Home > Education > Interviews > Talent > เจฟ เบซอส

กว่าที่ เจฟ เบซอส จะก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของโลก ผู้ก่อตั้งและ CEO Amazon ผู้นี้มีชีวิตที่สนุกยิ่งกว่านิยาย มารดาของเขา แจ็คลิน เพรสตัน กิส เป็นคุณแม่วัยรุ่นที่ตั้งท้องเขาตั้งแต่อายุได้เพียง 16 ปี เขาให้สัมภาษณ์บิสสิเนส อินไซเดอร์ ว่า 

“แม่คลอดผมตอนอายุ 17 โดยที่แม่ยังเรียนไฮสคูลที่อัลบูเคอกี รัฐนิวเม็กซิโก เมื่อปี 1964 ซึ่งผมเชื่อว่าในยุคนั้นการเป็นแม่วัยรุ่นที่ใช้ชีวิตอยู่ในอัลบูเคอกีไม่ใช่เรื่องดีเลย แม่ต้องผ่านความยากลำบาก แต่คุณตาผม (ลอว์เรนซ์ เพรสตัน กิส) ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อแม่ เพราะทางโรงเรียนพยายามจะไล่แม่ออก การมีครอบครัวที่เข้าใจเปรียบดังของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับผม

“คุณตาผมเป็นผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาค คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูแห่งสหรัฐอเมริกา ท่านเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับผมเลย และผมโชคดีที่ได้คลุกคลีกับคุณตาคุณยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณตาในไร่ของพวกท่านทางตอนใต้ของเท็กซัส ในช่วงซัมเมอร์ของทุกปีตั้งแต่ผมอายุแค่สี่ขวบจนถึงสิบหกปี 

“ผมคิดว่าตอนผมอายุสี่ขวบนั้น คุณตาให้ผมไปพักที่ไร่ เพราะผมคงซนมาก ก็เลยอยากแบ่งเบาภาระให้กับพ่อแม่ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์มาก” 

และตลอดช่วงเวลาสิบสองซัมเมอร์ที่ไร่ของคุณตา เจฟ เบซอส ได้ช่วยคุณตารักษาวัวด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาสัตวแพทย์เลย “บางตัวก็รอด” เจฟ เบซอส พูดพลางหัวเราะ นอกจากนี้ทั้งเขาและคุณตาก็ยังช่วยกันซ่อมกังหันลม และวางท่อประปา สร้างรั้ว สร้างโรงนา และซ่อมรถไถ 

“การที่คุณตาทำทุกอย่างด้วยตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ท่านรักษาสัตว์ด้วยตัวเอง ท่านเป็นคนฉลาดมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ผมอายุ 10 ขวบ คุณตาคุณยายพาผมขับรถเที่ยวทางไกล แล้วคุณยายผมติดบุหรี่ ตอนนั้นรัฐบาลทำโฆษณาทางวิทยุชักชวนคนเลิกบุหรี่ ซึ่งบอกว่า ‘การสูบบุหรี่แค่หนึ่งเฮือกก็ทำให้อายุสั้นลงหลายนาที’

“ผมซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังก็คำนวณว่าบุหรี่จะทำให้ชีวิตคุณยายสั้นลงเท่าไร แล้วก็ประกาศเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน ตอนนั้นผมคิดว่าการทำแบบนี้คือความฉลาด แต่หารู้ไม่ว่ามันทำให้คุณยายเสียใจจนปล่อยโฮออกมา คุณตาผมรีบจอดรถเข้าข้างทาง แล้วเอาตัวผมลงจากรถ ผมไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะท่านไม่เคยดุผม 

“ผมคิดว่าท่านคงโกรธ แต่ว่าไม่ใช่ ท่านให้ผมลงจากรถก็เพราะไม่อยากให้คุณยายได้ยิน แล้วคุณตาก็พูดว่า ‘อีกหน่อยหลานจะรู้เองว่า การเป็นคนใจดียากกว่าเป็นคนฉลาด’”

jeff bezos
เจฟ เบซอส สวมชุดคาวบอยของ Blue Origin หลังจากขึ้นบินสู่ห้วงอวกาศ ทำให้ Blue Origin กลายเป็นบริษัทการบินอวกาศเอกชนรายแรก Photo by Joe Raedle/Getty Images

เจฟมีน้องชายอีกหนึ่งคนชื่อ มาร์ค เบซอส ซึ่งเป็นอาสาสมัครดับเพลิงที่นิวยอร์ก “มาร์คเป็นคนตลก เวลาเราอยู่ด้วยกันเขาทำให้ผมหัวเราะได้ตลอด เพราะอย่างแรกผมเป็นผู้ฟังที่ดี หรืออีกนัยหนึ่งคือเป็นคนเส้นตื้น น้องสาวผมก็เป็นคนตลกเหมือนกัน เราสามคนพี่น้องสนิทกันมาก

“ต้องขอบคุณแม่ที่พยายามทำให้เราสนิทกัน แม่จะนำลูกๆของผมกับน้องสาวไปอยู่ด้วยเป็นเวลานานหนึ่งสัปดาห์ทุกๆซัมเมอร์ เพื่อให้เรากับคู่ของเราสามารถไปเที่ยวกันตามลำพัง แต่ท้ายที่สุดเราก็เลือกที่จะอยู่ด้วยกัน”

แรงหนุนสำคัญ 

ในการก่อตั้ง Amazon เจฟ เบซอส ไม่ลืมที่จะเอ่ยถึงแมคเคนซี่ สก็อต อดีตภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของเขา ที่เป็นแรงใจสำคัญสำหรับเขาตั้งแต่ Amazon ยังคงเริ่มต้นในโรงรถ 

“หลังจากเราแต่งงานกันได้หนึ่งปี ผมก็บอกแมคเคนซี่ว่าจะลาออกจากงานที่ D.E.Shaw & Co ซึ่งเงินเดือนงาม แล้วย้ายที่อยู่ข้ามประเทศ เพื่อก่อตั้งร้านหนังสือทางอินเทอร์เน็ต คำถามแรกของเธอคือ อินเทอร์เน็ตคืออะไร เพราะตอนนั้นเป็นเรื่องใหม่มาก 

“แต่เธอก็ไม่พูดอะไร นอกจากคำว่า เยี่ยม…ลุยเลย! เพราะรู้ว่าผมชอบนวัตกรรม ขณะที่แม่กับพ่อเลี้ยงผม (มิกูเอล เบซอส) ซึ่งเป็นผู้อพยพชาวคิวบาที่มาสหรัฐฯตอนอายุ 16 ปี ส่งเสริมผมมาก การที่เราได้รับความรักและแรงสนับสนุนจากครอบครัว ทำให้ผมมั่นใจที่จะลองเสี่ยง”

เพราะเจฟเชื่อว่าชีวิตคือการเสี่ยง สิ่งที่จะทำให้เขารู้สึกเสียใจตอนอายุ 80 ก็คือการไม่ได้ลงมือทำ มากกว่าการที่เราเสียใจเพราะทำแล้วล้มเหลวหรือไม่ได้ผลเสียอีก 

“ผมไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องความรักด้วย ว่าถ้าเรารักใครสักคนแล้วไม่เคยบอกรักเขา ห้าสิบปีต่อมาคุณจะโมโหตัวเองที่ไม่ได้บอก ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกเสียใจภายหลัง 

“ผมโชคดีที่มีคนรักผมอย่างไม่มีเงื่อนไข และหนึ่งในนั้นคือแมคเคนซี่ เธอถึงกับรับงานบัญชีในช่วงปีแรกที่ก่อตั้ง Amazon และทำได้ดีด้วย ซึ่งน่าทึ่งมาก ทั้งที่เธอเป็นนักเขียนที่มีความสามารถมากกว่านักบัญชีก็ตาม”

jeff bezos and Mackenzie scott
เจฟ เบซอส กับแมคเคนซี่ สก็อต อดีตภรรยาผู้เชื่อมั่นในตัวอดีตสามี ทั้งคู่ได้ช่วยกันปลุกปั้น Amazon จนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอีคอมเมิร์ซ Photo by Jerritt Clark/FilmMagic

เพราะอะไรจึงเริ่มที่ ‘หนังสือ’

เป็นเรื่องจริงทีเดียวที่เจฟและแมคเคนซี่ต่างก็เป็นนักอ่านตัวยง แตไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจทำธุรกิจหนังสือ ทว่าเพราะหนังสือเป็นสินค้าที่มีจำนวนมากกว่าสินค้าชนิดอื่น 

ปี 1994 ซึ่งเป็นปีก่อตั้ง Amazon มีหนังสือกว่า 3 ล้านเรื่องด้วยกัน ขณะที่ร้านหนังสือทั่วไปมีหนังสือเพียง 1.5 แสนเรื่อง เจฟ เบซอส เห็นว่าเขาสามารถใช้ช่องว่างนี้เปิดร้านหนังสือออนไลน์ที่เป็นระดับโลก มีหนังสือทุกเรื่อง แม้แต่หนังสือที่ไม่ตีพิมพ์แล้ว 

ร้านได้รับความสำเร็จมากเกินคาด พนักงานทั้ง 10 คนในบริษัทช่วงนั้น รวมทั้งซอฟท์แวร์เอ็นจิเนียร์ต้องช่วยกันแพ็คหนังสือเพื่อส่งไปรษณีย์ ทุกคนต้องนั่งแพ็คกับพื้นจนถึงตี 1-ตี 2 

“ผมพูดกับซอฟท์แวร์เอ็นจิเนียร์ว่า เราต้องซื้อสนับเข่า แต่เขากลับจ้องหน้าผมแล้วพูดว่า ‘เจฟ เราต้องการโต๊ะแพ็คหนังสือมากกว่านะ’ (หัวเราะ) วันต่อมาผมก็เลยซื้อโต๊ะมา ทำให้งานเร็วขึ้นกว่าเท่าตัว”

แต่หลังจากนั้นสามปี บาร์นส์แอนด์โนเบิ้ล ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการหนังสือของอเมริกา ก็เปิดเว็บไซต์ขายหนังสือขึ้นมาแข่ง ขณะที่ Amazon มีพนักงาน 125 คน ทำยอดขายปีละ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บาร์นส์แอนด์โนเบิ้ลมีพนักงาน 3 หมื่นคน และยอดขาย 3 พันล้านดอลลาร์หรัฐฯ ตอนนั้นหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในสหรัฐฯต่างก็พาดหัวว่า ‘Amazon ตายแน่’ 

“ตอนนั้นทุกคนต่างก็โทรมาถามข่าวคราวพวกเรา เพราะเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากสำหรับเรา แต่ผมบอกว่ากลัวเถอะ แต่อย่ากลัวคู่แข่งเรา เพราะคู่แข่งไม่ใช่คนที่ให้เงินเรา แต่จงกลัวว่าลูกค้าจะหนีเราไป เพียงแค่ใส่ใจความต้องการของลูกค้าก็พอ แล้วเราจะรอดไปด้วยกัน”  

นโยบายของ Amazon คือการทำให้ลูกค้าไว้วางใจ และเชื่อถือในสินค้าและองค์กร ซึ่งเจฟเชื่อว่าลูกค้าเป็นสินทรัพย์ทางธุรกิจที่มีค่ามาก และที่สำคัญคือหลอกลูกค้าไม่ได้ และไม่ควรประเมินลูกค้าต่ำเกินไป 

jeff bezos
หุ่นเปเปอร์มาร์เช่ล้อเลียน เจฟ เบซอส ในชุดของบัซซ์ ไลท์เยียร์ ประกอบขบวนแห่หุ่นที่ทำล้อเลียนบรรดาคนดัง ในงานคาร์นิวัลเวียเร็กจิโอ ที่อิตาลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานคาร์นิวัลที่สำคัญของอิตาลีและยุโรป และเป็นขบวนแห่ท่ีใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นคาร์นิวัลแรกหลังจากโควิดซา Photo by Laura Lezza/Getty Images

เป้าหมายใหม่คือ ‘อวกาศ’

“ผมสนใจอวกาศมาตลอด ตั้งแต่ผมอายุได้ 5 ขวบก็ศึกษาและคิดเรื่องนี้ ผมจึงลุยงานโครงการอวกาศเรื่อยมา เพราะผมเชื่อว่าถ้าเราไม่ทำโครงการนี้ เราจะล้าหลัง ซึ่งผมมองว่าทำให้เราสูญเสียความมั่นใจ ผมไม่อยากให้ลูกหลานเหลนโหลนของผมต้องอยู่กับความล้าหลัง”

เจฟกล่าวถึงโครงการอวกาศในนาม Blue Origin ที่ใกล้จะเปิดบริการในอีกไม่ช้านี้ เขายังบอกอีกว่า ถ้าหากประชากรโลกมีจำนวนล้านล้านคนเมื่อไร ก็จะมีไอน์สไตน์มากถึง 1,000 คน โมสาร์ทถึง 1,000 คน และทรัพยากรรวมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์อีกไม่อั้นที่รองรับวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติ และนี่จะเป็นโลกที่เขาอยากให้ลูกหลานของเขาใช้ชีวิตอยู่

เมื่อถามถึงลูกๆของเขา เจฟบอกเราว่า “ผมโชคดีที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกๆ ผมพยายามสอนพนักงานทั้งรุ่นเด็กและรุ่นอาวุโสของผมที่ Amazon ว่าเราควรมีชีวิตและการงานที่ดีในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีคนถามผมเรื่องนี้ตลอดเวลา 

“และความเป็นจริงคือ เวลาผมมีความสุขที่บ้าน ผมจะไปทำงานพร้อมกับพลังงานที่ล้นเหลือ และถ้าผมทำงานอย่างมีความสุขแล้วละก็ ผมจะกลับบ้านไปพร้อมกับพลังงานที่ล้นเหลืออีกเช่นกัน มันเป็นวงจร ไม่ใช่สมดุล และผมว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสนใจ”          

การศึกษาโดยย่อของเจฟ เบซอส

ประถมศึกษา River Oaks Elementary School

มัธยมศึกษา Miami Palmetto Senior High School

ปริญญาตรี สาขาฟิสิกส์ Princeton University ก่อนจะย้ายไปเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และอีเลคทรอนิกส์ เกียรตินิยมอันดับ 1 ที่สถาบันเดียวกัน        

ที่มา : Business Insider, www.ceochannels.com                

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.