นิสัยรักการอ่านต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ แต่ท่ามกลางทะเลหนังสือที่มีให้เลือกละลานตา แล้วจะเลือกเล่มไหนมาไว้บนชั้นหนังสือของลูกคุณดี! HELLO! ขอแนะนำให้ The American Library Association คัดสรรมาให้คุณดีกว่ากับหนังสือเด็กที่ได้รางวัลและได้รับคำชมเชยประจำปี 2018 นี้

Wolf in the Snow โดย Matthew Cordell
หนังสือภาพที่เกือบจะไม่มีตัวหนังสือเล่มนี้เล่าถึงเรื่องของเด็กหญิงในเสื้อคลุมพาร์กาสีแดงกับลูกหมาป่าที่ถูกทอดทิ้งที่เธอผูกมิตรด้วย ทั้งคู่นั้นหลงทางและพยายามหาทางกลับบ้านของตัวเอง ภาพประกอบในเล่มจึงทำหน้าที่เล่าเรื่องราวระหว่างทางของตัวเอกทั้งคู่โดยที่ตัวหนังสือในเล่มใช้บรรยายถึงเสียงที่เกิดขึ้นเท่านั้น อย่างเช่น เสียงเห่าของลูกหมาป่า แต่รับรองว่าภาพประกอบจะดึงดูดสายตาของลูกรักให้ไม่อาจคลาดไปจากแต่ละหน้าของหนังสือเลยทีเดียว


.
Hello, Universe โดย Erin Entrada Kelly
เหมาะกับเด็กที่โตขึ้นมาอีกนิด (8 ขวบขึ้นไป) เพราะเล่าเรื่องผ่านสายตาของเด็กมัธยมสี่คนที่ตอนแรกไม่ได้เป็นเพื่อนกันเพราะต่างก็มีความเฉพาะตัวและไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด แต่การเล่นตลกที่ไม่เป็นไปตามแผนนั้นทำให้ทั้งสี่คนต้องมาใช้เวลาด้วยกันและเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกันให้ดีขึ้น

.
Charlie & Mouse โดย Laurel Snyder
เรื่องราวของสองพี่น้องจอมซนกับการผจญภัยในละแวกบ้านที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ขันและการันตีเสียงหัวเราะ ผ่านการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายแต่สมจริงจนคุณอาจนึกในใจระหว่างอ่านให้เจ้าตัวเล็กฟังว่า “นี่มันลูกเราชัดๆ” โดดเด่นด้วยการใช้คำศัพท์ซ้ำๆ จึงเหมาะสำหรับนักอ่านรุ่นจิ๋วที่เริ่มหัดอ่านหนังสือเอง


.
La Princesa and the Pea โดย Susan Middleton Elya
นี่ไม่ใช่นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงกับเมล็ดถั่ว” ที่คุ้นเคยกันเพราะนิทานเปรูเรื่องนี้มีการหักมุมใหม่ๆ พร้อมสอดแทรกคำศัพท์ง่ายๆ ภาษาสเปนไว้ด้วย ว่าด้วยเรื่องของเจ้าชายที่ไปปิ๊งหญิงสาวสวย แต่พระมารดาของพระองค์นั้นช่างเลือกสุดๆ จึงกลายเป็นที่มาของบททดสอบเรื่องฟูกกับเมล็ดถั่ว เพียงแต่ว่าในเวอร์ชั่นเปรูนี้ เจ้าชายเองก็ใช่ย่อยและมีแผนการของพระองค์เองเช่นกัน


.
Big Cat, Little Cat โดย Elisha Cooper
เรื่องราวมิตรภาพของแมวโดดเดี่ยวสองตัวที่ได้มาผูกพันกัน ผ่านวันคืนที่ยาวนานเป็นปีๆ จนกระทั่งวันหนึ่งแมวอาวุโสต้องลาจากไปตลอดกาล แม้จะสะเทือนอารมณ์แต่การเล่าเรื่องที่คมกริบพร้อมภาพประกอบทูโทนขาว-ดำช่วยให้การสอนเด็กๆ เรื่องชีวิตและการพลัดพรากตลอดจนการใช้ชีวิตต่อไปเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับพ่อแม่


.
A Different Pond โดย Bao Phi
เรื่องราวของเด็กชายชาวเวียดนามที่พ่อแม่ของเขาอพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทุกเช้าเขากับพ่อจะไปตกปลาเพื่อจับมาเป็นอาหารเย็นก่อนที่พ่อของเขาจะต้องไปทำงาน ระหว่างเดินไปด้วยกัน พ่อจะเล่าให้เขาฟังถึงชีวิตที่ต้องดิ้นรนเพื่อจะสร้างครอบครัวที่มั่นคงในดินแดนแห่งความหวังแห่งนี้ ตลอดจนชีวิตที่บ่อน้ำอีกแห่งในเวียดนามซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของโลก เป็นเรื่องเล่าที่งดงามและเฉียบคม สอนให้เด็กๆ ได้รู้จักโลกที่แตกต่างกันผ่านภาพประกอบที่เปี่ยมด้วยรายละเอียดงดงาม



……………………………………………………………………………………
Cr. www.pixabay.com