Home > Education > Interviews > Talent > Exclusive Interview เจ้าชายแข้งทอง ฟาอิก เจฟรี โบลเกียห์

เจ้าชาย ฟาอิก เจฟรี โบลเกียห์ (Faiq Jefri Bolkiah) เป็นโอรสองค์สุดท้องในจำนวนโอรสทั้ง 4 องค์ในเจ้าชายเจฟรี โบลเกียห์ พระอนุชาในสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน ฮัสซานัล โบลเกียห์ ฟาอิก แห่งบรูไน กษัตริย์ที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในโลก

เหตุผลที่ HELLO! Education เลือกที่จะขอประทานสัมภาษณ์เจ้าชาย ฟาอิก ไม่ใช่เพราะการจัดอันดับนักฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แล้วปรากฏว่าพระองค์ทรงเป็นนักฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ร่ำรวยกว่าคริสเตียโน โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี โดยทรงมีสินทรัพย์ในครอบครองมากถึง 7 แสนล้านบาท

หากแต่เป็นเพราะว่าปัจจุบันเจ้าชาย ฟาอิก ทรงเป็นปีกซ้ายของทีมราชบุรี FC ทีมฟุตบอลไทยทีมที่สองที่เจ้าชายเคยอยู่ในสังกัด หลังจากทรงเล่นให้กับทีมชลบุรี FC เป็นทีมแรกในไทย

ประสูติที่สหรัฐอเมริกา เรียนที่อังกฤษ

เจ้าชาย ฟาอิก ประสูติที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา และได้ทรงย้ายไปใช้ชีวิตวัยเยาว์ที่ประเทศอังกฤษ ท่านตรัสเล่าแก่ HELLO! Education ว่า

ฟาอิก โบลเกียห์
เจ้าชายฟาอิก โบลเกียห์ ทรงพระสำราญที่อังกฤษ

“ผมเรียนที่อังกฤษตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาที่ Woolton Hill Junior School ที่เบิร์คเชียร์ ตั้งแต่ 3 ขวบจนถึง 12 ขวบ จากนั้นเข้าเรียนมัธยมที่ Bradfield College ที่เบิร์คเชียร์อีกเหมือนกัน ผมเป็นเด็กเรียนดี ไม่ว่าจะเป็นการสอบ GCSE หรือ A level พูดตามตรงว่าผมพยายามตั้งใจเรียน  

ท่านยังเสริมอีกว่า ทรงเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ตอนที่ยังเยาว์วัยมากๆ พระชันษาแค่ 6-7 ปี โดยเล่นในทีมท้องถิ่น ซึ่งในอังกฤษจะมีทีมเยาวชนให้เล่น และไต่เต้าจากตรงนั้นตามระบบของอังกฤษ

“ผมได้อยู่ในทีม AFC Newbury และสามารถทำประตูได้ดี ก็เลยมีแมวมองมาทาบทามผมให้เข้าทีม Southampton FC Academy ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก (ยิ้มกว้าง) และตอนนี้เองที่ผมเริ่มรู้ตัวว่าเราก็เล่นดี และอยากเอาจริงเอาจังกับฟุตบอล พ่อแม่สนับสนุนผมทุกอย่างที่อยากทำ พอผมบอกท่านว่าจะเล่นฟุตบอลจริงจังเป็นอาชีพนะ ขอเรียนจบแค่มัธยมปลาย เพราะเป็นเรื่องยากที่จะเรียนไปด้วยเล่นฟุตบอลไปด้วย

“มีบ่อยครั้งเลยที่ผมต้องขาดเรียนและต้องติวเสริมในส่วนที่เพื่อนเรียนไปแล้ว เพื่อจะได้เรียนให้ทันเพื่อน หลังจากจบมัธยม ผมจึงทูลขอพระบิดาว่าอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพก่อน แล้วค่อยกลับไปเรียนปริญญาตรีอีกครั้ง หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพแล้ว ท่านก็รับรู้และอนุญาตให้ผมเข้าสู่วงการลูกหนัง เพราะทรงทราบดีว่าผมเป็นนักกีฬาดีกว่าเป็นนักเรียน ผมโชคดีและขอบคุณที่พ่อแม่เข้าใจ เพราะรู้ดีว่ายังมีเด็กอีกมากที่พ่อแม่ไม่สนับสนุนให้เขาทำตามที่ตัวเองตั้งใจ”

เข้าสู่วงการค้าแข้ง

ฟาอิก โบลเกียห์
เจ้าชาย ฟาอิก โบลเกียห์ ฉายพระรูปร่วมกับเจ้าชาย อับดุล มาทีน แห่งบรูไน

จากนั้นเจ้าชาย ฟาอิก ก็ได้ย้ายไปอยู่ทีม Chelsea และทีม Leicester City ตามลำดับ และทรงเป็นตัวสำรองมาโดยตลอด ท่านเสริมว่า การได้ร่วมงานกับคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ทำให้ทรงเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมายตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ร่วมทีม และทรงสนุกมากกับทุกวินาทีที่นั่น

“ผมว่าที่เลสเตอร์ประสบความสำเร็จก็เพราะคุณวิชัยฉลาดในการเลือกลงทุนกับนักฟุตบอล และเมื่อทีมประสบความสำเร็จ ก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก สำหรับผมคุณวิชัยเป็นคนเก่ง เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก จิตใจดี และยิ้มง่าย”

แม้ว่าการเซ็นต์สัญญากับสโมสรมาริติโมในลีกโปรตุเกส ด้วยคาดหวังว่าเจ้าชายจะได้เล่นเป็นตัวจริงกับเขาบ้าง แต่ก็ไม่ HELLO! Education ทูลถามท่านในประเด็นนี้

“การจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรองมีหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเรื่องการเมือง หรือคำวิจารณ์ต่างๆนาๆ ผมเข้าใจดีว่าเมื่ออยู่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้น เราก็จำเป็นต้องย้ายไปอยู่ทีมอื่น เพื่อหาโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่ใช่จะเป็นตัวจริงได้ง่ายๆ เพราะเป็นกีฬาที่มีความคิดเห็นต่างๆมากมาย รูปร่างผมก็ไม่เล็กเมื่อเทียบกับฝรั่ง

“คนอาจปรามาสผมเพราะผมมีภูมิหลังเป็นเจ้าชาย ผมจึงไม่อยากนำเรื่องนี้มาเป็นข้อแก้ตัว สู้เรามองไปข้างหน้าดีกว่า และไม่นำเรื่องนี้มาทำให้กลุ้มใจ เพราะอาจเป็นด้วยว่ายังไม่ถึงทีของผมก็เป็นได้”

สู่แผ่นดินไทย

“สาเหตุที่ผมมาเมืองไทย เพราะอยากมีโอกาสเป็นตัวจริงมากขึ้น” เจ้าชาย ฟาอิก ทรงชี้แจงเหตุผลของการโยกย้ายมายังประเทศไทย

ฟาอิก โบลเกียห์
จากซ้าย เจ้าหญิง Haqidah พระเชษฐภคินี เจ้าชายฟาอิก พระเชษฐาและพระมเหสี พระมาดาของเจ้าชายฟาอิก และเจ้าหญิง Qiana พระเชษฐภคินีฝาแฝดที่เจ้าชายฟาอิกทรงไว้วางพระทัยอย่างมาก

“ผมคิดว่าไทยลีกเป็นลีกที่ท้าทายมากและน่าติดตามมาก บรูไนไม่มีฟุตบอลลีกที่มีชื่อเสียงเหมือนไทยลีก สำหรับผมแล้วไทยลีกเป็นหนึ่งในลีกที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเมืองไทยจัดการแข่งขันเยอะเลย และผมก็ถามความคิดเห็นจากคนนั้นคนนี้ก่อนมาไทยมากโขอยู่”

เจ้าชาย ฟาอิก ได้ร่วมทีมชลบุรี FC เป็นทีมแรก แต่หลังจากเปลี่ยนโค้ช จึงทรงย้ายมาอยู่กับทีมราชบุรี FC โดยเล่นตำแหน่งปีกซ้าย  ซึ่งต้องวิ่งเร็ว และต้องมีทักษะในการเลี้ยงบอล และทักษะอีกหลายอย่าง ซึ่งท่านทรงฝึกฝนลับฝีเท้าให้มีทักษะที่ต้องการอย่างเต็มที่

สำหรับชีวิตประจำวันของเจ้าชาย ฟาอิก นั้นเป็นไปอย่างธรรมดามาก “ปกติผมจะตื่น 8-9 โมง แต่ถ้าวันไหนมีไปตีกอล์ฟก็จะตื่น 7 โมงเช้า แล้วดื่มกาแฟกับเพื่อน กินมื้อเที่ยง จากนั้นไปซ้อมบอล เข้ายิม กินมื้อเย็น แล้วก็เล่นวิดีโอเกมส์ เป็นชีวิตที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น”

เจ้าชาย ฟาอิก ยังทรงเล่าอีกว่า นอกจากฟุตบอล ยังโปรดกีฬากอล์ฟ ที่ทรงเล่นได้แฮนดิแคพ 15 ซึ่งอาจขึ้นๆลงๆ จากเกณฑ์นี้ ขึ้นอยู่กับสนาม ท่านมักจะเสด็จไปทรงออกรอบที่แบล็คเมาท์เท่น กอล์ฟ คลับ และบันยัน กอล์ฟ คลับ หัวหิน เป็นประจำ เพราะอยู่ไม่ไกลจากราชบุรี

ฟาอิก โบลเกียห์
เจ้าชายฟาอิกยามอยู่ในสนาม

“ช่วงหลังๆมานี้ผมเล่นกอล์ฟเยอะมาก เพราะเป็นกีฬาที่สามารถเล่นไปพร้อมกับฟุตบอลได้ เนื่องจากไม่ได้ใช้ร่างกายเปลืองเท่าฟุตบอล ฟุตบอลอาจมีอาการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือทางจิตใจก็ตาม แถมการออกรอบแต่ละครั้งก็ยังได้ชื่นชมวิวที่สวยงาม ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ซึมซับบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ซึ่งดีมากสำหรับผม ทำให้ผมชอบไปตีกอล์ฟแทบทุกครั้งที่มีวันหยุด บางทีก็นัดเพื่อนๆจากกรุงเทพฯมาเล่นด้วยกัน”

ในวัยเบญจเพสเจ้าชาย ฟาอิก ทรงตั้งพระทัยว่า สักวันหนึ่งเมื่อหมดแพสชั่นในกีฬาฟุตบอลเมื่อไร จะทรงกลับไปเรียนต่อจนจบปริญญาตรี

“แน่นอนมันไม่ง่ายเลย ที่จะรับมือกับความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละคน หน้าที่ผมคือทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่บางทีผมก็หงุดหงิด เพราะเราถูกตัดสินโดยพวกเขาไม่รู้มูลเหตุที่แท้จริง ซึ่งพวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ ผมรู้ว่าคนต้องพูดถึงผมอย่างมาก และมองผมในแง่มุมที่พวกเขาอยากมอง ผมคิดว่าการมีความสุขกับตัวเองนั่นแหละที่สำคัญที่สุด”   

Photos: IG: fjefrib     

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.