3 GPS Watches นาฬิกาป้องกันเด็กหาย ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

ภัยสังคมรอบตัวทำให้พ่อแม่ยุคใหม่หันมาสนใจนวัตกรรมที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยของลูกๆมากขึ้น หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นการผลัดหลงระหว่างเดินทาง หรือเมื่อลูกๆตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ‘นาฬิกาอัจฉริยะ หรือ Smart Watch’ ที่สามารถระบุตำแหน่ง GPS ได้อย่างแม่นยำ จึงเป็นไอเทมที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

สมาร์ทวอทช์สำหรับเด็กเป็นที่นิยมมากในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับในประเทศไทยยังมีแบรนด์สมาร์ทวอทช์ให้ได้เลือกสรรไม่มากนัก และนี่คือ 3 นาฬิกาป้องกันเด็กหายยอดนิยมที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งพ่อแม่หลายคนไว้วางใจเลือกใช้ให้ดูแลลูกยามห่างไกลสายตา แต่ละแบรนด์จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง HELLO! Education รวบรวมมาให้แล้ว  

1. Abardeen 

แบรนด์จากประเทศจีนที่มีชื่อเสียงเรื่องของระบบ GPS ที่แม่นยำและได้รับความนิยมจากผู้ปกครองมาอย่างต่อเนื่อง นาฬิกาของแบรนด์นี้มีหลากหลายรุ่นให้ได้เลือกสรร ทนทานและสามารถกันฝุ่นกันน้ำได้ดี ทำงานคู่กับแอปพลิเคชัน Kid Mate เพียงผู้ปกครองดาวน์โหลดไว้ในโทรศัพท์มือถือก็สามารถควบคุมการทำงานของนาฬิกานี้ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์

-มีระบบ GPS สามารถระบุพิกัดได้ว่าลูกอยู่ที่ไหน 

-สามารถโทรเข้าโทรออก และ video call หาผู้ปกครองได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถโทรเข้าโทรออกได้เฉพาะเบอร์ที่บันทึกไว้ในแอปพลิเคชันเท่านั้น 

-สามารถส่งข้อความเสียงระหว่างนาฬิกาและมือถือได้ 

-ใช้งานที่ต่างประเทศได้มากกว่า 100 ประเทศ

-ฟังก์ชั่น Baby monitor โหมดแอบดักฟังเสียงโดยที่ลูกไม่รู้ตัว  

-ฟังก์ชั่น Class Disable โหมดห้ามรบกวนขณะเรียน

-ฟังก์ชั่น H-S Reminder แจ้งเตือนเมื่อลูกออกจากพื้นที่ที่กำหนด

-มีปุ่ม  SOS ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

2. IMOO Watch Phone

แบรนด์ผู้นำเทคโนโลยีอันดับต้นๆในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์สำหรับเด็กที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะมาพร้อมคุณสมบัติพื้นฐานอย่างเรื่องของการระบุพิกัดของลูกหรือการโทรเข้าโทรออกได้แล้วนั้น IMOO ยังมีฟีเจอร์พิเศษอีกมากมาย 

-ฟังก์ชันการระบุตำเเหน่งที่เเม่นยำ อิงจาก Google map สามารถเช็คพิกัดของลูกผ่านเเอปพลิเคชั่นบนมือถือของผู้ปกครองได้ทันทีและยังสามารถกดนำทางไปหาลูกได้

-ฟังก์ชันวิดีโอคอล 2 ทิศทาง ช่วยให้พ่อเเม่ลูกสามารถพูดคุย เห็นหน้ากันตลอด เหมาะกับคุณพ่อคุณเเม่ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ลูกหรือต้องออกไปทำงานนอกบ้าน

-รุ่นล่าสุดมาพร้อมกล้องพกพา (กล้องหน้าความคมชัด 5 พิกเซล กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล) ที่สามารถพับหน้าจอเพื่อถ่ายภาพได้ทันที สะดวกรวดเร็ว เหมาะกับเด็กๆ ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ 

-ฟังก์ชั่น Video Record ช่วยให้น้องๆ หนูๆ บันทึกวิดีโอสั้นๆ หรือภาพถ่ายน่ารักๆ ได้ ผ่านนาฬิกาของตัวเอง

-มีโหมด Duduro ฟังก์ชันเสริมจากที่ให้ลูกๆเพลิดเพลินกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงดิจิทัลภายในนาฬิกา คลายเครียดยามว่าง เเต่ฟังก์ชันจะสามารถใช้งานได้เฉพาะหลัง 6 โมงเย็นถึง 5 ทุ่มครึ่งสำหรับวันจันทร์ – ศุกร์เเละใช้ได้ทั้งวันในวันเสาร์กับอาทิตย์เท่านั้น เพื่อให้ลูกๆยังคงโฟกัสกับการเรียนได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

-มีฟังก์ชันเเจ้งเตือนเมื่อเครื่องร้อน ตัดการทำงานของนาฬิกาทันทีเพื่อคายความร้อนออกในกรณีเครื่องมีอุณหภูมิสูงเกินกำหนด

3.POMO 

นาฬิกาอัจฉริยะอีกหนึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นด้วยวัสดุคุณภาพและดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ถูกใจน้องๆหนูเป็นอย่างยิ่ง มาพร้อมฟังก์ชั่นเพื่อความปลอดภัยที่ครบครัน อย่าง โซนปลอดภัย โหมดฉุกเฉิน โทรผ่านเครือข่าย ประวัติตำแหน่งและการนำทางกลับบ้าน 

-Location Tracking มีระบบติดตามตัว GPS ของนาฬิกา 

-มีระบบ SOS ให้เด็กได้กดขอความช่วยเหลือไปยังผู้ปกครองที่ลงชื่อและเบอร์ไว้ในระบบ เมื่อเด็กกดปุ่ม ระบบก็จะทำการโทรไปหาบุคคลที่ระบุไว้ได้ ซึ่งหากเด็กอยู่ในสภาวะฉุกเฉิน POMO Waffle ก็สามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ทันที ซึ่งผู้ปกครองก็จะสามารถเข้าถึงตำแหน่ง ที่ฟังก์ชัน Location Tracking ระบุไว้ได้เลยเช่นกัน

-ให้ลูกๆสนุกกับการเรียนรู้ผ่านฟังก์ชั่น Translator ที่จะช่วยแปลภาษาให้ถึง 6 ภาษา ทั้งไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น สเปน และฝรั่งเศส เป็นการสื่อสารที่ลูกสามารถเรียนรู้ภาษาต่าง ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา

-ฟังก์ชั่น Scheduler แจ้งเตือนกิจกรรมต่างๆของลูก 

-ฟังก์ชั่น Group Chat สมาชิกในครอบครัวสามารถติดต่อกันในหนึ่งกรุ๊ปแชทได้ 

-ฟีเจอร์สำคัญที่พลาดไม่ได้กับ Take me home ระบบการช่วยนำทางกลับบ้านเมื่อเด็กๆ หลงทาง

นาฬิกาอัจฉริยะเหล่านี้มีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่กับการรองรับฟังก์ชั่นการใช้งานที่มาน้อยแตกต่างกันไป แต่เชื่อว่าทุกรุ่นจะเป็นเสมือนผู้ช่วยคนเก่งที่จะทำให้คุณและลูก ติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้น ยิ่งในช่วงเวลาฉุกเฉินยิ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแน่นอน