คุณพ่อคุณแม่ทุกคน ต่างรู้ดีว่า การจะเลี้ยงลูกของเรา ให้เติบโตขึ้นมาอย่างดี สุขภาพแข็งแรงทั้งกายใจ พร้อมที่จะเติบใหญ่ ก้าวเดินต่อไปด้วยตัวเองในอนาคตนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ต้องใช้ทั้งเวลา และการดูแล เอาใจใส่ ในทุก ๆ ด้าน ซึ่งแต่ละครอบครัว ก็มีปัจจัยรองรับ พื้นฐานต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน มีแนวคิดในการเลี้ยงลูก ที่แตกต่างกัน พฤติกรรม และการเลี้ยงดู ของพ่อแม่ จึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ที่จะส่งผลต่อพัฒนาการของลูก ว่าลูกจะเติบโตมา เป็นคนอย่างไร มีบุคลิกอย่างไร ในอนาคต

ซึ่งได้มีนักจิตวิทยา ชาวอเมริกัน Diana Baumrind ที่ทำการวิจัยศึกษา รูปแบบต่าง ๆ ในการเลี้ยงดูเด็ก ของแต่ละครอบครัว ได้แบ่ง หลักการเลี้ยงลูก ออกเป็น 4 สไตล์
หลักการเเลี้ยงลูก แบบเอาใจใส่ (Authoritative Parenting Style)
หลักการเเลี้ยงลูก แบบเอาใจใส่ (Authoritative Parenting Style) พ่อแม่ จะเปิดโอกาสให้ลูก ได้มีโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ให้อิสระกับเด็ก ในการทดลองทำอะไร ๆ ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยที่ยังอยู่ในกฎกติกา ที่มีการตกลงกันไว้ในครอบครัว และให้เด็กได้เป็นตัวของตัวเอง หัดคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง ส่วนพ่อแม่ก็คอยเฝ้าดู สนับสนุนตามพัฒนาการในแต่ละวัย ให้ความรัก ความอบอุ่น ความใส่ใจ แต่ไม่ตามใจจนมากเกินไป ยึดเหตุและผลเป็นหลัก และให้เด็กได้มีส่วนร่วม ในการแสดงความคิดเห็น การวางแผนอะไรต่าง ๆ ในบ้านด้วย เรียกว่าเลี้ยงลูกโดยอยู่บนพื้นฐานของการเข้าอกเข้าใจกัน
เด็กที่เติบโตมาด้วยการเลี้ยงแบบเอาใจใส่ จะมีความสามารถในการจัดการ ดูแลตัวเองได้ดี เมื่อเจอปัญหาอะไร ก็สามารถหาทางแก้ได้ โดยอยู่บนหลักของความเป็นเหตุเป็นผล มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ร่าเริงแจ่มใส สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี และเข้ากับผู้อื่นในสังคมได้

หลักการเเลี้ยงลูก แบบเข้มงวด (Authoritarian Parenting Style)
หลักการเเลี้ยงลูก แบบเข้มงวด (Authoritarian Parenting Style) พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกลักษณะนี้ จะค่อนข้างมีความเข้มงวดสูง มีระเบียบกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด และค่อนข้างบงการลูกให้อยู่ในกรอบกติกานั้น โดยอาจจะไม่มีการอธิบายเหตุผลใด ๆ ว่าทำไมต้องปฎิบัติตาม จะเกิดผลอะไรบ้าง หรือมีเหตุผลที่อิงเข้ากับตนเองเป็นหลัก โดยไม่ได้รับฟัง เหตุผลของลูกเท่าไรนัก เพราะคิดว่าเหตุผลของลูก อาจไม่ได้ดีเท่าเหตุผลของตน และมีความคาดหวังในตัวลูกสูง อยากให้ลูกได้ดีในอนาคต ตามภาพที่ตนวาดหวังไว้ จนอาจจะบังคับและกะเกณฑ์มากเกินไป จนไม่ได้สนใจความต้องการที่แท้จริงของลูกตัวเองได้
เด็กที่เติบโตมาด้วยการเลี้ยงแบบเข้มงวด จะไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นของตัวเอง หรือกล้าตัดสินใจเรื่องอะไรด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่านอนสอนง่าย เชื่อฟัง เคารพ แต่ลึก ๆ ข้างในอาจมีความดื้อเงียบ ก้าวร้าว เก็บกดไว้อยู่ เมื่อต้องเจอสังคมใหม่ ๆ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ก็จะปรับตัวได้ยาก อารมณ์อ่อนไหว และอาจยิ่งมีปัญหาชัดเจน เมื่อลูกเริ่มโต และเข้าสู่วัยรุ่น ที่เริ่มมีความต้องการในการตามหาตัวตน ต้องการเป็นตัวของตัวเองสูง

หลักการเเลี้ยงลูก แบบตามใจ (Permissive Parenting Style)
หลักการเเลี้ยงลูก แบบตามใจ (Permissive Parenting Style) พ่อและแม่ จะมอบความรัก ความอบอุ่น ความเอาใจใส่ ให้กับลูกอย่างเต็มที่ เมื่อลูกต้องการอะไร ก็จะสนองให้ทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้ หรือไม่มีขอบเขตกำหนด หรือใจอ่อนเกินไป ที่จะลงโทษ หรือควบคุมลูกให้อยู่ในกฎกติกาที่มี ทำให้กลายเป็นการเลี้ยงลูก แบบที่ค่อนข้างตามใจ พ่อแม่อาจใช้รางวัลเป็นของหลอกล่อ ให้เด็กทำตามความต้องการ เด็กก็จะเติบโตมา โดยได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาอย่างง่ายดาย และไม่เคยโดนขัดใจ จนกลายเป็นความเคยชิน
เด็กที่เติบโตมาด้วยการเลี้ยงแบบตามใจ อาจกลายมาเป็น คนที่เอาแต่ใจตัวเอง เห็นแก่ตัว เคยชินกับการเป็นผู้รับฝ่ายเดียว หรือต้องได้รับการเอาอกเอาใจจากคนรอบข้าง ชอบควบคุมบงการผู้อื่น ก้าวร้าว ไม่รู้จักการเสียสละ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เข้ากับผู้อื่นในสังคมได้ยาก
หลักการเเลี้ยงลูก แบบปล่อยปละละเลย (Uninvolved Parenting Style)
อีกหนึ่ง หลักการเลี้ยงลูก 4 สไตล์ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวัง คือ หลักการเลี้ยงลูก แบบปล่อยปละละเลย (Uninvolved Parenting Style) ที่จริง อาจเรียกได้ไม่เต็มปากนักว่าเป็น หลักการเลี้ยงลูก เพราะมักเกิดจากการที่ พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ไม่ใส่ใจ หรือขาดความเอาใจใส่ ไม่ค่อยตอบสนองต่อความต้องการต่าง ๆ ของลูก มีความเหินห่าง หรือแสดงท่าทีปฎิเสธลูก ไม่ทำให้ลูกรับรู้ ถึงความรักของพ่อแม่ อาจไม่มีการควบคุมดูแล สอนลูกให้เรียนรู้ตามพัฒนาการของวัย หรือไม่สนใจที่จะช่วยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไร ทำให้เด็กเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ต้องพึ่งพาตนเอง หรืออาจหันไปหาที่พึ่งอื่น
เด็กที่เติบโตมาด้วยการเลี้ยงแบบปล่อยปละละเลย จะค่อนข้างดูแลตัวเอง และพึ่งพาตัวเองเก่ง มีความแข็งแกร่ง แต่ลึก ๆ ในใจ อาจรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เก็บกดความรู้สึก มี self esteem ต่ำ มองโลกในแง่ร้าย หวาดระแวงคนอื่น ไม่ไว้ใจใคร และอาจลำบากในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น หรือการอยู่ร่วมกันในสังคม เพราะไม่มีแบบอย่างที่ดีมาตั้งแต่เด็ก
อ่านเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับราชวงศ์ ทั้งไทย และ ต่างประเทศ เซเลบริตี้ ข่าวสารใหม่ ๆ และ เรื่องราวเกี่ยวกับแฟชั่น สุขภาพ และความงามได้ที่ Hello!