์กก็ยังกลับไปแคลิฟอร์เนียได้ เพราะอย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อนที่เคยทำดิสนีย์ เราไปหาเขาได้”

ภาพวาดน้องขนม

 แต่เขาเลือกที่จะขับรถไป เพราะทนแรงยุของเพื่อนไม่ไหว “แม่ก็เตือนผมแล้วว่าอย่าขับรถ แต่เพื่อนบอกว่ามาอเมริกาทั้งที ขับข้ามเลย ครั้งหนึ่งในชีวิต”

เขาเช่ารถ U-Hual ขนเตียงและที่นอนกับสมบัติสารพันขับจากโอเรกอนไปนิวยอร์ก ซึ่งหากนั่งเครื่องบินจะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง เท่ากับไทยบินไปญี่ปุ่น ถ้าขับรถใช้เวลา 11-12 วัน แต่เขาล่าช้าไปอีกหลายวัน ก็เพราะอุบัติเหตุระหว่างข้ามทะเลทรายเนวาด้า

“ขับผ่านทะเลทรายมันเงียบ แล้วอยู่ๆ เหมือนมีคนกระซิบบอกให้ผมเข้าเกียร์ถอยหลัง ทำให้คันเกียร์หักไปต่อไม่ได้ แต่โชคดีที่มีร้านแมคโดนัลด์ข้างทาง ผมก็เลยไปโทรศัพท์หยอดเหรียญที่นั่นหาบริษัทรถเช่า กินแมคเสร็จแล้วก็กลับไปนอนในรถ รอเขาเอารถมาเปลี่ยน แล้วขับไปจอดแถวนิวเจอร์ซีย์ เพื่อเข้าไปหางานและที่พักในนิวยอร์ก”

คุณเอ็กซ์ได้งานทำหนังการ์ตูนโฆษณาที่นิวยอร์ก ดูแลทีมงานประมาณ 20-30 คน ผลงานของเขาทั้ง 2 เรื่องได้รับรางวัลที่ 1 และรางวัลที่ 2 จากการประกวด Animation World Festival ที่ลอสแองเจลิส  “อันดับ 1 ทาง 3D นั้น ผมเอาธีสิสมาขยาย ส่วนอันดับ 2 ผมทำ 2D สำหรับการโปรโมทหนังเรื่อง 3000 Miles to The Grace Land ของเควิน คอสต์เนอร์ร่วมกับทีมที่มาจ้างทำครับ”

แต่เบื้องหลังการทำงานนั้นสุดโหด วันๆหนึ่งเขาและทีมงานได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง “สมัยนั้นเรายังวัยรุ่นก็สนุก แต่งานหนัก ทำงานตั้งแต่เช้าถึงตีสามตีสี่ บางวันก็ต้องออกนอกอาคารเพื่อหายใจบ้าง (หัวเราะเบาๆ) เสร็จแล้วก็กลับเข้าทำงานต่อ”

อาร์ตทอยที่เขาออกแบบ

ถามว่ามีคนมาลองของเขาเยอะไหม “เยอะครับ เพราะเราเป็นเอเชีย ตอนแรกๆฝรั่งจะไม่ค่อยเชื่อฟัง แต่ตอนหลังเราก็พิสูจน์ให้เห็นว่าฝีมือเราดีกว่า เขาก็จะเชื่อและทำตาม พอผมมาเปิดบริษัทที่เมืองไทย ก็จะมีฝรั่งที่เคยทำงานที่นิวยอร์ก มาสมัครงานด้วยบอกว่าอยากทำงานกับยูอีก”

กลับสู่มาตุภูมิ

คุณเอ็กซ์เรียนและทำงานอยู่ที่อเมริกานาน 6-7 ปี จึงกลับไทย เพราะมารดาอยากให้เขาเป็นอาจารย์ “ผมเริ่มจากการเป็นอาจารย์พิเศษวิชา Animation & Character Design ที่คณะมัณฑนศิลป์ ศิลปากร สอนเด็กปริญญาตรีและโทก่อน จากนั้นผมทำหนังการ์ตูนเรื่องปังปอนด์ ดิ แอนิเมชั่น กับค่ายขายหัวเราะ ก็ประสบความสำเร็จ

“จากนั้นจึงย้ายไปเปิดบริษัทบ้านอิทธิฤทธิ์กับเวิร์คพอยท์ ก็ได้ทำหนังการ์ตูนเรื่องยักษ์ และได้รางวัล Cartoon Network Asia ได้ทำหนังโฆษณาและเป็น supervisor ให้กับหนังไทยหลายเรื่อง อย่าง ฅนไฟบิน สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ยอดมนุษย์เงินดือน พอเวิร์คพอยท์ย้ายไปปทุมฯ ประกอบกับทางมหาวิทยาลัยรังสิตติดต่อมา บอกว่าจะเปิดสอนปริญญาโท Digital Art พอดี ผมก็ไปช่วยร่างหลักสูตรและสอนที่นี่มาจนถึงปัจุบันครับ”

ปัจจุบันคุณเอ็กซ์มีตำแหน่งทางวิชาการเป็นรองศาสตราจารย์ และยังเป็นอาจารย์หัวหน้าหลักสูตรปริญญาโท คณะดิจิทัลอาร์ต และเป็นผู้อำนวยการศูนย์ RSU Animation  ให้กับมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งผลิตบุคลากรใหม่ป้อนตลาดแอนิเมชั่นมา 17 รุ่นแล้ว

แต่การทำหนังการ์ตูนเรื่องหนึ่งๆ เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการทำหนังการ์ตูนแต่ละเรื่องต้องใช้เวลาและทรัพยากรคนเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว

ภาพยนตร์เการ์ตูนเรื่องครุฑที่เขาทำขึ้นในนามมหาวิทยาลัยรังสิต

“ผมเคยคุยกับพี่จิก-ประภาส ตอนกำกับแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์เสร็จ ซึ่งพี่จิกกับผมคิดเหมือนกันว่า การทำแอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งจะเสียพลังชีวิตไปเยอะ เพราะทุกอย่างเริ่มจากกระดาษเปล่าหมด ไม่มีคนแสดงจริง เราต้องคอนโทรลทุกอย่างทุกขั้นตอนตั้งแต่วางพล็อตเรื่อง วาดภาพ อยู่ที่เราคอนโทรล animator แต่ละคน เพื่อให้คาแรคเตอร์แต่ละตัว แสดงอารมณ์เดียวกัน 

“โชคดีว่าคาแรคเตอร์ต่างๆในยักษ์ ส่วนใหญ่ผมจะออกแบบเอง เลยจะเข้าใจในคาแรคเตอร์ทุกตัว การทำหนังการ์ตูนเรื่องหนึ่งต้องใช้คนเป็นร้อย ยักษ์ใช้เวลาทำประมาณ 4- 5 ปี ”

‘ยักษ์’ มีผู้ซื้อไปฉายในสิบกว่าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ รัสเซีย และอเมริกา ส่วน ’ครุฑ’ นอกจากจะได้ฉายในไทย ไต้หวัน และใน Netflix แล้ว ยังเป็น DVDกับสตรีมมิ่ง ขายในอเมริกาอีกด้วย

เฟสใหม่ของชัยพร

“บางทีผมก็แค่อยากสอนหนังสือ หรือทำงานกับคนน้อยลงหน่อยครับ” คุณเอ็กซ์กล่าวกับเราถึงเป้าหมายใหม่ในชีวิต “ผมแพลนว่าจะทำงานประกวดอย่างเดียว ไม่ทำเพื่อการค้าอีกแล้ว อยากสนองตัณหาตัวเองมากกว่า เพราะตอนนี้เรามีรายได้เพียงพอในการใช้ชีวิต มีหลายอย่างของงานแอนิเมชั่นและงานศิลปะที่ผมอยากทำมานาน และวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ผมก็เปิดนิทรรศการศิลปะแสดงเดี่ยวของตัวเองกับ Number 1 Gallery ที่ริเวอร์ซิตี้ ชื่องาน ‘น้องขนม’  ซึ่งเป็นงานศิลปะการ์ตูนอาร์ตบนเฟรมผ้าใบประมาณ 15 ภาพ และมีการทำเป็น art toy จำนวน 40 ตัวออกขายสำหรับนักสะสมอีกด้วย ซึ่งภาพบนเฟรมได้ขายหมดก่อนงานแสดงไปแล้วครับ”    

สำหรับความสำเร็จที่ผ่านมาซึ่งไม่อาจจาระไนได้ครบหมด คุณเอ็กซ์มีเคล็ดลับอะไรถึงประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ เขาบอก HELLO! Education ว่า

หนึ่งในผลงานของเขาที่น่าทึ่ง

“ผมเคยบอกลูกศิษย์ว่า เวลาทำอะไร ขอให้ทำจริงๆ แล้วมันจะดีเอง การทำงานที่ยากที่สุดคือ เราจะเอาเงินจากกระเป๋าลูกค้ามาอยู่ที่กระเป๋าเรา แล้วเขายังรู้สึกขอบคุณเราด้วยนั้นทำอย่างไร? หัวใจคือการทำงานที่เต็มที่และดีที่สุด ใช้ทักษะศิลปะทั้งหมดที่เราบ่มเพาะมาใส่ให้เต็มที่กับงานชิ้นนั้นๆ มีหลายรายการที่ผมออกแบบให้ ปรากฏว่าลูกค้านอกจากจะเต็มใจให้เงินเราแล้ว ยังขอบใจเราอีกด้วยว่าทำให้รายการเขาดูดีขึ้น เขาขายงานให้ลูกค้าเขาได้เยอะขึ้น แล้วจากนั้นเขาก็เรียกใช้เราตลอด ”

เขายังคงมีความสุขกับการทำงานทุกวัน “เดี๋ยวนี้เวลาผมทำงานก็เหมือนผมพักผ่อน บางทีก็เอางานไปเขียนในร้านกาแฟ เสร็จงานก็ไปเที่ยว นั่งนานอาจจะเมื่อยและปวดหลัง หรือจ้องจอนานๆจะปวดตา เป็นเรื่องปกติ นับเป็นบุญของผมที่เกิดมาทำงานศิลปะ แอนิเมชั่น และงานออกแบบ แล้วได้รับการยอมรับจากประชาชน มีรายได้ที่ดีพอเลี้ยงตัว เท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ”                        

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.