ครอบครัวนี้มีคุณพ่อ (กฤษฎี จูงวัฒนา) อดีตโปรกอล์ฟที่เคยเปิดโรงเรียนกอล์ฟอยู่ในธนาซิตี้ ถึงขนาดจ้างโค้ชจาก IMG Academy ที่ฟลอริดา ซึ่งเปรียบเสมือน ‘โรงผลิตนักกีฬาระดับโลกแทบทุกแขนง’ มาปั้นโปรกอล์ฟ ตัวเขาเองก็เคยผ่านหลักสูตร Sport Coaching ที่ Griffith University ใน Gold Coast ก่อนไปต่อที่ AGA เมืองเดียวกันในออสเตรเลีย
ที่นั่นเองที่เขาได้พบกับคุณแม่ (มารินี จูงวัฒนา) เมื่อครั้งที่เธอไปเข้ารับการฝึกเป็นโปรกอล์ฟเหมือนกัน ก่อนที่เธอจะเบนเข็มกลับมาทำงานบริษัท ส่วนคุณพ่อกลับมาทำธุรกิจส่วนตัว
ในช่วงปิดเทอมหนึ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของน้องเจมม่าในวัยสี่ขวบครึ่งไปเรียนเทนนิสที่แร็คเก็ตคลับ คุณพ่อจึงฝากน้องไปเรียนด้วย “ตอนแรกตั้งใจจะให้เรียนกอล์ฟ เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้หมดแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นเขายังแข็งแรงไม่พอเลยให้เรียนเทนนิสก่อน แล้วเราก็ไม่สนใจไปดูเลย เขาก็ไปกับพี่สาวตลอด ตอนโค้ชบอกว่ามีแวว เราก็นึกว่าเขาคงอยากให้กลับไปเรียนอีกเรื่อยๆ ก็ยังไม่สนใจดู ยังไงก็จะให้ตีกอล์ฟแน่นอน

“ทีนี้พี่เขยมาบอกอีกครั้ง ไปดูหน่อยนะ มีแววแล้ว เราก็เลยไปดู พอไปเห็นครั้งแรก ท่าวิ่งท่าอะไรดูธรรมชาติมาก ก็เลยคิดว่าถ้าเขาชอบก็น่าจะทำได้ดี” คุณพ่อบอกกับเรา น้องเจมม่าวัย 12 หมาดๆ เสริมว่า “ไม่ชอบเล่นกอล์ฟ มันน่าเบื่อ เล่นเทนนิสยังได้วิ่ง ชอบวิ่งค่ะ แล้วยังได้ตีโฟร์แฮนด์ แบ็กแฮนด์ ถ้าตีกอล์ฟ วิ่งก็ไม่ได้ ได้แต่ยืนแล้วตีลูก”
“โค้ชบอกว่าถ้าจะเป็นทีมชาติก็ต้องให้เวลาเพิ่มขึ้น” คุณแม่เล่ายิ้มๆ ถึงจุดเริ่มต้นจริงจังของน้องเจมม่าในวัยเพียง 5 ขวบ เมื่อเริ่มหาที่เรียนจริงจังที่เหมาะกับช่วงเปิดเทอม เลยลองไปที่ Spin and Slice สุขุมวิท 50 หลังเลิกเรียนจาก NEW International School of Thailand ก็ไปฝึก แต่ตอนนั้น 5 ขวบยังเทรนหนักไม่ได้” และจากการทดสอบของโค้ชทีโม่พบว่า เจมม่าถนัดซ้ายเหมือนคุณแม่ ซึ่งมีปฏิกิริยาตอบโต้รวดเร็วและแข็งแรงกว่าแขนขวา
คุณแม่เล่าว่า “6 ขวบครึ่งเจมม่าก็เริ่มแข่งแล้วค่ะ เพราะอายุน้อยสุดคือ รุ่นอายุต่ำกว่า 8 ขวบ เมื่อมีแข่งก็ต้องมีซ้อม เลิกเรียนมาถึงคอร์ตก็ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง เสร็จประมาณ 1 ทุ่ม แต่ไม่ได้ตีเทนนิสตลอดนะคะ ก็มีเล่นเกม มีกิจกรรมอื่นๆ ตั้งแต่ตอนนั้นมาถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เบื่อนะคะ บางทีไปแข่งต้องตื่นเช้ามากน้องก็ไม่งอแง เขารู้หน้าที่ เพราะเขาชอบนั่นเอง”

เจมม่าสามารถคว้าชัยชนะในระดับสากลทั้งในไทยและต่างประเทศหลายสนาม ล่าสุดได้มีโอกาสร่วมแข่งขันแม็ตช์ใหญ่ระดับที่นักเทนนิสมือวางอันดับต้นๆ ของโลกล้วนเคยผ่านสนามนี้ นั่นคือ Orange Bowl ที่ไมอามี ฟลอริดา และ Eddie Herr, IMG Academy ที่ Bradenton ฟลอริดา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยทางคุณพ่อคุณแม่ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เพราะเห็นว่าเจมม่าควรได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ในสนามที่ยิ่งใหญ่สักครั้งด้วยตนเอง
“โปรดังๆ อย่างโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ก็ชนะแม็ตช์นี้ตอนอายุ 14-16 ปี แต่เนื่องจากแม็ตช์นี้จัดตามแรงกิ้งของโลก เราต้องขอให้ทางลอนเทนนิสรับรองเจมม่าเป็นนักกีฬาของไทย โดยเขาออกจดหมายรับรองให้เราเข้าไปเล่นได้ ซึ่งทำได้เพียงประเทศละ 2 คนเท่านั้น โดยพิจารณาตามระดับการเล่นด้วย”
ถึงแม้เจมม่าจะไม่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันครั้งนี้ แต่เธอก็ได้ประสบการณ์ที่ครอบครัวเห็นว่าคุ้มค่ามากว่า ถ้าไม่ไปเห็นตรงนั้น ก็จะไม่ทราบว่าเด็กรุ่นเดียวกันชาติอื่นไปถึงไหนกันแล้ว

ตอนนี้น้องเจมม่าเรียนอยู่ Grade 6 แต่ไปเข้าคอร์สเทรนนิ่งที่ Impact Tennis Academy ได้ราว 4-5 ปี โดยมีโค้ช Stephen Koon สัญชาติออสเตรเลีย เชื้อสายมาเลเซีย ซึ่งเคยคร่ำหวอดอยู่ในสถาบัน IMG ที่ฟลอริดามาหลายปีเป็นผู้ดูแลการฝึกซ้อม
นอกจากจะเล่นเทนนิสแล้ว น้องเจมม่ายังว่ายน้ำ เล่นบาสเกตบอล ซอฟท์บอล ซ็อกเกอร์ วอลเลย์บอล ซึ่งดีต่อการเล่นเทนนิส เรียกว่ายังไงๆ ก็จะจริงจังกับเทนนิสอย่างแน่นอน เราจึงขอให้น้องแจกแจงข้อดีของเทนนิสให้เราฟังเป็นการปิดท้ายเสียเลย
“การเล่นเทนนิสทำให้รู้จักวางแผน อันไหนมาก่อน อันไหนมาหลัง สามารถจัดการงานให้เสร็จได้ในห้องเรียน เวลาที่เพื่อนโดนครูดุร้องไห้ ก็จะรู้สึกว่าร้องไห้ทำไม เรื่องนิดเดียว คือโลกแห่งความกดดันในเทนนิสมันมากกว่าเยอะค่ะ”
ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ใน HELLO! Education 2020 สั่งซื้อได้ที่โทร.084-079-5678,089-921-1174 หรือ shop.burdathailand.com จัดส่งฟรีทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน 2563