Home > Education > เจาะลึก 10 เทรนด์การศึกษาในโลกอนาคตที่พ่อ-แม่ต้องรู้!

ตั้งแต่ทั่วทั้งโลกเผชิญวิกฤติโควิด-19 ทำให้ทุกวงการต้องชะงักงัน ไม่อาจดำเนินต่อไปในวิถีเดิมที่เคยเป็นมา วงการศึกษาก็หนีไม่พ้น ต้องปรับตัวเองขนานใหญ่ โดยนำเทคโนโลยีปัจจุบันที่พัฒนาไปไกลมาใช้ ให้สอดรับกับวิถีชีวิตแบบใหม่ ซึ่งจะอยู่กับชาวโลกไปอีกนาน แม้ว่าจะมีการผลิตวัคซีนแล้วก็ตาม

(อ่านเพิ่มเติม : 3 สิ่งควรและ 3 สิ่งไม่ควรทำ หากไม่อยากให้ลูกติดเกมช่วงโควิด)

รูปแบบการศึกษาในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอีก Photo: Unsplash

ดร.โทโมฮิโร โฮชิ Head of Stanford Online High School ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาออนไลน์อันทรงเกียรติที่สุดในโลก ติด 1 ใน 10 โรงเรียนที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา บอกเราว่า 

“เนื่องจากนักเรียนแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีที่มาแตกต่างกัน มีความสนใจ เป้าหมาย และความต้องการไม่เหมือนกัน ชอบเรียนวิชาไหนก็ไม่เหมือนกัน การจะสอนให้ได้ผลดีที่สุดจึงต้องมีการจัดการเงื่อนไขการศึกษาที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการเรียน เพื่อให้เข้ากับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน แทนที่จะสอนเด็กวิชาละเป็นกลุ่มใหญ่”  และเขายังเสริมอีกด้วยว่า เทรนด์การศึกษาในอนาคตจะไปในทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจะเปลี่ยนวิธีการไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย

10 เทรนด์การศึกษาของโลกอนาคต 

สอนแบบเฉพาะตัว ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ เพื่อให้ครูสามารถสอนเด็กที่ยังไม่เข้าใจให้เข้าใจมากขึ้น ครูสามารถทำได้โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสูงสุด  แทนที่จะสอนนักเรียนทุกคนเหมือนๆ กัน ก็ให้นักเรียนออกแบบการเรียนรู้ของตัวเอง การเรียนรู้จึงสนองตอบความต้องการของเขาโดยเฉพาะ

สอนแบบออนไลน์ ด้วยวิกฤติโควิด-19 ทำให้รูปแบบการเรียนแบบเดิมๆเปลี่ยนไป และเป็นการสอนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนยุคโควิดตลาด EdTech ยังคงมีมูลค่าเพียง 160 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นเอง ซึ่งคิดเป็น 2% ของตลาดการศึกษาของโลกที่มีมูลค่า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ของตลาดภายในเวลา 15 ปี แต่พอโควิดระบาด กลับร่นระยะเวลาเหลือเพียง 6 ปี และกลายเป็นกระแสหลักของโลกไปแล้วในตอนนี้ เพราะฉะนั้นยิ่ง EdTech ยิ่งขยายสู่ประสบการณ์ในห้องเรียนของนักเรียนทั่วโลกมากขึ้นเมื่อไร แน่นอนว่าการสอนแบบออนไลน์จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ Science of Learning ต้องบอกว่าการที่นักเรียนและครูมารวมตัวกันในห้องเรียน กลายเป็นการเรียนการสอนแบบโบราณไปเสียแล้ว ทว่าจะต้องผสมผสานศาสตร์ทางด้านจิตวิทยาและประสาทวิทยา เข้าไปในกระบวนการการเรียนการสอนด้วย 

การเรียนจะเรียนที่ไหนก็ได้ และเมื่อไรก็ได้ เพราะเป็นการเรียนออนไลน์ Photo : Unsplash

School Learning แม้ว่าการเรียนจะยืดหยุ่นขึ้น และเป็นการเรียนนอกห้องเรียนมากขึ้น แต่โรงเรียนก็ยังคงเป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์และการทดลองทางการเรียนการสอนแก่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ ศิลปะ ฯลฯ ไม่เพียงแต่วิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนที่รวมประสบการณ์ขนาดใหญ่สำหรับนักเรียน

Flexible School ความเติบโตอย่างไม่อาจหยุดยั้งของ EdTech จะไม่มีแค่โรงเรียนออนไลน์ หรือโรงเรียนเฉพาะตัว แต่จะเป็น Hybrid ผสมผสานระหว่างการเรียนออนไลน์กับการเรียนแบบเฉพาะตัว การเรียนออนไลน์อาจกินเวลา 20% ส่วนที่เหลือเรียนแบบเฉพาะตัว ซึ่งตอนนี้มีโรงเรียนหลายแห่งเริ่มทำกัน และในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 

Prospect of Teacher วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนทางวิชาการ ไม่ได้อยู่ที่ครูเพียงฝ่ายเดียว แต่ครูจะมีบทบาทในการสอนเด็กให้รู้จักการเข้าสังคม และจะมีบทบาททางด้านการสอน รวมทั้งวิธีการใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้นด้วย 

Learning Opportunity for Student โรงเรียนเปิดโอกาสให้นักเรียนออกแบบแผนการเรียนให้ตัวเอง โดยจะเรียนเมื่อไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้ และสามารถโต้ตอบกันได้  ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ได้ดีขึ้น จดจำได้แม่นยำขึ้น และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ดีขึ้นด้วย ครูไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญเรื่อง IT แต่สามารถใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการเรียนการสอนได้

การศึกษาในห้องเรียนจะกลายเป็นการศึกษาแบบโบราณ Photo: Unsplash

Video-Assisted Learning การอัดวิดีโอการสอนของครูจะกลายเป็นตัวช่วยที่แพร่หลายมากชึ้นเรื่อยๆ และอาจเป็นในรูปแบบแอนิเมชันก็ได้ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจสิ่งที่ครูสอนมากขึ้น

Blockchain Technology การใช้ Distributed Ledger Technology (DLT) จากบล็อกเชนช่วยได้ ทุกครั้งที่มีการเพิ่มข้อมูลใหม่ๆ ก็สามารถเพิ่มบล็อกเข้าไปในระบบซึ่งมีพื้นที่ไม่จำกัด อีกทั้งยังสามารถแชร์ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในตลาดนัดวิชา Massive Open Online Courses (MOOCs) ได้อีกด้วย

เทรนด์การศึกษาในอนาคตจะต้องอาศัยเทคโนโลยี Photo: Unsplash

AI จะมา นอกจาก AI จะช่วยแบ่งเบาภาระของครูในการตรวจข้อสอบและให้คะแนนนักเรียนแล้ว ยังสามารถใช้ AI ในการจับตาดูความก้าวหน้าของนักเรียน และเตือนครูเมื่อนักเรียนเรียนอ่อนลง

Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) สามารถนำมาใช้ในการจำลองสถานการณ์จริง อย่างเช่นการทดลองผ่าตัดที่จะช่วยให้นักเรียนสามารถฝึกฝนการผ่าตัดแบบเสมือนจริงได้   

ที่มา : Crimson Education , www.flearningstudio.com 

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.