หนึ่งในปัญหาหนักใจของผู้ปกครอง ก็คือ การเลือกโรงเรียนที่จะเป็นก้าวแรกของการศึกษาให้กับเด็กๆ แต่สำหรับ ‘ครอบครัวสกิดใจ’ เมื่อได้คำตอบว่า ก้าวแรกของลูกๆ ในรั้วโรงเรียนคือ การเติบโตอย่างมี ‘ความสุข’ ในแบบของเขา HARROW INTERNATIONAL SCHOOL BANGKOK จึงกลายเป็นคำตอบเดียวของพ่อป๋อและแม่เอ๋ (ณัฐวุฒิ – พรทิพย์ สกิดใจ)
‘โรงเรียนใกล้บ้าน’ เป็นคำตอบความสุขแรกของชีวิตเด็กนักเรียน
ณ ตอนนั้นที่น้องภูดิศ (ลูกชายคนโต) ต้องเริ่มเข้าโรงเรียน ทั้งคุณป๋อและคุณเอ๋เป็นพ่อแม่มือใหม่และไม่มีข้อมูลใดๆ เลย แต่ทั้งคู่มีความเห็นตรงกันว่า “‘อยากให้ลูกมีความสุขก่อน’ เรียนเก่งหรือไม่เก่งค่อยว่ากัน” ดังนั้นความสุขจึงเป็นโจทย์สำคัญที่คุณป๋อและคุณเอ๋ถอดรหัสมา ซึ่งความสุขแรกก็คือ ‘ต้องไม่เดินทางไกลไปโรงเรียน’
ซึ่งหลังจากฟังคำบอกเล่าของเพื่อนฝูงในวงการ โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพ จึงเป็นโรงเรียนที่เข้าไปอยู่ในลิสต์ต้นๆ ของทั้งคู่ ยิ่งเมื่อได้เข้ามาเยี่ยมชมบรรยากาศ มาดูการเรียนการสอนของที่นี่แล้ว ทั้งสองจึงตัดสินใจเลือกที่นี่เป็นโรงเรียนแรกในระดับเนิร์สเซอรีของน้องภูดิศได้ในทันที “ผม ว้าว! สนามบอลก่อนเลย ตามมาด้วยบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ได้เห็นท้องฟ้ากว้างๆ ในพื้นที่กว้างๆ ท่ามกลางสีเขียว ซึ่งที่ฮาร์โรว์วางเลย์เอาต์ได้ดีมาก สัมผัสแสงแดด สัมผัสลม มีสนามหญ้าเป็นพื้นที่เล่นของเด็กๆ ถ้าลูกเราต้องเรียนที่นี่อีกหลายปี ฮาร์โรว์ ก็คือใช่เลย แต่ตอนนั้นบ้านเก่าเราอยู่แถวพระราม 5” และเมื่อโจทย์คือบ้านต้องอยู่ใกล้โรงเรียน ครอบครัวสกิดใจจึงตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่ที่รังสิต เพื่อให้ใกล้กับโรงเรียน โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น ทำให้เด็กๆ ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียน
ความสุขจากการเรียนรู้และพัฒนาการต่างๆ
เพราะก้าวแรกของลูกในรั้วโรงเรียนเป็นการสั่งสมประสบการณ์ และปูรากฐานชีวิตที่ดีให้กับเด็กๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ โรงเรียนจึงต้องตอบโจทย์ความต้องการของเด็กนักเรียน และยังต้องช่วยกระตุ้นให้พวกเขาอยากเรียนรู้และมีความสุขกับการไปโรงเรียนทุกวัน
“สิ่งที่ผมเห็นพัฒนาการของลูกจากการมาเรียนที่นี่ คือความกล้าแสดงออก เพราะโรงเรียนมีกิจกรรมมากมายให้เด็กเลือกทำ ไม่ได้หมายความว่าบังคับให้ต้องทำ แต่มีตัวเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับเด็ก ซึ่งนี่คือสิ่งที่เขาได้จากการเรียนที่ ฮาร์โรว์ กล้าแสดงออก กล้าที่จะคิด กล้าที่จะสะกดความกลัวของตัวเอง แล้วเดินออกมายืนต่อหน้าผู้คน ผมมองว่าเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริมมาก เพราะต่อไปในอนาคต การตัดสินใจอะไรต่างๆ เขาจะฉับไว มีความมั่นใจ” คุณพ่อป๋อกล่าว
ทางด้านคุณแม่เอ๋ก็เสริมว่า “อีกสิ่งหนึ่งที่เอ๋เห็น ฮาร์โรว์ ค่อนข้างแตกต่างจากโรงเรียนอินเตอร์อื่นๆ คือความไม่ฝรั่งจ๋ามาก ที่นี่มีเด็กไทยเรียนกันเยอะ ทำให้ลูกเรายังได้เรียนรู้และซึมซับวัฒนธรรมแบบไทยๆ ซึ่งทางโรงเรียนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ฮาร์โรว์ มีความเป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่มีความกลมกลืนระหว่างวัฒนธรรมนานาชาติกับวัฒนธรรมไทยที่พอเหมาะ อีกอย่างคือ เอ๋ประทับใจการให้พ่อแม่และผู้ปกครองมีส่วนร่วมกับโรงเรียนและเด็กๆ ซึ่งนั่นทำให้เราได้รับรู้ชีวิตในโรงเรียนของลูกๆ เห็นว่าลูกเราเป็นยังไง มีแนวทางแบบไหน มีการประเมินผลให้เห็นว่าลูกเราขาดอะไร อยู่กับเพื่อนเป็นอย่างไร โดยทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับเด็กๆ ทุกคนเท่าเทียมกัน ครูและสต๊าฟทุกคนมีส่วนร่วมทั้งกับเด็กและผู้ปกครองอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกคนรับฟังมุมมองของพ่อแม่และผู้ปกครองทุกคน”
Harrow คือคำตอบโรงเรียนโลกใหม่แห่งอนาคต
การเรียนโรงเรียนนานาชาติ ทำให้กำแพงระหว่างภาษาแคบลงมาก ซึ่งคุณป๋อเห็นถึงข้อดีตรงนี้ที่ลูกจะได้เรียนรู้ด้านภาษาตั้งแต่ต้น แต่นอกจากเรื่องภาษาแล้ว กิจกรรมอันหลากหลายของโรงเรียนฮาร์โรว์นั้นทำให้เด็กๆ ได้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองที่สุด ซึ่งนั่นทำให้คุณป๋อประทับใจมาก “ที่นี่เปิดโอกาสให้เด็กมีประสบการณ์ในการลองผิดลองถูก ทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำ เด็กอาจจะชอบหรือไม่ชอบไม่รู้ แต่ต้องให้เขาได้ลองก่อน ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่น เท่าที่ผมเห็นที่ฮาร์โรว์เนี่ยมีเป็นร้อยกิจกรรมให้เด็กเลือกทำ ไม่ว่าจะเป็น คุกกิ้ง ดนตรี กีฬา ฯลฯ ทั้งของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ซึ่งเมื่อเด็กกล้าที่จะเลือกสิ่งที่แตกต่างจากธรรมชาติของตัวเอง แค่กล้าเลือกยังไม่ต้องกล้าทำก็เป็นการปลูกเมล็ดความกล้าเล็กๆ แล้ว”
ความสุขของ ‘ครอบครัวสกิดใจ’
เมื่อถามถึงการวางแผนการศึกษาของทั้งน้องภูและน้องเภา รวมถึงอนาคตของเด็กๆ คุณป๋อตอบทันทีว่า “ภูกับเภาคงอยู่ฮาร์โรว์ไปจนเข้ามหาวิทยาลัยครับ รวมเวลาเรียนของทั้งสองคนก็คงครบ 18 ปี (หัวเราะ) ผมมั่นใจครับว่า เรามาถูกทาง ผมเห็นลูกๆ เริ่มซึมซับวิธีคิดต่างๆ ในกระบวนการที่เราพึงพอใจ เห็นความสามารถของเขา เห็นเขาแฮปปี้กับโรงเรียน ซึ่งอันนี้ทำให้พ่อแม่รู้สึกโล่งใจว่า ‘ไม่ต้องเปลี่ยนโรงเรียนแล้ว’ ส่วนคนเล็ก (น้องเภา)เขามีพี่ชายเป็นไอดอล ฉะนั้นเขาเดินตามพี่ชายในหลายเรื่อง เหมือนพี่ชายเรียนรู้และปูทางไปไว้ให้แล้ว เช่น โรงเรียน ฯลฯ ก็เห็นจากพัฒนาการของภูดิศว่าฮาร์โรว์คือใช่ ทำให้คิดว่าคนน้องก็น่าจะไปในทิศทางเดียวกันนี้ได้ ผมกับเอ๋ต้องใช้คำว่า ‘เลือกไม่ผิดกับการศึกษาของลูกทั้งสองคน’ ครอบครัวสกิดใจหมายมั่นปั้นมือว่า จะผูกปิ่นโตอยู่กับ ฮาร์โรว์ ไปอีก 18 ปีแน่นอนครับ”
Harrow International School Bangkok 45 ซอยโกสุมรวมใจ 14 ถนนโกสุมรวมใจ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210
โทร. +66 2503 7222 www.harrowschool.ac.th
อีเมล: enquiry@harrowschool.ac.th
โปรโมชั่นพิเศษ กับนิตยสารเฮลโล โดยสามารถสังซื้อนิตยสารได้ที่ shop.burdathailand.com หรือ โทร 084-0795678 , 089-9211174 รับเงื่อนไขพิเศษ บริการจัดส่งถึงบ้าน ฟรี!!!