Home > Education > Interviews > Talent > มิเชล โหย่ว อดีตนักเรียนบัลเลรินาที่อกหักจากบัลเลต์

Everything Everywhere All At Once หนังแอ็คชั่นคอมมิดี้ที่กำลังส่งให้ มิเชล โหย่ว กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึง เพราะนอกจากจะส่งให้เธอเป็นนักแสดงหญิงชาวเอเชียคนที่ 2 ที่ชนะรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมแล้ว สาธารณชนกำลังลุ้นว่าเธอจะเป็นนักแสดงหญิงชาวเอเชียคนแรก ที่สามารถคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ได้อีกหรือเปล่า 

หลังจากที่ก่อนหน้านั้น มิเชล โหย่ว เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากหนังเรื่อง  ‘Crouching Tiger, Hidden Dragon’ ที่กำกับโดยผู้กำกับมือทองอย่างอั้งลี่มาแล้ว 

มิเชล โหย่ว เคยเป็นสาวบอนด์ใน หนังเจมส์บอนด์ตอน ‘Tomorrow Never Dies’ และเป็นราชินีนักบู๊ในหนังแอ็คชั่นของฮ่องกงตลอดยุค 80 

เรามาดูกันว่าโหย่วมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร 

ฝันอยากเป็นบัลเลรินา

โหย่วเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางระดับสูงเชื้อสายจีนที่มาเลเซีย ครอบครัวเธอสื่อสารกันเป็นภาษาอังกฤษ และเธอเล่าให้นักข่าวฟังว่า 

มิเชล โหย่ว
 มิเชล โหย่ว กับเฉินหลง ในคอนเสิร์ตช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ Photo by Jun Sato/WireImage

“เป็นวัยเด็กที่อิสระมาก พ่อฉันเป็นทนายความและนักการเมือง ส่วนแม่เป็นแม่บ้านที่หัวโบราณ ฉันมีพี่ชายหนึ่งคน ยามว่างเราจะปีนต้นไม้เล่น หรือไม่ก็ตีปิงปอง ตีสควอทช์ ว่ายน้ำ ดำน้ำ บางทีก็ไปเดินป่า หรือเที่ยวทะเลกับครอบครัว เป็นวัยเด็กที่สนุกสนานและมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก”

แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่คุณพ่อของโหย่วย้ำนักย้ำหนาก็คือ เรื่องการศึกษา “พ่อของฉันพูดเสมอว่า สิ่งที่พ่อจะให้ลูกได้ก็คือการศึกษา ท่านบอกว่า ลูกเลือกเรียนอะไรก็ได้ที่อยากเป็น เพราะพ่อไม่อยากให้ลูกมาโทษพ่อทีหลังได้ว่า เป็นเพราะพ่อบังคับให้ลูกเรียนวิชาที่ลูกไม่อยากทำในชีวิตนี้ ฉันก็เลยบอกพ่อว่า อยากเรียนบัลเลต์ ท่านพูดแค่ว่า โอเค”

ขณะที่ในยุคนั้นพ่อแม่ชาวเอเชียยังนิยมให้ลูกเรียนแพทย์ และกฎหมาย ซึ่งเป็นอาชีพที่มั่นใจได้ว่ามีงานรองรับแน่ และเป็นงานที่มั่นคง  คุณพ่อของโหย่วจึงนับเป็นคนที่หัวก้าวหน้ามาก ท่านถึงกับย้ายครอบครัวไปอยู่ลอนดอน และส่งโหย่วเข้าเรียนบัลเลต์ที่ Royal Academy of Dance  

มิเชล โหย่ว เรียนบัลเลต์ตั้งแต่ 4 ขวบ และเรียนประถมและมัธยมที่โรงเรียนสตรี Main Convent Ipoh ในมาเลเซีย ตอนเด็กๆ โหย่วชอบบัลเลต์มาก มากถึงกับฝันว่าสักวันจะเป็นเจ้าของโรงเรียนบัลเลต์ และเธอจะสอนบัลเลต์ให้แก่เด็กๆ ที่เป็นลูกศิษย์  “เป็นเพราะฉันอยากแบ่งปันความสุข และความรักในการเต้นบัลเลต์แก่เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ต่อไปค่ะ”

มิเชล โหย่ว
ระหว่างไปเยือนคานส์ ฝรั่งเศส Photo by Daniele Venturelli/WireImage

ฝัน…สลาย 

การเรียนที่ Royal Academy of Dance ทำให้โหย่วเข้าใกล้ความฝันมากยิ่งขึ้นทุกทีๆ “แล้วความฝันของฉันก็เป็นจริง ฉันได้เต้นบัลเลต์ แต่สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้มากเป็นพิเศษในการเป็นบัลเลรินา ก็คือคุณต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บปวดตลอดเวลา เพราะระบำปลายเท้าคือการทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปที่นิ้วเท้า และเต้นไปทั่วเวทีราวกับเดินอยู่บนปุยนุ่น ซึ่งหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ปรากฏว่ายิ่งเจ็บมากขึ้น และทำให้ปวดหลัง”

การเต้นบัลเลต์ทำให้กระดูกสันหลังของโหย่วเคลื่อน และหมอสั่งห้ามเต้นอีก “พอฉันเต้นอีกไม่ได้ มันเหมือนความฝันทั้งหมดพังทลายลงต่อหน้าต่อตาฉัน แต่ด้วยความที่ครูใหญ่เห็นฉันเป็นนักเรียนต่างชาติ จึงเอ็นดูฉันมากเป็นพิเศษ ท่านบอกว่าถึงจะเต้นบัลเลต์อีกไม่ได้ ก็ยังมีศิลปะการเต้นแขนงอื่นให้เลือกทำอยู่ ถ้าฉันยังรักที่จะเต้นต่อไป และรักษาหลังให้หาย ท่านก็เลยให้ฉันสมัครเรียนโรงเรียนอื่น ซึ่งมีวิชาการมากกว่าภาคปฏิบัติ ทำให้ฉันมีโอกาส ซึ่งนับว่าฉันโชคดีมากๆ เลย”

แจ้งเกิดเป็นราชินีนักบู๊      

มิเชล โหย่ว
ในหนังเจมส์ บอนด์ คู่กับเพียร์ส บรอซแนน Tomorrow Never Dies เมื่อปี 1997 Photo by Keith Hamshere/Sygma via Getty Images

หลังจากเรียนจบ โหย่วกลับไปมาเลเซียเพื่อเข้าประกวดมิสเวิลด์มาเลเซีย และสามารถคว้ามงกุฎได้ จากนั้นเธอได้เล่นหนังโฆษณากับเฉินหลง ด้วยความสวยงามของโหย่วจึงได้รับบทนำในหนังแอ็คชั่นของฮ่องกงตลอดยุค 80 ซึ่งโหย่วท้าทายตัวเองไปอีกขั้นด้วยการเล่นฉากบู๊เสี่ยงตายด้วยตัวเอง โหย่วลงทุนเรียนกังฟู และได้เล่นหนังคู่กับพระเอกนักบู๊ตัวพ่อของฮ่องกงหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเฉินหลง หลี่เหลียนเจี๋ย หงจินเป่า และหยวนเปียว 

“ฉันต้องทำให้ได้ แม้ว่าเราจะเป็นผู้หญิงก็ตาม อาจเป็นเพราะตอนนั้นฉันยังเด็ก ก็เลยสามารถเล่นคิวบู๊ได้ไม่ต่างจากนักแสดงชายคนอื่นๆ ซึ่งบางทีก็เป็นฉากเสี่ยงตาย แต่ถ้าถามฉันตอนนี้ว่าจะเล่นฉากเสี่ยงตายได้ไหม ฉันต้องบอกว่า ไม่! ฉันทำไม่ได้ หมดเวลาเล่นแล้ว” 

ถามว่าเพราะอะไรโหย่วถึงสามารถผันตัวเองมาเป็นนักแสดง ทั้งที่อกหักจากบัลเลต์มาหมาดๆ “ฉันจะไม่จมอยู่กับอะไรที่ฉันเสียใจที่ได้ทำลงไป เพราะมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ฉันต้องก้าวต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ฉันจะแพ้ไม่ได้ เราต้องต่อสู้ต่อไป”

สำหรับการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ในปี 2023 นี้ เธอรู้สึกอย่างไร โหย่วตอบนักข่าวว่า “พิธีแจกรางวัลออสการ์ดำเนินมาถึงปีที่ 95 แล้ว และฉันดีใจมากที่ตัวเองได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง แต่ก็รู้สึกเศร้าหน่อยๆ เพราะฉันรู้ว่าเราทราบว่ามีนักแสดงหญิงชาวเอเชียที่เก่งๆซึ่งเข้าวงการฮอลลีวู้ดก่อนฉัน เป็นรากฐานที่ทำให้ฉันก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้”

แต่สำหรับการเป็นดาราเจ้าบทบาท น่าแปลกที่เราไม่เคยเห็นโหย่วแสดงละครเวทีเลย “ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นนักแสดง เพราะฉันมักจะตื่นเวที ชาวตะวันตกให้ความสำคัญกับการแสดงบนเวทีเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าฉันขึ้นเวทีละก็ ทันทีที่อยู่บนเวที ฉันจะลืมชื่อลืมบทหมดเลย”        

และนี่คือเรื่องราวในอดีตและปัจจุบันของโหย่ว นักแสดงแถวหน้าของเอเชียที่ได้สร้างชื่อให้ตัวเองเป็นที่รู้จักในระดับโลก สำหรับอนาคตอันใกล้ เราเอาใจช่วยเธอให้สามารถคว้าออสการ์มาได้อีกหนึ่งรางวัล     

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.