Home > Education > 3 ประเทศ 3 วัฒนธรรมกับการเรียนด้วยความสนุกแบบฉบับ ฟา เบเนเดทตี้

ฟา เบเนเดทตี้’ สาวผู้มีดวงหน้าสวยคมมีมิติมาพร้อมน้ำเสียงทุ้มทว่ามีความอ่อนโยนบวกกับรูปร่างสูงโปร่งสะดุดตา นับเป็นมรดกทางกายภาพที่ผสานกันได้อย่างลงตัวระหว่างเชื้อชาติอิตาเลียนทางฝั่งคุณพ่อ ’มร.อโดโฟเบเนเดทตี้’ และเชื้อชาติไทยจากฝั่งคุณแม่ ‘วารุณี เบเนเดทตี้‘กับทายาทธุรกิจไวน์ชั้นดีที่นำเข้าจากอิตาลี อย่างแบรนด์ ‘อิตาเลเซีย‘อีกด้วย

คุณฟา เบเนเดทตี้ และเพื่อนๆสมัยเรียนที่ สวิส

จากมาแตร์เดอี สู่ TASISสวิตเซอร์แลนด์ สาวฟาเกิดและโตที่เมืองไทยเธอเรียนมาแตร์เดอีจนจบชั้นมัธยมต้นก่อนคุณพ่อจะส่งไปเรียนไฮสคูลที่ TASIS สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งหมายถึง ‘บอร์ดดิงสคูล‘ ชื่อดังที่ปัจจุบันมีแคมปัสในหลายประเทศอย่าง ‘The American School in Switzerland’ ณ เมืองลูกาโน ที่ติดกับพรมแดนอิตาลี “โรงเรียนตั้งอยู่บนเขา สวยมากแต่ก็เหงามากค่ะ” เธอเกริ่นด้วยประโยคชวนคิดในคลาสเรียนใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่พอนอกคลาสเขาคุยกันเป็นอิตาเลียนหมด เลยมีความจำเป็นทำให้สาวฟาต้องพูดสื่อสารได้นั่นเอง สาวฟาเดินทางไปเรียนโดยการนั่งรถไฟข้ามพรมแดนเพียง 15 นาทีเท่านั้นก็ถึงมิลานแล้วคุณฟาเล่าว่าสำหรับตัวเธอเองแล้ว ‘ไฮสคูล’ ถือเป็นช่วงเวลาเหมาะสมในการไปศึกษาต่อต่างประเทศเพราะเป็นช่วงที่ปรับตัวได้ดีทั้งในแง่ต่อตัวเองและระบบการศึกษา ด้วยห้องเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนเพียง 10 – 15 คน ประกอบกับความเอาใจใส่อย่างทั่วถึงของครูทำให้มุมมองการศึกษาของเธอเปลี่ยนไป และเป็นพื้นฐานที่ดีในการศึกษาต่อระดับสูงในภายหน้าอีกด้วย “ ระบบการเรียนที่สวิสเน้นให้เด็กทำความเข้าใจเนื้อหาเป็นพาร์ตๆ ไป ไม่เน้นเนื้อหาที่เยอะเกินไปประกอบกับเพื่อนรอบข้างที่ดีทำให้มุมมองการเรียนเปลี่ยนไปมากทำให้เห็นชัดเลยว่าบรรยากาศดีๆ สิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ดีส่งผลโดยตรงต่อศักยภาพผู้เรียนอย่างมากอีกด้วย

ในวัยเรียนที่ต่างประเทศของสาวฟา เบเนเดทตี้

เดิมทีทางบ้านอยากให้ไปต่อมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ ซึ่งทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ไปดูที่ทางเตรียมให้หมดแล้ว แต่ไปๆ มาๆ คุณพ่อคงเห็นว่าที่อังกฤษมีเด็กไทยเยอะกลัวจะพากันเที่ยวเล่นมากกว่าเรียนจึงเริ่มลังเลประกอบกับช่วงไฮสคูลปีสุดท้ายที่โรงเรียนมีแนะแนวศึกษาต่อที่อเมริกา และเลือกไปเรียนที่แอลเอ เพราะเคยไปเที่ยว และชอบบรรยากาศที่เหมือนอยู่ในหนังเลยตัดสินใจไปต่อที่ Marymount College คนเดียว ส่วนเพื่อนๆ ไปบอสตันกันหมด iberal Arts กับพื้นฐานความคิด “แคมปัสที่นี่สวยสมใจมากตัวคอลเลจอยู่บนภูเขาสุดปลายอ่าวทางด้านลองบีช เมืองชื่อ Palos Verdes ซึ่งจากห้องเรียนก็มองเห็นวิวทะเลสวยมากทำให้มีแรงบันดาลใจในการเรียนเป็นที่สุด จริงๆ แล้วคุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างจะเป็นห่วงที่ต้องไปเรียนในเมืองใหญ่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างแอลเอโชคดีที่แคมปัสนี้เป็น ‘ไพรเวตคอลเลจ’ ด้านเนื้อหาการเรียนเป็นหลักสูตรสองปีสอน ด้านศิลปศาสตร์ (Liberal Arts) พวกเลข ภาษา,จิตวิทยา,ปรัชญา ซึ่งวิชาพื้นฐานจะประมาณแนวๆ นี้การเรียนที่ Marymount College ยังช่วยเอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวสาวฟาอีกด้วย โดยเธอเล่าว่า “ฟาชอบจดโน้ตค่ะ เวลาอ่านหนังสือแค่ไฮไลท์ไม่พอต้องจดด้วยถึงจะจำแม่น และไม่ต้องมาอ่านซ้ำอีก ที่คอลเลจจะมีส่วนที่เรียกว่า ‘learning disability’ สำหรับคนที่มีข้อบกพร่องทางการเรียน เขาจะเอาโน้ตของฟาไปแชร์ให้นักเรียนเหล่านี้ ฟาจึงต้องส่งโน้ตที่จดให้ครูตลอด ซึ่งครูยังบอกอีกว่ามันจะดีต่อเรซูเม่ของเราเวลาไปยื่นเรียนต่อที่อื่น” ในบรรดาเพื่อนๆไฮสคูลที่สนิทสนมกันพอเมื่อมีโอกาสได้บินไปเยี่ยมเพื่อนที่บอสตันเป็นครั้งคราวเลยได้ถือโอกาสเปิดโลกทัศน์ด้านการศึกษาในอีกมุมมองหนึ่งไปด้วย จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เธอเลือกไปศึกษาต่อยังเมืองแห่งมหาวิทยาลัยอย่างเมืองบอสตัน ณ อีกฟากฝั่งของประเทศต่อ

ฟา เบเนเดทตี้

การเรียนที่ Liberal Arts ในช่วงเวลา 2 ปี ที่แอลเอทำให้รู้ใจตัวเองแล้วว่าชอบอะไรดดยสาวฟาได้ค้นพบว่าสิ่งที่ตัวเองชอบคือ ‘จิตวิทยา’ ธรรมดาสาวฟาไม่ใช่คนอ่านหนังสือมากมายนอกจากช่วงสอบแต่สำหรับวิชาจิตวิทยา และปรัชญาเป็นข้อยกเว้น เพราะ มีแต่เรื่องให้สาวฟาคิดต่อได้เต็มไปหมด ซึ่งนำไปสู่โลกการศึกษาจิตวิทยาอย่างแท้จริง พร้อมจุดหักเหในชีวิตของสาวฟาอย่างแท้จริงเมื่อรู้ใจตนเองดีแล้วจึงไม่ขอรอช้าตระเตรียมหาที่เรียนต่อทันที โดยสถาบันที่เธอสนใจนั้นต้องมีหลักสูตร จิตวิทยาที่เข้มข้น และน่าเรียน คำตอบจึงมาออกที่ 2 มหาวิทยาลัยในเมืองบอสตัน เมื่อหักลบคะแนนถี่ถ้วนแล้วเธอจึงเลือกหลักสูตรที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด นั่นคือ ‘Social and Industrial Psychology’ แห่งมหาวิทยาลัย Northeastern University “พอรู้ข่าวว่าทั้ง 2 มหาวิทยาลัยตอบรับสาวฟาไม่รอช้ารีบโทรหาคุณพ่อคุณแม่ทันทีทั้งที่ตอนนั้นเป็นเวลาตี 4 ของเมืองไทย เธอเล่าต่อว่าบรรยากาศการเรียนคราวนี้ไม่เหมือนเดิมจากแคมปัสเล็กๆ ที่เคยเรียนกลายเป็นใหญ่มากนักศึกษาเยอะมาก ดังนั้น strategy ในการเรียนของเธอจึงเปลี่ยนไปต้องหาบัดดี้เรื่องเรียนเผื่อเวลาไม่เข้าใจ หรือจดไม่ทันจะได้ช่วยกันได้ เธอก็พบกับนักเรียนญี่ปุ่นซึ่งเป็นคนขยันมากโดยเธอจะไปนั่งข้างเขาตลอดเวลาที่เจอกันในคลาส” ระบบการเรียนของที่ยูฯนี้จะเป็นควอเตอร์ค่ะ ซึ่งก็ดีเพราะจะได้เรียนมากขึ้นในเวลาที่สั้นลงที่นี่มี experiential study คือ เราสามารถไปฝึกงานกับคนที่เป็นโปรเฟสชั่นนอลตัวจริงได้โดยตรง ซึ่งเธออธิบายเพิ่มอีกว่าการศึกษาด้านจิตวิทยาหลักๆ แล้วมี 3 แขนงคือ จิตวิทยาคลินิกที่จบมาเป็นนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา ,จิตวิทยาพัฒนาการจบมาเป็นครู และจิตวิทยาสังคมที่เน้นเรียนกว้างๆเอาเนื้อหามาปรับใช้ได้ทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจง “คุณฟาเลือกเรียน ‘สายโซเชียล’ เพราะรู้สึกว่าเอามาใช้ได้ในชีวิตจริงจึงเลือกคลาสต่อเนื่องเป็น ‘Industrial Psychology’ เน้นเป็น case study ของพวกองค์กร พร้อมกันนี้สาวฟาก็ลงเรียนหลักปรัชญาอีกด้วยในทุกเทอม จนถึงจุดหนึ่งที่ต้องบอกตัวเองให้หยุดเรียนได้แล้ว เพราะเราเริ่มออกห่างจากโลกความจริงแล้ว(หัวเราะ) คือ ปรัชญาเป็นวิชาที่ดีทำให้เรามีพื้นฐานความคิดแต่ก็ต้องรู้จักตัวเองด้วยโดยเราจะต้องมีเป้าหมายของเราในการเรียนโดยเรียนให้สนุก เพราะสุดท้ายแล้วสาวฟาก็ทำได้เธอสามารถนำเกียรตินิยมกลับมาฝากคุณแม่ได้สำเร็จ

หลังเรียนจบคุณฟาหาประสบการณ์ทำงานนอกบ้านอยู่ระยะหนึ่งก่อนมาเสริมทัพพี่ชาย(คุณแม็กซ์-จักรกฤต เบเนเดทตี้) ดูแลกิจการ Italasia ของครอบครัวต่อไปซึ่งสาวฟายังบอกอีกว่าความเป็นห่วงเป็นใยพนักงานนั้นสำคัญมาก ดีกว่าวางตัวให้คนเข้าไม่ถึง “ฟาชอบคำพูดของกูรูธุรกิจที่ชื่อ ‘Richard Branson’ เขากล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า ‘Clients do not come first.Employees come first. If you take care of youremployees, they will take care of the client.’ ซึ่งมันจริงมากสำหรับการบริหารงานยุคปัจจุบันค่ะ

Tags
education
Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.