โรงเรียนแห่งอนาคต ทั้ง 5 นี้ จะมาเปลี่ยนโฉมหน้าการเรียนในยุคสมัยใหม่ ที่การเรียนรู้นอกห้องเรียนสำคัญไม่แพ้การเรียนรู้ในห้องเรียน โดยมีคุณครูคอยแนะนำและอำนวยความสะดวกให้การเรียนรู้ของนักเรียนง่ายขึ้นกว้างขึ้นและลึกขึ้นเท่านั้น เพื่อค้นให้เจอวิชาที่ตนเองสนใจเพื่อเรียนรู้ต่อไปในอนาคต
Jump To / Table of Contents
1 /5
Green School เปิดสอนเมื่อปี 2008 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซียเป็นแห่งแรก และจากนั้นก็มีทั้งที่นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ และเม็กซิโกตามมา โดยมีเป้าหมายท่ีจะฝึกฝนเด็ก ให้สามารถนำวิชาท่ีเรียนไปประยุกต์ใช้กับโลกแห่งความเป็นจริงภายนอก เพื่อเป็นพลเมืองที่ดีของโลก และเพื่อความยั่งยืนของมวลมนุษยชาติ
ในการเรียนการสอนของ Green School มุ่งเน้นให้นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ นักเรียนจะได้เรียนในห้องเรียนปราศจากผนัง ที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุที่หาได้ในธรรมชาติ ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ส่วนรถโรงเรียนก็ใช้น้ำมันพืชใช้แล้ว เป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน เป็นการปลูกฝังให้เด็กมีจิตสำนึกรักโลก รู้ที่มาของแหล่งกำเนิดอาหาร ซึ่งก็คือธรรมชาตินั่นเอง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จะได้เรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ จากการสร้างสะพานแขวนไม้ไผ่ข้ามแม่น้ำ Ayung ส่วนนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จะมีโอกาสได้ออกแบบและสร้างระบบพลังงานแสงอาทิตย์และพลังน้ำ สำหรับใช้ในโรงเรียนร่วมกับ University 0f Cologne
นอกจากนี้ทาง Green School ยังเปิดบริษัทเสื้อผ้า โดยบริจาครายได้ส่วนหนึ่ง นำไปซื้อเครื่องแบบนักเรียนให้แก่เด็กยากจนในอินเดีย และอินโดนีเซีย
จากผลการสำรวจของ World Economic Forum พบว่าการเรียนการสอนใน Green School ส่งผลดีแก่เด็กที่ต้องการการเรียนรู้แบบพิเศษ ทำให้เด็กเครียดน้อยลง มีความอดทน และสามารถมีใจจดจ่อกับการเรียนมากขึ้น มีความมั่นใจในตัวเอง และมีแรงจูงใจท่ีจะเรียนรู้เพิ่มขึ้น มากกว่านักเรียนโรงเรียนอื่นๆทั่วไป
Photo: Green School Bali
2 /5
TKS ก่อตั้งเมื่อปี 2016 ในโทรอนโท เปิดสอนหลักสูตรนอกห้องเรียน ระหว่างเดือนกันยายนจนถึงมิถุนายน เป็นระยะเวลา 3 ปี สำหรับเด็กวัย 13-18 ปี เพื่อเสริมสร้างทักษะทางเทคโนโลยี และการเป็นผู้ประกอบการ คู่ขนานไปกับหลักสูตรของรัฐบาล โดยใช้เวลาฝึกนอกห้องเรียนสัปดาห์ละ 10 ชั่วโมง ปัจจุบันนอกจากโทรอนโทแล้ว ยังได้ขยายไปยังนิวยอร์ก ลาสเวกัส ออตตาวา และบอสตันด้วย
นักเรียนของ TKS จะได้เรียนรู้ภายใต้บรรยากาศจำลอง ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้สัมผัสนวัตกรรมล้ำๆ อย่าง บล็อคเชน หุ่นยนต์ และ AI เพื่อให้เด็กสามารถเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือเหล่านี้ ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ขับดันโลกยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ TKS ยังร่วมมือกับห้างวอลมาร์ท Airbnb, TD Bank เพื่อให้เด็กรู้จักโลกความเป็นจริงที่มีความท้าทายรออยู่ โดยใช้กรอบคิดที่ได้จาก McKinsey&Company
ในปีแรกจะเป็นการปูพื้นฐานทางด้านเทคนิค และทักษะการสื่อสาร นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี 40 อย่าง เพื่อให้สามารถเลือกเทคที่ตนเองสนใจมากที่สุด ปีต่อมาจะได้ลงลึกในรายละเอียด และในปีที่สามนักเรียนจะได้เปิดบริษัทเทคของตัวเอง
ทั้งหมดนี้ทาง TKS จะได้ร่วมมือกับบริษัทเทคชื่อดังอย่าง Zappos ในลาสเวกัส ไมโครซอฟท์ในนิวยอร์ก นอกจากนี้นักเรียนจะได้มีโอกาสขึ้นพูด บนเวทีประชุมใหญ่ของวงการเทคระดับโลกอย่าง Web Summit, SXSW, TEDx, Consumer Electronics Show อีกด้วย เรียกว่าไม่ธรรมดาเลย
Photo: tsk.world
3 /5
TEKY เปิดสอนเมื่อปี 2017 วิชา STEAM (Science, Technology, Engineering, Art, Mathematics) แห่งแรกขึ้นในเวียดนาม สำหรับเด็กวัย 6-18 ปี ประกอบด้วยแล็บ 16 แห่งใน 5 เมืองใหญ่ของเวียดนาม และยังร่วมกับโรงเรียนอีก 30 แห่ง เปิดคอร์สสอนเรื่องเทคโนโลยีเป็นระยะเวลานาน 9-18 เดือน
นอกจากนี้ TEKY ยังเปิด Coding Camp ให้นักเรียนเรียนในช่วงวันหยุดอีกด้วย และได้พัฒนาแพลตฟอร์ม e-learning เพื่อทำการสอนให้แก่เด็กที่อยู่ในดินแดนห่างไกล โดยมุ่งสอนวิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ ออกแบบเว็บไซต์ การสื่อสารทางมัลติมีเดีย และการ์ตูน โดยระดมทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาออกแบบหลักสูตร
นักเรียนของ TEKY จะได้ใช้เวลา 80% ของเวลาเรียน ไปกับการเรียนรู้การโต้ตอบด้วยเทคโนโลยี โดยเรียนคลาสละ 3-8 คน และเปิดโอกาสให้เด็กเป็นฝ่ายนำ และเข้าร่วมกับโครงการนำร่องหลายอย่าง ก่อนจะเลือกเรียนวิชาที่พวกเขาสนใจมากที่สุด
นักเรียนจะได้เข้าร่วมการแข่งขันย่อยทุกไตรมาส และทุกปีทาง TEKY จะจัด ให้มีการร่วมแข่งขันใน Minecraft Hackathon ระหว่างเด็กในเวียดนามจำนวนกว่าพันคน
แค่ปีแรกนักเรียนของ TEKY ก็ชนะการแข่งขัน WeCode International Children’s Program มาครองได้ถึง 5 เหรียญ ต่อมาในปี 2019 ชนะเหรียญเงินในการแข่งขัน World Robot Olympiad
TEKY เองยังได้รับรางวัลทรงเกียรติ โดยเป็นหนึ่งใน Top 10 Social Impacted Projects ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจัดอันดับโดยรัฐบาลออสเตรเลีย และเป็นหนึ่งใน Top 4 โครงการจาก NextGen Conference ที่สวิตเซอร์แลนด์
Photo: teky.edu.vn
4 /5
iEarn ย่อมาจาก International Education and Resource Network เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ก่อตั้งเมื่อปี 1988 โดยร่วมกับโรงเรียนและสถาบันกว่า 30,000 แห่งใน 140 ประเทศ
โดยมุ่งหวังที่จะสร้างชุมชนโลกผ่านเครือข่ายออนไลน์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยร่วมมือกับโครงการเรียนรู้ของนักเรียนทั่วโลกกว่า 2 ล้านคน นอกจากนี้ทาง iEARN ยังมีเป้าหมายท่ีจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางท่ีดีให้แก่โลก ผ่านโครงการจำนวนมากกว่า 150 โครงการ ซึ่งครูสามารถนำมาใช้ในการสอนเสริมหลักสูตร
ยกตัวอย่างเช่นโครงการ The Future Citizen ของ iEARN ที่มุ่งสำรวจสิทธิและหน้าที่พลเมือง มีการหาข้อมูลเกี่ยวกับกฏหมายท้องถิ่น การเลือกตั้ง ระบบการปกครอง การทำสารคดีอธิบายบุคลิกลักษณะ ของการเป็นพลเมืองท่ีดี
มีการรวมชั้นเรียนชั้นละ 6-8 คน เป็นระยะเวลานาน 3-4 เดือน จากนั้นรายงานสิ่งที่พบเห็น รวมถึงผลลัพธ์ ผ่านนิทรรศการเสมือนจริงของ iEARN ซึ่งจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้เด็กมีแรงจูงใจ มีความมั่นใจที่จะแลกเปลี่ยนโต้ตอบ ภายใต้ความแตกต่างทางวัฒนธรรม
Photo:iearn.org
5 /5
เป็นที่ทราบกันดีว่าระบบการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ เป็นระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก และโรงเรียนที่ดีที่สุดในโลกก็ย่อมต้องเป็นโรงเรียนในฟินแลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย และ South Tapiola High School ก็เป็นโรงเรียนนั้น
South Tapiola High School ก่อตั้งเมื่อปี 1958 สามารถรองรับเด็กจำนวน 500 คน เปิดสอนหลักสูตรแห่งชาติฟินแลนด์ ผสมผสานกับหลักสูตรที่ร่างโดยรัฐบาลฟินแลนด์
นักเรียนของ South Tapiola High School สามารถทำคะแนนได้ดี ในการประเมินผลระดับชาติ ปี 2019 สามารถทำคะแนนวิชาเลขและเคมี ได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยมากกว่า 2 เท่า นักเรียนโรงเรียนนี้สามารถเข้าเรียนแพทย์ได้มากกว่านักเรียนทั่วไปถึงสองเท่า และเข้าเรียนวิชากฏหมายได้มากกว่าโรงเรียนอื่นถึงสามเท่า
Photo: South Tapiola High School
ที่มา : World Economic Forum