Home > Education > 12 มหาวิทยาลัยท็อปในอเมริกาด้าน STEM (Science, Tech, Engineering and Maths)

ท่านคงได้ยินมาแล้วว่าการเรียนสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) สามารถการันตีอาชีพการงานที่มั่นคงในอนาคตและค่าตอบแทนที่ดีสำหรับบุตรหลาน แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า การเลือกมหาวิทยาลัยที่จะเรียนด้าน STEM ให้ถูกต้องนั้นสำคัญยิ่ง เพราะหากเลือกผิดที่ บุตรหลานของท่านอาจพลาดโอกาสได้เงินเดือนปีละ 3  ล้านกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกก็เป็นได้ เราเลยอยากแนะนำให้ท่านหาข้อมูลว่า มหาวิทยาลัยใดในอเมริกาโดดเด่นด้าน STEM และหากมีโอกาส ให้ท่านลองพูดคุยกับศิษย์เก่าของสถาบันเหล่านี้ดู เพื่อจะได้เกร็ดความรู้เด็ดๆว่ามหาวิทยาลัยใดเหมาะกับลูกของท่านที่สุด

S – Science สุดยอดมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์

สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย หรือแคลเทค​  (California Institute of Technology or Caltech) เมือง    แพซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย

หากบุตรหลานของท่านดูแววไม่ได้ชอบทำงานจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ในองค์กรใหญ่อย่างกูเกิล  แคลเทคอาจเป็นตัวเลือกที่ “ใช่เลย” เพราะสถาบันเลื่องชื่อในแคลิฟอร์เนียแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่อยากต่อปริญญาเอก ชอบทำงานค้นคว้าวิจัยและชอบสอนเกี่ยวกับหัวข้อที่ตัวเองหลงใหล นักศึกษาของสถาบันแคลเทคได้รับโอกาสในการทำงานค้นคว้าวิจัยเริ่มตั้งแต่ปริญญาตรีเพื่อช่วยในการค้นหาหัวข้อที่สนใจจริงจัง มากกว่า 85% ของนักศึกษาปริญญาตรีก็เข้าร่วมโปรแกรมฤดูร้อนของมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสให้นักเรียนทำงานวิจัยกับศาสตราจารย์ของแคลเทค (Summer Undergraduate Research Fellowship – SURF)

ปล. แคลเทคยังเหมาะกับเด็กที่สนใจด้านอวกาศด้วย เพราะสถาบันแห่งนี้ยังได้รับการไว้ใจจากนาซ่าให้บริหารห้องแล็บขับเคลื่อนจรวด Jet Propulsion Laboratory (JPL) ของนาซ่าด้วย

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #4
อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #7 ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, #9 ด้านเคมี, #16 ด้านวัสดุศาสตร์, #115 ด้านการแพทย์, #8 ด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
ค่าเทอม: $68,901 ต่อปี

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด​ (Harvard University) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์

นักศึกษาของฮาร์วาร์ดสามารถเลือกเรียนคณะด้านวิทยาศาสตร์คณะใดก็ได้ เพราะการันตีว่า โดดเด่นทุกคณะ ภาควิชาเคมีและชีววิทยาเคมีของฮาร์วาร์ดมีศาสตราจารย์ที่ได้รับรางวัลโนเบลมากถึง 5 คนจากทั้งหมด 36 คน นั่นแปลว่า หากบุตรหลานของท่านเข้าเรียนสาขานี้ที่ฮาร์วาร์ด เขามีโอกาส 14% ที่จะได้เรียนกับผู้ชนะรางวัลโนเบล เรียกได้ว่า ได้เรียนกับหัวกะทิที่ปราดเปรื่องที่สุดของโลกเลยทีเดียว นอกเหนือไปจากนั้น ฮาร์วาร์ดยังมีห้องแล็บและศูนย์วิจัยระดับโลกให้นักศึกษาได้ใช้ด้วย หากอยากรู้ว่าทำอย่างไรให้ติดมหาวิทยาลัยไอวี่ลีกอันเลื่องชื่อแห่งนี้ ลองอ่านบทความนี้ดู

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #3
อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #1 ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, #5 ด้านเคมี, #5 ด้านวัสดุศาสตร์, #1 ด้านการแพทย์, #3 ด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
ค่าเทอม: $51,170 ต่อปี

มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์​ (Johns Hopkins University) เมืองบอลทิมอร์ รัฐแมริแลนด์

มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของสหรัฐอเมริกาที่ริเริ่มการทำค้นคว้าวิจัยภายในรั้วมหาวิทยาลัยแม้ว่าหลายคนจะเคยได้ยินเกี่ยวกับโรงเรียนแพทยศาสตร์ (Medical School) อันเลื่องชื่อของสถาบันแห่งนี้มาแล้ว บางคนคงไม่ทราบว่าปริญญาตรีของที่นี่ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ขออธิบายให้ฟังก่อนว่า การเรียนแพทย์ในอเมริกาไม่เหมือนกับการเรียนแพทย์ในเมืองไทย ในประเทศไทย นักศึกษาจะต้องเรียนแพทย์ 6 ปี ก่อนที่จะออกมาทำงานใช้ทุน 3 ปี แต่ของที่อเมริกานั้น การสอบเข้าหมอต้องเริ่มจากการที่เรียนจบปริญญาตรี 4 ปีก่อน ก่อนจะต่อโรงเรียนแพทยศาสตร์ (Medical School) อีก 4 ปี แล้วจึงทำ residency อีก 3-7 ปี  นักศึกษาปริญญาตรีของที่นี่สามารถร่วมฟังบรรยายสำคัญๆที่โรงเรียนแพทย์ซึ่งมักมีการเรียนเชิญผู้บรรยายระดับแนวหน้าของโลกมาพูด นอกจากนี้ ยังมีโอกาสอีกมากมายให้นักศึกษาทำงานวิจัยเพื่อร่วมแก้ปัญหาด้านการแพทย์ที่สามารถช่วยเพื่อนมนุษย์จำนวนมหาศาลได้

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #17
อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #22 ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, #51-100 ด้านเคมี, #51-100 ด้านวัสดุศาสตร์, #6 ด้านการแพทย์, #78 ด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
ค่าเทอม: $51,170 ต่อปี

……………………….

T – Technology สุดยอดมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยี

มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) เมืองสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย

ท่านทราบหรือไม่ว่ากูเกิ้ล สแนปแชต และเนตฟลิกซ์มีอะไรเหมือนกัน คำตอบคือ บุตรหลานของท่านใช้มันบ่อยๆ และ ทั้งสามองค์กรมีศิษย์เก่าของสแตนฟอร์ดเป็นผู้ก่อตั้ง

มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดมีความโดดเด่นอย่างมากในโลกของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะด้วยเพราะที่ตั้งที่อยู่ใจกลางซิลิคอนแวลลีย์ (Silicon Valley) หรือเพราะคณะ Computer Science ที่เป็นคณะเก่าแก่เป็นอันดับต้นๆของโลก รายได้ต่อปีโดยเฉลี่ยของนักศึกษาที่จบด้านเทคโนโลยีจากสแตนฟอร์ดอยู่ที่ 2.9 ล้านบาท (อ้างอิงจาก Payscale) แถมหลังจากทำงานไม่กี่ปี ศิษย์เก่าสแตนฟอร์ดก็มักจะก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีของตัวเอง จนสถิติกล่าวว่า รายได้รวมของบริษัทที่ศิษย์เก่าของสแตนฟอร์ดก่อตั้ง หากคิดเป็นเศรษฐกิจของประเทศแล้ว นับเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้ สแตนฟอร์ดยังอากาศดีมีแดดสดใสตลอดทั้งปีด้วย หากท่านอยากได้โอกาสพูดคุยใกล้ชิดกับนักเรียนไทยศิษย์เก่าของสแตนฟอร์ด แนะนำให้ลงทะเบียนมาฟังกิจกรรมนี้เลย

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #2
อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #2 ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และการจัดการข้อมูล, #2 ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
ค่าเทอม: $69,109 ต่อปี

สถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย หรือจอร์เจียเทค (Georgia Institute of Technology – Georgia Tech)​ เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย

จอร์เจียเทคเหมาะกับผู้ที่อยากเรียนสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (Computer Science – CS) สถาบันแห่งนี้มีสาขาเฉพาะทางมากกว่า 20 สาขาสำหรับด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ซึ่งกระจายอยู่ใน 3 ภาควิชา อาทิเช่น School of Computer Science, School of Interactive Computing และ School of Computational Science​ นอกจากนี้ นักศึกษาด้าน CS ยังสามารถทำงานวิจัยในโปรแกรมวิจัยปริญญาตรีด้านคอมพิวเตอร์ (Undergraduate Research Opportunities in Computing – UROC) ของมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งพวกเขาจะได้รับการเมนเทอร์ในหัวข้อที่ตนเองสนใจ นักศึกษายังสามารถส่งหัวข้อวิจัยของตัวเองในงานประกวดประจำปีของมหาวิทยาลัยเพื่อชิงเงินรางวัลด้วย

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #70
อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #28 ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และการจัดการข้อมูล, #16 ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
ค่าเทอม: $27,970 ต่อปีสำหรับบุคคลที่พำนักในรัฐจอร์เจีย, $48,566 สำหรับบุคคลที่ไม่ได้พำนักในรัฐ

มหาวิทยาลัยเทกซัส ออสติน (University of Texas at Austin – UT)  เมืองออสติน รัฐเทกซัส

หากบุตรหลานของท่านสนใจสร้างหุ่นยนตร์ ค้นคว้าเรื่องปัญญาประดิษฐ์ และทำ data mining มหาวิทยาลัยเทกซัส ออสตินอาจเป็นสถาบันสำหรับพวกเขา UT ยังมีโปรแกรมที่เรียกว่า CyberCorps: Scholarship for Service (SFS) หากเลือกคณะ Computer Science และได้เกียรติบัตรรองรับให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีข้อมูล (Information Technology) ภายใน 2 ปีสุดท้ายที่เรียนปริญญาตรี นอกจากจะได้ทุนการศึกษาเต็มจำนวนแล้ว ยังจะได้รับเงิน $22,500 ต่อปีด้วย ทั้งนี้ เงื่อนไขคือต้องตัดสินใจทำงานให้กับรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาหลังเรียนจบในด้าน Cybersecurity

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #67
อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #26 ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และการจัดการข้อมูล, #44 ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
ค่าเทอม: $25,338 ต่อปีสำหรับบุคคลที่พำนักในรัฐจอร์เจีย, $52,938 สำหรับบุคคลที่ไม่ได้พำนักในรัฐ

……………………….

E – Engineering สุดยอดมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมศาสตร์

สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology – MIT) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์

และแล้วในที่สุด มหาวิทยาลัยที่ทุกคนกำลังรอคอยก็มาถึง … มหาวิทยาลัย MIT! สำหรับ MIT นั้นนอกเหนือไปจากการเรียนการสอนและเนื้อหาที่เข้มข้นแล้ว ทางมหาวิทยาลัยยังมีโปรแกรมที่เรียกว่า  Undergraduate Research Opportunities Program (UROP) ซึ่งถือเป็นโปรแกรมที่ให้นักศึกษาได้มีโอกาสทำงานวิจัยเชิงลึกอย่างแท้จริง โดยที่นักศึกษาของ MIT ถึง 90% มีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมโปรแกรมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเกมส์ในแล็บหรือการสร้างหุ่นยนต์ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากในมหาวิทยาลัยอื่นๆ จึงไม่น่าแปลกใจว่า MIT เป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของด้านวิศวกรรม

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #1

อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #1  ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี, #1 ด้านวิศวกรรมเคมี, #1 ด้านวิศวกรรมโครงสร้างและโยธา, #1 ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า, #1 ด้านวิศวกรรมเครื่องกล อวกาศ และการผลิด

ค่าเทอม: $67,430 USD ต่อปี

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์​ (University of California, Berkeley – Cal) เมืองเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย

มหาวิทยาลัยที่สองที่เรามองข้ามไม่ได้เลยก็คือ University of California, Berkeley (Cal) ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้จะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐก็ตาม  แต่เรื่องของที่ตั้งของมหาวิทยาลัยก็ถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก ซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งถัดจากซิลิคอนวัลเลย์ ในขณะที่ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าโปรแกรมด้านวิศวกรรมที่นี่ไม่เป็นสองรองใคร เมื่องสองปีที่แล้วทางมหาวิทยาลัยได้เปิดโปรแกรมใหม่ที่ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมที่เปลี่ยนโฉมหน้าของการศึกษาเลยทีเดียวโปรแกรมดังกล่าวคือ The Management, Entrepreneurship and Technology Program (M.E.T.) ท่านลองจินตนาการถึงโปรแกรมที่มีการเรียนการสอนทั้งทางด้านวิศวกรรมและธุรกิจไปด้วยกัน ทำให้ท่านมีความรู้พื้นฐานที่แข็งแรงจากทั้งสองสาขาวิชาชีพ อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมที่เหมาะสำหรับสาวกสาย STEM ที่คลั่งไคล้ในเทคโนโลยีอีกด้วย

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #27

อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #8 ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี, #3 ด้านวิศวกรรมเคมี, #2 ด้านวิศวกรรมโครงสร้างและโยธา, #3 ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า, #4 ด้านวิศวกรรมเครื่องกล อวกาศ และการผลิด

ค่าเทอม: $62,414 USD ต่อปี

มหาวิทยาลัยฮาร์วีย์ มัดด์ (Harvey Mudd College) เมืองแคลร์มอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย

ชื่อของมหาวิทยาลัยแห่งที่สามนี้อาจจะแทบไม่เป็นที่คุ้นหูของท่านผู้อ่านจำนวนมาก แต่เชื่อหรือไม่ว่ามหาวิทยาลัยเล็กๆ แห่งนี้คือหมาวิทยาลัยที่มีโปรแกรมด้านวิศวกรรมที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยา Liberal Arts ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาดังกล่าวทำให้รูปแบบการเรียนการสอนต่างจากมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียนขนาดเล็ก จำนวนนักเรียนต่อห้องจำนวนน้อยทำให้นักศึกษากับอาจารย์ใกล้ชิดกันมากขึ้น การทดลองต่างๆ ก็จะเป็นลักษณะที่ทุกคนได้ลงมือทำจริงๆ รวมไปถึงการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเพื่อนชั้นเดียวกัน นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังให้ความสำคัญกับการปูพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้แน่นเพราะมองว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ทำให้นักศึกษาที่จบออกไปเป็นวิศวกรที่ยอดเยี่ยม จุดนี้เองทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาชอบที่จะจ้างเด็กจบจากที่นี่!

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): ไม่ปรากฎ

อันดับในสาขาวิชาต่างๆ: #1 ด้านวิศวกรรมศาสตร์สำหรับมหาวิทยาลัยที่สอนเฉพาะระดับปริญญาตรี (US News & World Reports), #3 ด้าน STEM (Forbes)

ค่าเทอม: $74,428 USD a year

……………………….

M – Mathematics สุดยอดมหาวิทยาลัยด้านคณิตศาสตร์

มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) เมืองพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์

หากคุณกำลังฝันที่จะเป็นอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์คนต่อไป มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันจะช่วยให้ฝันของคุณเป็นจริง ที่ภาควิชาคณิตศาสตร์ของที่นี่ อาจารย์ทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือและผลักดันให้นักศึกษาเป็นนักคณิตศาสตร์อันดับหนึ่งของโลก การที่นักศึกษาต้องเลือกวิชาหลักส่วนใหญ่ในภาควิชา ทำให้ช่วงเวลา 4 ปีนั้นเป็นเวลาที่นักศึกษาจะได้แก้ปัญหาโจทย์ที่ยากที่สุดในโลก ภาควิชานี้อาจจะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้เก่งอย่างที่คุณคิดแต่ในขณะเดียวกันผลที่ได้คือคุณจะเป็นคนที่เก่งด้านนี้ที่สุดคนนึงของโลก ดังนั้นถ้าคุณรักความท้าทาย ที่นี่คือที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ!

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #13

อันดับในสาขาคณิตศาสตร์: #7

ค่าเทอม: $67,100 USD ต่อปี

มหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago – UChicago)  เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์​​

ในฐานะนักศึกษาเอกวิชาคณิตศาสตร์ คุณจะได้เรียนวิชาที่หลากหลายตั้งแต่ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ อัลจีบรา ไปจนถึงแคลคูลัส ถ้าคุณเป็นคนที่รักคณิตศาสตร์เป็นชีวิตจิตใจ ที่นี่คือที่ที่เหมาะสำหรับคุณมากที่สุดแห่งหนึ่ง หากคุณต้องการที่จะใช้เวลาในการแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์กับคนที่มีความสนใจคล้ายกัน ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีโปรแกรมที่เรียกว่า Directed Reading Program ที่จะมีการจับคู่ระหว่างนักศึกษาระดับปริญญาตรีกับนักศึกษาปริญญาโทหรือเอกเพื่อที่จะทำโปรเจ็คร่วมกัน นอกจากนี้มหาวิทยาลัยชิคาโกยังมีโปรแกรมการทำวิจัยให้กับนักศึกษาระดับปริญญาตรีในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งนักศึกษาจะได้ทั้งประสบการณ์ ผลงาน และรวมไปถึงค่าตอบแทนอีกด้วย!

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #10

อันดับในสาขาคณิตศาสตร์: #13

ค่าเทอม: $74,526 USD a year

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย  ลอสแอนเจลิส (University of California, Los Angeles – UCLA) เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย

สำหรับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ คุณสามารถเลือกเมเจอร์วิชาคณิตศาสตร์ได้ทั้งหมด 4 สาขา หากคุณสนใจด้านทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ คุณสามารถเลือกวิชาเอกเป็นคณิตศาสตร์ (Mathematics)โดยเฉพาะ แต่หากคุณสนใจในส่วนของการนำเอาคณิตศาสตร์ไปใช้ในชีวิตจริง คุณสามารถเลือกเอกวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ได้ (Applied Mathmatics) หากคุณหลงใหลในสถิติและด้านธุรกิจ คุณสามารถเลือกเอกวิชาคณิตศาสตร์ประกันภัย (Financial Actuarial Math) และหากคุณสนใจด้านคอมพิวเตอร์ คุณสามารถเลือกเอกวิชาคณิตศาสตร์การคำนวณ (Math of Computation) ได้เช่นกัน การที่มหาวิทยาลัยมีถึง 4 สาขาเฉพาะทางด้านคณิตศาสตร์นั้นทำให้นักศึกษาสามารถที่จะได้ศึกษาเชิงลึกได้จริงๆ ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการหางานที่เสนอเงินเดินสูงในสาย STEM

อันดับของมหาวิทยาลัย (QS): #33

อันดับในสาขาคณิตศาสตร์: #9

ค่าเทอม: $61,618 USD ต่อปี

………………………………………………

หากอ่านแล้ว ยังอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมของมหาวิทยาลัย STEM อีก ก็ลองมาฟังอีเว้นท์ดีๆ หัวข้อ Tech is the Future: How to Get into Top US Universities for Computer Science and Engineering ไม่เสียค่าใช้จ่ายที่จัดโดยบริษัท คริมสัน เอ็ดดูเคชั่น วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ลงทะเบียนได้ ที่นี่ คลิกเลย!

……………………….
เครดิต: Crimson Education
Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.