Home > Education > สวยและเก่ง…อยากทำอะไร ก็ตามใจลูก เคล็ดไม่ลับของ ‘คุณแม่โอ๋-บุปผา กิ่งชัชวาลย์’!!!

ใครว่าวงการจิวเวลรี่นั้นมีแต่ความเลิศหรู อยู่ง่าย…ขอบอกตรงนี้เลยว่า “ไม่จริง!!!” เมื่อตำแหน่งผู้บริหารหัวเรือใหญ่ Sincere Jewelry ที่ต้องดูแลธุรกิจทุกขั้นตอน พ่วงมาด้วยบทบาทหน้าที่ของคุณแม่ลูก 3 งานนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับ ‘คุณแม่โอ๋-บุปผา กิ่งชัชวาลย์’ ที่สำคัญเธอนั้นกลับทำได้อย่าเพอร์เฟ็คทั้ง 2 สถานะซะด้วย แต่จะมีวิธีอย่างไหร่นั้น วันนี้ HELLO! จะพาไปหาคำตอบกัน

‘คุณแม่โอ๋-บุปผา กิ่งชัชวาลย์’

เริ่มกันที่ลูกสาวคนโต  ‘คุณพลอย-จิตติกา กิ่งชัชวาลย’ ที่ปัจจุบันนี้ใกล้จบปริญญาโท ที่ University College London แล้ว แต่กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้นั้น คุณแม่โอ๋วางรากฐานทั้งการเลี้ยงดู และทางการศึกษาเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นเข็มทิศชี้นำเส้นทางจนประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้

“ตอนที่ตัดสินใจส่งน้องพลอบไปเรียนที่อังกฤษซึ่งเป็นวัยที่กำลังต้องการความใกล้ชิด และเขายังเด็กมาก แต่เรามองว่าเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาดูแลตัวเองได้เร็วที่สุด อยากให้เขามีการศึกษาที่ดี เป็นผู้ใหญ่ และให้ลูกรับผิดชอบตัวเอง ยิ่งเขาเริ่มต้นเร็วเขาก็จะรับผิดชอบตัวเองได้เร็ว” คุณแม่โอ๋เล่า

คุณแม่โอ๋ และ ‘น้องพลอย-จิตติกา กิ่งชัชวาลย’

“ทั้งหมดทั้งปวงคุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถใส่ความต้องการของตัวเองเข้าไปในลูกได้ สิ่งที่เราทำได้คือเป็นเข็มทิศ ลูกเป็นผู้เดินทาง เขาต้องพบจุดมุ่งหมายด้วยตัวเอง ความชอบของลูกแต่ละคนต่างกัน มีจุดมุ่งหมายต่างกัน เราเป็นแค่เข็มทิศ เราชี้ แต่ลูกเป็นผู้ตัดสินใจ เชื่อมั่นว่าลูกจะมีความสุขกับชีวิตตลอดเส้นทางการศึกษา เพราะหากพ่อแม่บังคับและวางจุดมุ่งหมายให้เลย คิดว่าน้องพลอยคงไม่มีความสุขเหมือนเช่นวันนี้”

 

“การเป็นเข็มทิศในแบบของเราคือ ส่งเสริมสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา อย่างตอนหาโรงเรียนทั้งคุณแม่คุณพ่อ (กอบชัย กิ่งชัชวาลย์) และน้องพลอยจะช่วยกันหาว่าที่ไหนดีและเหมาะกับเขาที่สุด จนมาเจอ Wycombe Abbey School เป็นโรงเรียนประจำหญิงล้วน ในมุมของพ่อแม่ก็ต้องมองความปลอดภัยเป็นหลัก แต่ในทุกก้าวที่ตัดสินใจเราไม่ได้คิดคนเดียว น้องพลอยจะมีส่วนร่วมตลอด พาไปดูโรงเรียนชอบมั้ย สอบได้แล้วชอบหรือเปล่า ให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าอยากไปลองก็ไป ถ้าไม่อยากไปบอกได้ จะได้ไม่มาโทษกันทีหลังว่าเรียนไม่ไหว ไม่อยากให้เกิดปัญหานั้น เราเลี้ยงแบบให้อิสรภาพทางความคิด คุยกันได้ เราไม่สามารถเลี้ยงลูกให้ฟังเราทุกอย่าง เด็กสมัยนี้ทุกคนใฝ่เรียนและใฝ่รู้ เราเป็นแค่คนคอยให้กำลังใจ”

คุณพ่อกอบชัย คุณแม่โอ๋ และ ‘น้องพลอย-จิตติกา กิ่งชัชวาลย’

ด้วยการหลัการเลี้ยงลูกแบบเปิดโลกกว้างและใกล้ชิดเขามากที่สุด ทำให้น้องพลอยเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง “พอลูกได้เรียนที่ Sidney Sussex College, University of Cambridge เราผลักดันลูกไม่ได้เพราะเราไม่ใช่คนเรียน แต่มาจากความมุมานะของเขาเอง เราแค่สนับสนุนในทิศทางที่ดีที่สุด พอเราสนับสนุนเขาและเชื่อมั่นในตัวเขา เขาก็ภูมิใจ มั่นใจ ด้านน้องพลอยเองก็ไม่เคยทำให้คุณพ่อคุณแม่ผิดหวังเลย หลายคนคิดว่าทำไมต้องให้ลูกไปอยู่ในสังคมตะวันตกและอยู่ในวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนเรา ซึ่งมันยิ่งเป็นแรงกดดันให้เราต้องดูแลลูกให้เป็นคนไทยที่อ่อนน้อมถ่อมตน ถึงจะโตเมืองนอกแต่จิตใจต้องเป็นไทย ตรงนี้สำคัญที่สุด น้องพลอยจะไหว้ง่ายมาก เราเห็นก็ชื่นใจเพราะเราเป็นคนไทย”

ภาพสามแม่ลูก เมื่อครั้งให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร เฮลโล เมื่อปี 2015

เพราะเริ่มเรียนและใช้ชีวิตที่อังกฤษตั้งแต่เด็ก เป็นข้อดีทำให้น้องพลอย- จิตติกา กิ่งชัชวาลย์ ปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้เร็ว “พลอยเรียน Bangkok Patana School ตั้งแต่เด็กจนจบเกรด 8 ก็ไปเรียนต่อที่ Wycombe Abbey School ที่อังกฤษจนจบเกรด 13 และต่อที่ Sidney Sussex College, University of Cambridge สาขา English Literature BA พลอยไปตอนอายุ 12 และเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ต้องไปเรียนต่างประเทศ เมื่อมองย้อนกลับไปพลอยว่าเป็นเรื่องดีนะคะที่พลอยไปตั้งแต่ยังเด็ก จึงปรับตัวง่าย ได้เจอเพื่อนดีๆ มีความสุขมาก ไม่รู้จะขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ยังไงดีที่ส่งพลอยไปเรียน เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชิวิต”

“ที่ Cambridge สอนให้เราบาลานซ์เวลาได้ดีขึ้น การปรับตัวไม่ใช่เรื่องภาษาแต่เป็นวิธีการเรียนการสอน ให้ถามคำถาม ถามความเห็น เรียนข้อมูลไปด้วย และแสดงความคิดเห็นหรือโต้แย้งได้ ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งปล่อยให้เราเรียนรู้เอง หาข้อมูลเอง อย่างโปรเจกต์ใหญ่ๆ เขาจะให้โจทย์มาเราก็ต้องหาข้อมูลเอง ยิ่งอยู่มหาลัยฯ เขายิ่งไม่ช่วยอะไรเลย ให้เรารู้จักบริหารเวลา พลอยจะใช้เวลาที่เหลือไปกับการทำละคร พลอยไปงาน The Edinburgh Festival Fringe ที่สก็อตแลนด์ มหาลัยฯให้เงินไปจัดงานที่นู่น พลอยไปโปรดิวซ์ละครของมหาวิทยาลัย บางครั้งก็ทำ Stage Managing ไม่ใช่วิชาที่เรียน แต่เป็นกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยให้เลือกทำ”

‘น้องพลอย – จิตติกา กิ่งชัชวาลย์’

“สิ่งที่พลอยเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองคือ เมื่อก่อนเป็นคนเงียบ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง แต่ตอนนี้พลอยมีความสุขกับการเป็นตัวของตัวเอง ไม่กลัวที่จะแตกต่างจากคนอื่น สอนให้เราอยู่กับคนได้หลายแบบและไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับคนอื่น” พลอยฝากถึงคนที่อยากจะไปเรียนที่ Cambridge ว่า “ไม่ควรคิดมากไป ถ้าจะได้มันก็ได้ สิ่งที่พลอยทำคือพยายามหาความรู้นอกห้องเรียน อ่านหนังสือที่เราชอบจริงๆ นอกเหนือจากตำราเรียน เพื่อจะได้มีอะไรคุยเวลาสอบสัมภาษณ์ ทำให้เราเชื่อมั่นในตัวเอง พลอยมีเพื่อนหลายคนที่ฉลาดกว่าพลอยแต่สอบเข้าไม่ได้ เพราะฉะนั้นตั้งใจทำให้เต็มร้อยไปเลยค่ะ”

‘น้องพลอย – จิตติกา,น้องเพชร – ชนิศา และน้องพร้อม – ฐิติภัทร์ กิ่งชัชวาล’

เหนื่อสิ่งอื่นใด ผู้ที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มและความสุขในเส้นทางการศึกษาของเธอก็คือคุณพ่อคุณแม่ “คุณพ่อคุณแม่ทราบว่าพลอยเป็นยังไง ท่านจะปล่อยให้พลอยตัดสินใจเอง ไม่ว่าพลอยจะเลือกอะไรพวกท่านไม่เคยคัดค้านสิ่งที่เราเลือก แต่ขณะเดียวกันไม่ใช่ตามใจแบบไร้เหตุผล เพราะท่านเชื่อมั่นในตัวเราจริงๆว่าเราต้องรู้จักตัวเองดีที่สุด ท่านปล่อยให้พลอยเรียนรู้และผิดพลาดเอง ท่านไม่เคยมากดดันพลอยเลย ปล่อยพื้นที่ให้เราได้เป็นตัวเองเต็มที่โดยที่ท่านคอยดูเราอยู่ห่างๆ ไม่เคยกดดันเรื่องการเรียนว่าจะต้องให้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ ท่านเชื่อว่าพลอยดูแลตัวเองได้ พอท่านเชื่อมั่นในตัวเราก็ยิ่งทำให้เราเชื่อมั่นในตัวเองมากยิ่งขึ้นค่ะ”

เส้นทางการศึกษาที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จึงง่ายเข้าเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไฟเขียวให้คุณพลอยทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ความสำเร็จที่ตามมาจึงเป็นเรื่องน่าชื่นใจของทุกคน

 

…………………………………
Cr.Photos : Buppa Kingchatchaval’s instagram
Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.