การเลี้ยงลูกในยุคที่เทคโนโลยีหมุนรอบตัว คุณพ่อ-คุณแม่ต้องก้าวทันทั้งเทคโนโลยี พร้อมกับการเปิดรับอิสระทางความคิดของลูก เช่นเดียวกับ คุณแจง – อัปสรศิริ จุณณานนท์ คุณแม่คนเก่งผู้ใช้หลัก “สังเกต เข้าใจ ซัพพอร์ต” ดูแล น้องทราย – ดมิสา วนาสวัสดิ์ ลูกสาวคนเดียวที่ตอนนี้กำลังเติบโตบนเส้นทาง Artist และกำลังมีโปรเจกต์พิเศษ LADV X DAMISA กับทาง โลตัส อาร์ต เดอ วีฟร์ (Lotus Arts de Vivre) แบรนด์จิวเวลรี่และของตกแต่งบ้านระดับโลก เพราะฝีมือเข้าตา คุณรอล์ฟ วอน บูเรน ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีรสนิยมเป็นเลิศและมีสายตาที่เฉียบคมในการคัดสรรเฉพาะศิลปวัตถุชิ้นงามหายากจากทั่วโลก

จากเวิร์กกิ้งวูแมน สู่ คุณแม่ Full Time
“หลังจากเรียนจบจากรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เรียนต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน สาขาเศรษฐศาสตร์ เพราะอยากรู้อะไรที่กว้างขึ้น หลังจากเรียนจบก็กลับไทยมารับราชการที่กระทรวงพาณิชย์ ด้วยความที่โตมาในครอบครัวราชการ คุณพ่อ (บดี จุณณานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ) ก็รับราชการ เราถูกสอนแนวคิดว่าหากมีความรู้ความสามารถก็อยากให้มารับราชการเพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศ แม้เงินเดือนราชการจะน้อยแต่ด้วยครอบครัวพอมีฐานะที่สนับสนุนลูกได้ คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนให้รับราชการ”
คุณแจงเล่าถึงชีวิตในวัยเยาว์ที่ทำให้มุ่งมั่นทำงานรับราชการมาโดยตลอด จวบจนตัดสินใจลาออกจากราชการ โดยตำแหน่งสุดท้าย คือ ผู้อำนวยการสำนักงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก เพื่อให้เวลากับการดูแลน้องทรายอย่างเต็มที่ ด้วยคุณแจงมีลูกตอนอายุค่อนข้างมาก ส่วนสามี คุณกุลวุฒิ วนาสวัสดิ์ มีภารกิจบริหารบริษัทผลิตยา ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย

คุณแม่สายซัพพอร์ต
อาจจะด้วยตอนน้องทรายเล็ก ๆ คุณแจงมักจะหยิบยื่น กระดาษและสี ให้น้องทรายระบายสีเล่นฆ่าเวลา จุดประกายพรสวรรค์ในตัวลูกสาวคนเดียวให้เปล่งประกาย ปัจจุบันน้องทรายกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 Rhode Island School of Design (RISD) คณะ Painting สหรัฐอเมริกา
คุณแจงเล่าให้เราฟังว่า ชอบสังเกตนิสัยน้องทราย ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ซึ่งเคยให้น้องทรายลองเรียนดนตรี บัลเลต์ แต่น้องไม่มีความสนใจ เรียนไปแล้วก็เลิก แต่พอให้เรียนศิลปะกลับชอบและทำได้ดี ตัวคุณแจงเองก็ดูพัฒนาการและคอยชี้แนะให้ลองค้นหาสไตล์ และลองเรียนในหลากหลายด้าน เพื่อไม่ตีกรอบทางความคิดว่า เรียนศิลปะแล้วจะต้องเป็นอาร์ตติสวาดรูปเพียงอย่างเดียว
คุณทราย ดมิสา วนาสวัสดิ์ ได้เอ่ยถึงคุณแม่แจงว่า “คุณแม่เป็นสายซัพพอร์ตที่แท้จริง คุณแม่ไปคุยกับคุณพ่อจนคุณพ่อยอมใจอ่อนให้ทรายเรียนศิลปะ และจะคอยสอนเสมอว่า เวลาจะลงมือทำอะไรให้ทุ่ม 120% ทำให้ดีที่สุดทำให้มากกว่าที่คิดว่าเราจะทำได้ ฉะนั้นเวลาอาจารย์สั่งงานวาดภาพ 4 ชิ้น ทรายจะทำเพิ่มเป็น 6-7 ชิ้น เพราะจะได้เลือกชิ้นงานที่ดีที่สุด”
“ทรายสนิทกับคุณแม่มาก คุณแม่เป็น save zone บางครั้งไม่ต้องคุยกันก็ได้แค่คุณแม่นั่งอยู่ใกล้ ก็รู้สึกอุ่นใจ มีอะไรโทรปรึกษาคุณแม่ตลอด ช่วงแรกที่ไปเรียนอเมริกา คุณแม่ก็ปล่อยให้บินไปคนเดียว ไปอยู่กับรูมเมต ส่วนตัวทรายเป็นคนพูดไม่เก่ง ก็มีกังวล แต่คุณแม่ก็คอยให้กำลังใจเสมอ”

คุณแม่ คือแรงผลักดันให้กล้า และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
ด้วยความชื่นชอบงานศิลปะและมีคุณแม่เป็นผู้ให้กำลังใจ ทำให้ลูกสาวคนเดียวผู้ที่ถูกคาดหวังให้รับช่วงบริหารกิจการของครอบครัว น้องทราย ดมิสา ตัดสินใจมุ่งมั่นเรียนด้านศิลปะ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ปิดกันที่จะเรียนรู้งานด้านอื่น ๆ
คุณทราย ได้เผยถึงคุณแม่ว่า “คุณแม่ไม่เคยบังคับว่าจะต้องเรียน บริหาร เศรษฐศาสตร์ ต้องรับช่วงกิจการ คุณแม่ปล่อยให้ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่จะคอยแนะนำว่า ให้ลองเรียนหลายๆ อย่าง เพื่อจะได้มองโลกได้กว้างขึ้น ตอนนี้เรียนศิลปะก็จริงแต่ก็สนใจเรื่องออกแบบตั้งเป้าไว้ว่าอยากเรียนต่อปริญญาโทที่ Harvard Graduate School of Design สาขา Design Studies ด้าน Narratives”
“คุณแม่สนับสนุนเต็มที่ ท่านอยากให้เราลองทำสิ่งที่ท้าทายตัวเอง อย่างล่าสุดกำลังทำโปรเจกต์พิเศษกับ โลตัส อาร์ต เดอ วีฟร์ ซึ่ง คุณรอล์ฟ วอน บูเรน ท่านเห็นภาพวาดของทราย เลยเปิดโอกาสให้นำผลงานไปขายที่ร้าน และให้เพนต์ภาพลงบนไข่นกกระจอกเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะได้วาดภาพบนวัสดุอื่นๆ รู้สึกตื่นเต้นและกดดัน แต่คุณแม่ให้กำลังใจและเชื่อว่าถ้าตั้งใจทำอะไร ต้องทำให้สุดกำลัง”