Home > Education > กีฬากับการพัฒนาความคิด! ‘คุณกบ-วิไล อิสสระ’ แม่ผู้สรรค์สร้างจินตนาการ

คุณกบ-วิไล อิสสระ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ และ คุณโอฬาร อิสสระ แห่ง Charn Issara Estates ทั้งหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว เป็นภรรยาที่พร้อมสนับสนุนทุกย่างก้าวของสามี และเป็นแม่ของลูกๆ ที่มีแนวคิดเรื่องการเลี้ยงดูที่น่าสนใจ แม้ลูกๆ ทั้งสี่ ขุนพล , ขุนพักตร์ , ขุนรัช และขุนทัพ อิสสระ แม้จะเกิดในตระกูลใหญ่ แต่ผู้เป็นแม่กลับเลือกกล่อมเกลา ปลูกฝัง และเลี้ยงดูให้อยู่กับ ‘พื้นดิน’ เพื่อสัมผัสความเป็นจริงของชีวิต และปลูกฝัง กีฬาเทนนิส ซึ่งจะนำไปต่อยอดชีวิตและพัฒนาความคิดพร้อมๆ กัน  วันนี้ HELLO! จะพามาฟังเคล็ดลับดีๆจากคุณแม่กบกันค่ะ

คุณโอฬาร – คุณวิไล อิสสระ

แม่กับการปลูกฝังแนวคิด ทำในสิ่งที่รัก “โดยส่วนตัวไม่ใช่แม่ที่คาดหวังกับลูกเลย แค่เขารักที่จะเป็นอะไร หรือทำในสิ่งที่อยากทำ เราสนับสนุนเขาในเรื่องนั้นๆ อยากให้เขาหาตัวเองให้เจอมากกว่าว่าชอบอะไร ไม่เคยไปบอกว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มาช่วยงานคุณพ่อ ไม่เคยพูดแบบนั้นกับลูก เพราะมีความเชื่อส่วนตัวว่า คนเราถ้าได้ทำในสิ่งรัก จะทำได้ดีกว่า ถ้าเขารักอะไร ก็จะทำมันได้ดีไปโดยอัตโนมัติ สมัยลูกยังเล็ก ชอบจัดกิจกรรมให้เล่นกัน วันเสาร์ – อาทิตย์กางเต้นท์ในห้องนอนแล้วเข้าไปอยู่ในนั้นทั้งหมด เล่นละครกัน สมมติตัวเองเป็นตัวละครใน Three Little Pigs, Wizard of Oz พูดไดอะล็อกและร้องเพลงกัน ช่วยเขาเรื่องจินตนาการได้ หรือวันลอยกระทงเอาแตงโมมาหั่นเนื้อออก เอาสีมาระบาย ปักธง สนุกสนานกันดี คิดว่าเด็กๆ ต้องมีจินตนาการ อีกสิ่งที่ปลูกฝังลูกมาตั้งแต่เล็กๆ คือเลี้ยงเขากับพื้นดิน ด้วยความที่เรามีฟาร์มอยู่ที่มวกเหล็ก จะพาเขาเที่ยวเล่นที่ฟาร์มทุกอาทิตย์ ไปขี่ม้า เก็บผัก เก็บไข่ไก่ ให้ชวนเพื่อนๆ ไปด้วย ไปปลูกต้นไม้กัน แล้วดูว่าต้นไม้ของใครจะโตที่สุด สอนให้เขาอยู่บนพื้นดินและติดดิน ไม่ค่อยพาเขาไปเดินห้างสรรพสินค้า คิดว่าเด็กๆ ไปแบบนี้สนุกกว่า แล้วจะได้ความคิดสร้างสรรค์ด้วย วิ่งไป ล้มไป ก็แข็งแรง”

คุณโอฬาร – คุณวิไล – คุณขุนพล – คุณขุนพักตร์ – คุณขุนรัช – คุณขุนทัพ อิสสระ

ครอบครัวเทนนิส ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ เพราะคุณโอฬาร อิสสระ เป็นอดีตนักเทนนิสทีมชาติไทย เป็นคนไทยคนแรกที่เข้าร่วมแข่งขันเทนนิสในระดับ ATP เคยเป็นโค้ชให้กับนักเทนนิสชื่อดังอย่างภราดร ศรีชาพันธุ์ และแทมมารีน ธนสุกาญจน์ ส่วนคุณปู่ คุณชาญ อิสสระ เคยเป็นแชมป์เทนนิสภาคใต้ “ครอบครัวเราเป็นครอบครัวกีฬา อยากให้เขาเล่นกีฬาเพราะช่วยเรื่องความแข็งแรงและเอาตัวรอด เริ่มจากว่ายน้ำ เพราะนอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังทำช่วยเหลือตัวเองได้เผื่อเดินทางทางน้ำ แต่กีฬาที่อยู่พวกเขาจริงจังก็คือ เทนนิส ด้วยความที่คุณพ่อเป็นทั้งนักธุรกิจและนักเทนนิสด้วย ลูกๆ เลยจับแร็คเกตตั้งแต่เด็ก โตมากับบรรยากาศของกีฬาเทนนิส”

คุณขุนทัพ – คุณวิไล – คุณโอฬาร – คุณขุนพล อิสสระ

กีฬาเทนนิสเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยไม่ต้องบังคับหรือผลักดัน ลูกทุกคนประสบความสำเร็จในเทนนิส และสามารถนำไปต่อยอดในการศึกษาและชีวิตด้านอื่นได้เป็นอย่างดี “สมัยเล็กๆ เวลาเลิกเรียนคุณแม่จะจัดกระเป๋าเทนนิสเรียงกัน 4 ใบ พอไปรับจากโรงเรียนบางกอกพัฒนามา ก็แต่งตัวเปลี่ยนชุดกีฬากันบนรถตู้ ถึงคอร์ทมีผู้ช่วยโค้ชมานำวอร์มอัพเพื่อรอคุณพ่อมาสอนหลังเลิกงาน คุณพ่อสอนตั้งแต่เบสิกเลยเป็นแบบนี้ทุกวัน วันละประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วกลับถึงบ้านประมาณ 1 ทุ่ม อาบน้ำทานข้าวเรียบร้อย เข้าห้องเรียนทั้ง 4 คน จะเป็นหน้าที่คุณแม่สอนทำการบ้าน ชีวิตเป็นแบบนี้ทุกวันยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ จะมีแข่ง จริงๆ ช่วงแรกเด็กๆ ยังไม่ถึงกับต้องแข่ง แต่เวลาคุณพ่อไปเป็นโค้ชให้ภราดรหรือแทมมี่ พวกเขาจะไปดู หรือบางทีคุณพ่อแข่ง เขาก็ไปดูด้วย พอไปอยู่ในบรรยากาศแบบนั้น เขาเลยมีแรงบันดาลใจอยากแข่งบ้าง เราโอเค อยากก็ไปสมัคร แต่ต้องซ้อมจริงจังในฐานะนักกีฬา”

หนุ่มๆ ประจำบ้านอิสสระ

“ขุนพล (ขุนพล อิสสระ) เป็นแชมป์เยาวชนประเทศไทยตอน 10 ขวบ และได้แชมป์ชายคู่ และรองแชมป์ประเทศไทยประเภทเดี่ยวอายุ 18 ปี เรียนบางกอกพัฒนาถึง Year 10 ไปที่ Weil Academy เป็นสถาบันเตรียมเด็กเป็นนักกีฬาเทนนิสของมหาวิทยาลัย เขาได้รับทุนนักกีฬาจาก UCI (University of California, Irvine) เรียนทางด้าน International Business และได้ Big West Conference ใน NCAA

คุณโอฬาร – คุณวิไล – คุณขุนพักตร์ – คุณขุนรัช – คุณขุนพล อิสสระ

ส่วนขุนพักตร์ (ขุนพักตร์ อิสสระ) ได้แชมป์ประเทศไทยตั้งแต่ 8 ขวบ และได้ไปแข่งวิมเบิลดันเยาวชน ไปออสเตรเลียนโอเพ่น 2 ครั้ง เล่นจนได้อันดับ 32 ของโลก ได้ทุนนักกีฬามหาลัย Pepperdine และได้เป็น All American ส่วนขุนรัช (ขุนรัช อิสสระ) เคยเล่นคู่กับขุนพักตร์ แล้วได้เป็นแชมป์หญิงคู่ประเทศไทย ตอนอายุ 16 แต่ขุนรัชจะไม่อินกับกีฬามาก จะมีความเป็นผู้หญิง ชอบทำกับข้าว และงานศิลปะ เวลามีงานที่บ้านจะเข้าครัวทำอาหารเป็นเรื่องเป็นเป็นราวมาก ส่วนน้องเล็กขุนทัพ (ขุนทัพ อิสสระ) เล่นเทนนิสให้กับโรงเรียน”

คุณแม่วิไลกับลูกชายคนเล็ก

กีฬากับการพัฒนาความคิด เพิ่มทักษะรอบด้าน ส่งผลต่อการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่รับเด็กที่มีความสามารถหลากหลาย “การที่เด็กเล่นกีฬา นอกจากทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังช่วยเรื่องจิตใจด้วย คือรู้จักคำว่า “แพ้เป็น” และเรียนรู้ที่จะหาจุดบกพร่องของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่สอนยาก แต่เรียนรู้ได้เองจากการเล่นกีฬา เวลาแพ้ต้องเสียใจเป็นธรรมดา วิธีการสอนของคุณพ่อจะให้เขียนเป็นข้อๆ ว่าทำไมถึงแพ้ มีโอกาสนั่งคิด แทนที่จะฟูมฟาย เด็กๆ จะรู้ว่าจุดบกพร่องของตัวเอง แล้วเรียนรู้ว่าต้องพัฒนาตัวเองอย่างไรให้ดีขึ้น ระเบียบวินัยก็เป็นสิ่งที่นักกีฬาต้องมี ส่งผลดีต่อชีวิตด้านอื่นๆ ด้วย ทำให้เขารู้จักการจัดสรรเวลา เพราะต้องทั้งเรียนและเล่นหนัก จะรู้จักเรียงลำดับว่าอะไรคือ Priority ตอนเด็กๆ บางทีก็สงสารเขา อย่างวันเสาร์อาทิตย์เขาคงอยากไปวันเกิดเพื่อน แต่เขามีหน้าที่ต้องแข่ง ต้องรับผิดชอบ เพราะเลือกแล้วที่จะเป็นนักกีฬา เรามักจะบอกลูกว่า เด็กมีหน้าที่ของเด็ก พ่อแม่มีหน้าที่ของพ่อแม่ เราต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง การเป็นนักกีฬาช่วยให้เขามีโอกาสได้เห็นเพื่อนหลายแบบ กีฬาทำให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และตัดสินใจด้วยตัวเองได้ทันที เท่าที่สังเกตลูกๆ สามารถตัดสินใจอะไรได้เอง มีความชัดเจนในตัวเอง ไม่เครียดหรือซีเรียสกับชีวิตมากไป เพราะรู้ว่ามีได้ ก็มีเสีย ซึ่งก็เหมือนในเกมกีฬานั่นล่ะที่มีชนะ ก็ต้องมีแพ้ แล้วไม่ใช่ว่าวันนี้คุณชนะคนนี้ พรุ่งนี้จะชนะอีก พรุ่งนี้อาจจะแพ้ก็ได้ อะไรๆ เกิดขึ้นได้ทุกอย่างทั้งในสนามแข่งแล้วก็ชีวิตจริง เขาเลยไม่ค่อยเครียดกับชีวิต เหมือนว่าเขาได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ผ่านสัจธรรมของกีฬา”

คุณแม่วิไล อิสสระ

ผลผลิตแห่งความสำเร็จในการเลี้ยงดู คุณขุนพลจบการศึกษาจาก University of California, Irvine (UCI) และแบ่งเบาภาระของผู้เป็นพ่อ ด้วยการเป็น Assistant Managing Director ให้กับ Chan Issara Estates สำหรับคุณขุนพักตร์หลังจากจบการศึกษาด้าน Advertising จาก Pepperdine University สนุกกับงานในตำแหน่ง Market Executive ของ Ku De Ta ขณะที่คุณขุนรัชจบ Hotel Management จาก Huddersfield University ประเทศอังกฤษ ส่วนลูกชายคนเล็กคุณขุนทัพศึกษาด้าน Business ที่ Brunel University ลอนดอน “ตั้งแต่เด็กมาแล้วมักจะปล่อยให้ลูกเรียนรู้เอง เป็นเด็กต้องซน เราก็ปล่อยให้ซน คอยดูอยู่ห่างๆ เท่านั้นพอ อยากเล่นก็เล่นเลย ไม่ใช่แม่ประเภทห้ามทุกอย่าง ‘อย่านะลูก’ อย่างพอโตขึ้นหน่อยเราบอกเขาว่าโลกภายนอกมีอะไรเยอะแยะที่ต้องเรียนรู้ มีทั้งคุณและโทษ อย่างเรื่องแอลกอฮอล์ เขาอยากลอง ก็ให้ทดลองดื่มที่บ้านเลย สอนเขาดื่มไวน์ ไวน์ขาวต้องทานกับอาหารทะเลนะ ไวน์แดงต้องทานกับเนื้อ ทานแล้วเป็นยังไง ง่วงนอนใช่ไหม ก็ไปนอน เราไม่ปิดกั้น แล้วสอนว่าถ้ามันมากกว่านี้จะไม่ใช่แค่ง่วง มันทำให้เราคุมสติไม่ได้ เราเริ่มต้นให้เค้าเรียนรู้ที่บ้าน ดีกว่าไปเรียนรู้นอกบ้าน เพราะวันหนึ่งเขาต้องไปเจออยู่ดี

ครอบครัวบ้านอิสสระ

แต่ที่สุดแล้วชีวิตของเขาก็เป็นของเขา เราเป็นเหมือนคนที่คอยสนับสนุนในสิ่งที่เขาอยากเป็น คิดว่าตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะเลือกเองได้ เหมือนเราส่งเขาถึงฝั่งแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของเขาเองที่จะไปต่อ อะไรถูก อะไรผิด ต้องคิดเอง หน้าที่ของแม่เหมือนให้ภูมิคุ้มกันเขาตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อโตขึ้นเราคงไม่สามารถไปจำกัดโลกภายนอกให้เขาได้ จึงต้องสร้างภูมิต้านทานให้เขาก่อน”

………………………………………………………………………………………..

Cr. Khunpoli Instagram

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.