Home > Education > Interviews > Talent > ย้อนชีวิตสมัยเป็นนักเรียนออสเตรเลียของ ‘บีบี – เอกนรี วชิรบรรจง’

เป็นอีกหนึ่งสาวมาดเท่ที่มีคนจับตามองไม่น้อย สำหรับ คุณบีบี – เอกนรี วชิรบรรจง ลูกสาวเพียงคนเดียวของ ‘คุณอ๊อฟ – พงษ์พัฒน์ และ คุณแดง – ธัญญา วชิรบรรจง’ ที่เดินตามรอยคุณพ่อสู่การทำงานบื้องหลังในฐานะโปรดิวเซอร์และผู้จัดละครเต็มตัว ล่าสุด HELLO! Education มีโอกาสพูดคุยกับคุณบีบีที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ตั้งช่วงไฮสกูลจนจบปริญญาตรี

เอกนรี วชิรบรรจง

คุณบี เล่าว่า “บีเรียนโรงเรียนราชินีบนตั้งแต่อนุบาล 2 จนถึงมัธยม 3 ค่ะ จากนั้นไปเรียนต่อ Year 9 จนถึง Year 11 ที่ Toorak College รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลียเลย ซึ่งตอนนั้นจริง ๆ คุณแม่อยากส่งไปเรียนที่นิวซีแลนด์ค่ะ เพราะเคยไปเรียนช่วงซัมเมอร์แล้วชอบกลับมาตอนแรกยังคิดเลยว่าจะไปนิวซีแลนด์ แต่ทางเอเจนต์แนะนำไปออสเตรเลียแทน เลยไปลงตัวที่ Toorak College ซึ่งอยู่นอกเมืองเมลเบิร์น เรียกว่าไปอยู่แบบกึ่ง ๆ บ้านนอกเลยค่ะ (หัวเราะ)” คุณบีบีย้อนเล่าวันแรกเริ่มการศึกษาในต่างประเทศที่ Toorak College ซึ่งเป็น boarding school และเป็นโรงเรียนหญิงล้วน

เมื่อถามว่ามีอาการโฮมซิกไหม คุณบีตอบในทันทีว่า “ไม่โฮมซิกเลยค่ะ ชอบมาก เป็นอารมณ์เหมือนแบบ “อิสระนี้ที่รอคอย” (หัวเราะ) คือตอนอยู่เมืองไทยตัวบียอมรับเลยว่า ไม่ค่อยถนัดเรื่องวิชาการเอาเสียเลย ตอนเรียนราชินีบนเกรดวิชาพลศึกษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คือดีหมดแต่พอเป็นเลข เป็นวิทยาศาสตร์ ก็จะงง ๆ หน่อย ซึ่งพอไปเรียนที่โน่นแฮปปี้เลย โรงเรียนบังคับให้เรียนแค่บางวิชาที่ต้องเรียนจริง ๆ เช่น เลขสักหนึ่งวิชาเพื่อเป็นพื้นฐาน นอกนั้นเราสามารถเลือกเรียนได้หมดเลยว่าจะเรียนอะไร บีเลยลงเรียนแบบ full art”

ด้วยความที่แฮปปี้กับการได้เรียนและใช้ชีวิตในต่างแดน ทำให้ช่วงปิดเทอมคุณบีจึงเลือกที่จะอยู่กับเพื่อน ๆ ที่โน่น กลับเมืองไทยเพียงปีละครั้งเท่านั้น “บี ชอบบรรยากาศที่นี่ ชอบเมืองนี้ ยิ่งได้อยู่กับเพื่อน ๆ ก็ยิ่งสนุก ได้นั่งรถไฟเข้าเมืองอาทิตย์ละครั้ง จากเมืองมอร์นิงตัน แฟรงก์สตันที่บีอยู่เข้าไปในเมืองเมลเบิร์น ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็จะมีความตื่นเต้นในการไป explore ที่โน่นที่นี่”

เอกนรี วชิรบรรจง

คุณบีบียังบอกด้วยว่า ชีวิตเด็กนักเรียนประจำในช่วงไฮสคูลให้อะไรกับเธอเยอะ โดยเฉพาะความมีวินัยและความรับผิดชอบ “ตอนบีเข้าไปเรียนแรก ๆ ก็เกร็งเหมือนกัน เพราะพอเป็น boarding school ก็จะอยู่กับเพื่อน ๆ เอเชียแทบทั้งหมด จีน เกาหลี ญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นจะเป็น exchange student มากกว่า ก็จะมากันแป๊บ ๆ แล้วกลับ ส่วนรูมเมตบีเป็นเด็กเกาหลี มีเพื่อนฝรั่งน้อยมาก เพื่อนฝรั่งส่วนใหญ่เป็น day girl ไปเรียนแบบเช้าไปเย็นกลับกัน”

เรื่องเล่าของคุณบีบีทำให้รู้สึกได้เลยว่า ตลอดการเรียนไฮสคูลเธอมีความสุขเฉกเช่นเดียวกับตอนเรียนที่ RMIT University คณะ Bachelor of Arts (Photography) ที่เมลเบิร์น และยังบอกอีกว่าชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยแห่งนี้โดดเด่นด้านศิลปะคล้ายคลึงกับมหาวิทยาลัยศิลปากรของบ้านเรา “ที่นี่โดดเด่นทางด้าน art และ media ผสมกัน โดย media จะรวมสื่อทุกสื่อไว้หมดเลย และเขามี broadcast ของมหาวิทยาลัยด้วย ส่วนบีก็เรียน Bachelor of Arts (Photography) อยู่สามปี ซึ่งแอดวานซ์กว่าตอนเรียนไฮสคูลมาก ๆ เพราะเราเรียนถ่ายภาพเป็นสาขาเอกของ Fine Arts ต้องตีความมากขึ้นในเรื่องของคอนเทนต์ที่อยากนำเสนอ ไม่ใช่แค่ว่าภาพสวยแล้วอะไรก็ได้ แต่ต้องมีคอนเทนต์การสื่อสารจากภาพหรือคอนเซปต์ที่ต้องการสร้างซีรี่ส์ของเรื่องราวในภาพด้วย เรียกว่ารูปภาพแต่ละรูปจะต้องสื่อสารบางสิ่งบางอย่าง

“การเรียนการสอนของที่นี่ อาจารย์เรียกไปคุยตั้งแต่ต้นภาคการศึกษาเลยว่า โปรเจกต์มีอะไรบ้างคุณไปคิดมา 10 รูป พร้อมเขียนงานโน่นนี่ ระหว่างเทอมก็จะเช็กกับเราว่า โปรเจกต์ไปถึงไหนกันบ้างแล้วคิดคอนเซปต์หรือยัง อาจารย์เหมือนคอยแนะนำเป็นไกด์ไลน์มากกว่าว่า เราเป็น way นั้น wayนี้ดีกว่าไหม คือแม้ว่าจะไม่ต้องเข้าเรียนบ่อย แต่ก็ต้องรับผิดชอบงานทุกชิ้น ถามว่าอาจารย์ที่สอนเป็นศิลปินดังระดับชาติกันไหม แล้วแต่คลาสค่ะ และบางวิชาก็ต้องฟังเลกเชอร์ และเราต้องเขียนวิทยานิพนธ์ตอนเรียนจบ ส่วนบางวิชาก็ต้องเขียน essay ความยาวสิบกว่าหน้า และที่สำคัญในช่วงปีแรก ๆ ทุกคนต้องเรียนพื้นฐานก่อนและต้องเรียนรู้ตั้งแต่รากเพื่อให้รู้ถึงแก่นแท้ นั่นคือ Art History แล้วถึงแยกย้ายกันไปเรียนวิชาเอก อย่าง painting หรือ photo”

เอกนรี วชิรบรรจง

“ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ในคลาสเป็นออสเตรเลียนทั้งหมด มีฝรั่งเศสบ้าง แต่เป็นฝรั่งเศสที่โตที่นี่ จริงๆ ตอนแรกบีตั้งใจเรียน Communication Arts ก่อนแล้วค่อยเรียนพวก Photography ทีหลังเพราะรู้สึกว่าเป็นงานอดิเรกของเรา เอาไว้ค่อยเรียน ไม่น่ายากปรากฎว่าครู photo เลือกบี บอกว่าคุณมีทักษะด้านนี้ เลยได้เข้าเรียน Bachelor of Arts (Photography) ที่แรก ๆ บียังไมรู่ว้ า่ fine arts คืออะไรด้วยซ้ำ แต่พอได้เรียนรู้จริง ๆ โอ้โห! มันมีอะไรลึกล้ำกว่าที่คิดมาก นั่นแหละเปลี่ยนเราในตอนนั้นเลย”

“เป็นจุดเปลี่ยนที่เราต้องเข้าใจทุกสิ่งที่ถูกสร้าง เข้าใจการอธิบายถึงสิ่งที่เราทำอยู่ บีว่ามัน deep ขึ้น deep มาก เลยทำให้สนุกด้วย แล้ว เด็กที่ไปเรียนก็เป็นเด็กติสต์แบบติสต์มาก เลิกเรียนปุ๊บไม่มีใครคุยกันหรือ hangout กัน ทุกคนต่างแยกย้ายไปตามวิถีของตัวเอง เลยไม่ค่อยได้สนิทกับเพื่อนในคลาส เข้าไปนั่งฟังครูสอนอย่างเดียวและจะคุยกับครูนอกรอบเสียเป็นส่วนใหญ่”

หลังจากเรียนจบปริญญาตรีทางด้าน Bachelor of Arts (Photography) คุณบีบีก็ไปเรียนต่อด้านภาพยนตร์ที่ USC (University of Southern California) สหรัฐอเมริกา เป็นซัมเมอร์คอร์ส ซึ่งคุณบีบีจะมาแชร์ประสบการณ์ระหว่างเรียน รวมไปถึงแพสชั่นด้านการถ่ายรูป และการเดินตามรอยคุณพ่อและคุณแม่สู่งานเบื้องหลังการทำละครและภาพยนตร์ สามารถติดตามได้ใน HELLO! Education 2023 วางแผงแล้ววันนี้

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.