Home > Education > ธีรเชษฐ์​ โรจน์รัชสมบัติ เผชิญ Covid-19 นานกว่าครึ่งปี ระหว่างเรียนเรื่อง Earth System Science ที่ Stanford University

หากยังจำกันได้ HELLO! Education เคยพูดคุยกับเขาในฐานะเจ้าของเหรียญทองภูมิศาสตร์โอลิมปิกประจำปี 2017 และในฐานะตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันปรัชญาโอลิมปิกประจำปี 2018 ปัจจุบันเขาได้ทุนรัฐบาลไทยในการเข้าเรียนปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกในต่างประเทศ และเขาเลือกเรียนปี 1 ทางด้าน Earth System Science ที่ Stanford University และต้องเผชิญวิกฤติ Covid-19 ในช่วงที่สหรัฐอเมริกามีอัตราการติดเชื้อมากเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่นานกว่าครึ่งปี

HELLO! ได้พูดคุยกับน้องไดร์ฟธีรเชษฐ์ โรจน์รัชสมบัติ ภายหลังเขาออกจากการกักตัวเป็นเวลานาน 14 วันตามมาตรการของรัฐบาลเมื่อกลับถึงเมืองไทยผมเป็นเด็กไทยที่ยังอยู่มหาวิทยาลัยเพียงคนเดียว ขณะที่คนอื่นกลับบ้านตั้งแต่เดือนมีนาคม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่เผอิญผมได้งานผู้ช่วยวิจัยที่มหาวิทยาลัยช่วงซัมเมอร์เป็นเวลานานสามเดือน และเพราะผมคิดว่าพอเปิดเทอม Fall แล้วทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ เลยตัดสินใจอยู่ต่อ ปรากฏว่าผมเลือกผิด (หัวเราะ) มันแย่กว่าที่คิดมากเลย

แต่ Stanford ดูแลนักเรียนดีมาก ผมต้องเรียนออนไลน์จากหอพักของมหาวิทยาลัย โชคดีที่เพื่อนสนิทผมเลือกอยู่ต่อเหมือนกันหมด คนหนึ่งมาเช่าบ้านอยู่ข้างมหาวิทยาลัย ก็เลยได้เจอกันบ่อย วันๆทำได้แค่เรียน กับทำงาน บางทีก็วิ่งหรือปั่นจักรยานรอบมหาวิทยาลัย ถ่ายรูป ไม่ก็ไปเทร็กกิ้งที่ภูเขาหลังมหาวิทยาลัย ส่วนห้องสมุดหรือ facility อื่นๆของมหาวิทยาลัยปิดหมดเลย

หนุ่มไดร์ฟนักเรียนไทยที่เผชิญ Covid-19 ในอเมริกา

ตลอดเวลาหกเดือนที่ผมอยู่มหาวิทยาลัย ดีที่สามเดือนสุดท้ายเขายุบโรงอาหารทุกแห่งเหลือแค่แห่งเดียว ทำให้ได้ทานอาหารฝีมือเชฟที่ดีที่สุดที่เขามาอยู่ด้วยกัน เลยกลายเป็นว่าผมได้กินอาหารระดับภัตตาคารทุกวัน ซึ่งอร่อยมาก (หัวเราะ)

ผมได้นั่งรถเพื่อนไปเที่ยวป่ากันบ้าง เพราะเรากลัวเจอคน ไปปีนเขาดูดาวกัน แอบกลัวสัตว์ป่านิดหนึ่ง แต่ไม่มีอะไร สองเดือนแรกที่มี Covid-19 หามาสก์ไม่ได้เลย แต่ตอนนี้ล้นตลาดแล้ว ทุกคนหันมาทำ Social Distaning จริงจัง มีคนไม่ทำตามเหมือนกันครับ เพราะเขาไม่แคร์และไม่เชื่อว่ามี Covid-19 และไม่เชื่อว่าการใส่มาสก์ช่วยได้ แต่ก็น้อย ซึ่งทำให้ผมเหนื่อยใจและไม่แปลกใจเลยว่า เพราะอะไรอเมริกาถึงมีคนติดเชื้อหลายล้านคน

หลังจากอยู่อย่างหงอยเหงาในแคมปัสของ Stanford มาเป็นเวลานานหกเดือน เขาจึงตัดสินใจพักการเรียนไว้ก่อนผมดร็อปเรียนเลย เพราะไม่อยากเรียนออนไลน์อีกแล้ว ทรมานมาก แต่ถ้าอยู่เมืองไทยแล้ว 9 เดือนแล้วยังไม่เกิดอะไรขึ้น ผมถึงจะเรียนออนไลน์ ตอนนี้ก็ได้แต่รอว่าจะมีคนพัฒนาวัคซีนออกมา ซึ่งคงไม่ใช่ในปีนี้แน่นอน

Earth System Science

ระหว่างที่น้องไดรฟ์ดร็อปเรียนมาอยู่ไทย เขาตั้งใจจะเป็น YouTuber สอนเกี่ยวกับ Earth System Science ที่เขาไปเรียนรู้มาจาก Stanford รวมทั้งวิชาปรัชญาที่เขาถนัด ซึ่งวิชา Earth System Science นี้เป็นอย่างไร หนุ่มไดร์ฟบอกเราว่า

วิชา Earth System Science ที่ผมเลือกเป็นเมเจอร์ เป็นสาขาที่ค่อนข้างใหม่ หลักๆเลยคือเขามองว่าโลกนี้ประกอบด้วยระบบต่างๆที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว อย่างเช่นภูมิอากาศ การหมุนเวียนของสารเคมีในโลก รวมทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ในไทยไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญ แต่ตอนผมแข่งภูมิศาสตร์โอลิมปิก ได้เรียนเรื่องนี้ค่อนข้างลึกและกลายเป็นว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมรวมทั้ง Climate Change เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก แต่คนไม่สนใจเลย ทีนี้ผมคิดว่าในเมื่อไม่มีใครสนใจ ผมก็ต้องทำเอง

ระหว่างพักจากการเรียนคือการท่องเที่ยว

ในการเรียนเขาใช้คอมพิวเตอร์ในการจำลองปรากฏการณ์เหล่านี้ออกมาเป็นโมเดล เพื่อจะศึกษาและทำนายอนาคตว่า โลกในอีก 100 ปีข้างหน้าหน้าตาจะเป็นยังไง ถ้ามนุษย์ยังทำแบบนี้อยู่ หรือถ้ามีนโยบายนี้หน้าตาโลกจะเป็นยังไง ซึ่งการจะจำลองโลกขึ้นมาได้ เราต้องเข้าใจทุกอย่างเสียก่อน ต้องเรียนทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ธรณีวิทยา และอยู่ที่เราจะสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ผมก็จะไปในแนวภูมิอากาศ หรือชั้นบรรยากาศโลก

ด้วยความที่ Stanford อยู่ใกล้กับซิลิคอนวัลเลย์ ทำให้การเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยเน้นหนักในเรื่องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก

ผมนึกว่าตัวเองจะไม่โดนดึงดูดเข้าไปสายนี้ แต่กลายเป็นว่าสุดท้ายผมต้องเรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เทอมแรกเขาเปิดกว้างให้นักเรียนอยากเรียนอะไรก็เรียน ผมเลยไปลงเรียนแลนด์สเคปพื้นที่ในแคลิฟอร์เนีย มีการออกภาคสนามเพื่อดูว่ากระบวนการทางธรรมชาติเป็นยังไง เรียนเรื่องภาวะโลกร้อนกับคนที่เป็นท็อปของโลกในสาขานี้ ทำให้มุมมองผมเปลี่ยนไปมากเพราะคลาสนี้

เขาได้งานผู้ช่วยวิจัยจากโปรเฟสเซอร์ และได้ศึกษาเรื่องระบบมรสุมในทวีปอเมริกาเหนือมีองค์กรต่างๆที่รวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว ผมก็แค่ดาวน์โหลดข้อมูลมา แล้วก็เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากที่เรียนมา เป็น AI แบบง่ายๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก ซึ่งผมก็ศึกษาว่าภาวะโลกร้อนทำให้ระบบมรสุมเปลี่ยนไปยังไง และผลงานนี้จะได้ตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์เร็วๆนี้

ไดร์ฟ ณ มุมหนึ่งใน Stanford University

จุดประสงค์ของการเรียนวิชานี้คือ การทำนายอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลก เพื่อส่งต่อให้ Policy Maker ใช้ในการตัดสินใจว่าจะสร้างเขื่อนหรือมีมาตรการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแบบไหนถึงจะสามารถรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศไทยเราอิงกับเกษตรกรรมค่อนข้างมาก ถ้าหากสภาพแวดล้อมไทยเปลี่ยนไป สิ่งที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากก็คือพื้นฐานเศรษฐกิจไทย เราจึงควรที่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือเรื่องเหล่านี้ในอนาคต แต่ก็อย่าเพิ่งหมดหวังเสียทีเดียว เรายังมีทางออกอีกมากมาย อยู่ที่เราจะทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง

น้องไดร์ฟหวังอีกว่าเขาจะเรียนปริญญาตรีควบปริญญาโทให้จบภายในระยะเวลา 4 ปี เพื่อจะเรียนต่อปริญญาเอกอันเป็นเป้าหมายใหญ่ในขณะนี้ของเขา จากนั้นเขาหวังอย่างยิ่งที่จะกลับมารับใช้ชาติด้วยการเล่นการเมือง เพื่อจะได้แก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เขายังฝากถึงรุ่นน้องๆอีกด้วยว่า ต่อไปวิชาที่จะมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับศตวรรษนี้และศตวรรษหน้า นั่นก็คือการเรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

ทักษะที่โลกต้องการก็คือทักษะทางคอมพิวเตอร์ อย่าง Python เพราะมีประโยชน์มากครับ ในยุคที่มี Big Data การใช้ AI มีประโยชน์มากในการประมวลผลข้อมูล ถ้าไม่อยากถูกดิสรัปต์ด้วย AI เราก็ควรเป็นฝ่ายใช้ AI เสียเอง และจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคตได้อีกมากมาย               

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.