Home > Education > เปิดใจนิโคล เทริโอ ซิงเกิ้ลมัมคนเก่งของทิกเกอร์ลูกชายสุดหล่อ

การเลี้ยงลูกตามลำพังล้วนมีอุปสรรคมากมายที่ต้องเผชิญ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีจัดการชีวิตและรับมือกับบทบาทหน้าที่ที่ต้องเป็นทั้งแม่ พ่อ พี่ และเพื่อน ให้กับลูก ดังเช่นที่คุณแม่สุดสตรองที่มีลูกชายวัยรุ่น อย่างคุณนิกกี้-นิโคล เทริโอ ที่ต้องยอมรับว่าการเลี้ยง ‘ทิกเกอร์’ ในแบบฉบับของเธอเองนั้น ทำให้เราเห็นภาพความน่ารักของแม่ลูกคู่นี้เสมอ

“ทิกเกอร์เป็นครูที่ดีสำหรับกี้ เขาสอนเรื่องการใช้ชีวิตให้กี้เยอะมาก รวมถึงการพยายามทำชีวิตตัวเองให้ดี เพื่อลูกจะได้มีชีวิตที่ดี กี้ไม่ได้เก่ง ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงลูก ผิดๆ ถูกๆ เรียนรู้กันไป มีอย่างเดียวคือ รู้หน้าที่ของตัวเอง”

ด้วยอาชีพนักแสดงของคุณนิกกี้ ทำให้แม่ลูกคู่นี้อยู่ในสถานะ ‘รักแต่ไม่ได้ตัวติดกัน’

“ตอนนี้ทิกเกอร์อายุ 15 ปีแล้ว จริงๆ แล้วกี้กับทิกเกอร์อยู่กันแบบรักแต่ตัวไม่ได้ติดกัน เพราะกี้ต้องทำงาน ไม่ค่อยได้อยู่กับเขา ยิ่งถ้าตัวเองมีงานละครเวทีแทบไม่ได้เจอลูกเลยเพราะต้องซ้อม แต่เราสองคน connect กันอยู่ตลอด ถามว่าเป็นห่วงเขาไหม แน่นอนค่ะ ยิ่งเป็นวัยรุ่นผู้ชายกี้คิดว่าเราต้องสอนเขาหลายๆ เรื่อง แม้บางทีต้องพูดเรื่องที่เขาเขิน แต่เราก็ต้องพูด พูดทุกอย่าง เรื่องเพื่อน เรื่องผู้หญิง เรื่องเพศ หรือเรื่องอะไรต่างๆ ที่ทำให้เด็กสับสนได้ กี้จะบอกลูกว่า อย่ารีบ มีเวลาอีกเยอะ ชีวิตอีกยาวไกล ตอนนี้ให้เอ็นจอยความเป็นเด็กดีกว่า”

คุณกี้ยังบอกอีกด้วยว่า เธอนั้นโชคดีมากที่ลูกชายเป็นเด็กนิ่งและมีสมาธิสูง แต่ alert และ aware ทุกอย่าง เป็นเด็กผู้ชายที่นิ่ง เท่ และคูล

mum and son
คุณแม่นิโคลและทิกเกอร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

“เขาเป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่มาก ไม่เม้าท์ ไม่พูดเรื่อยเปื่อย ไม่เคยพูดไม่ดีเกี่ยวกับใครเลย บางทีกี้เหนื่อยก็จะบลาๆๆๆ ของกี้ไป ทิกเกอร์ก็จะนิ่งและจะมีคำพูดที่ทำให้หม่ามี้มองแง่ดี คือเขาเป็นคนที่พยายามจะทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกดีขึ้น ไม่เคยมองอะไรในแง่ลบ ไม่เคยน้อยใจ หรือมองชีวิตตัวเองว่าแย่ เขาเป็นคนคิดด้วยเหตุผล ไม่คิดด้วยอารมณ์ ไม่เหมือนกี้ที่อารมณ์มาก่อนเหตุผล”  คุณแม่คนงามพูดพลางหัวเราะ

และจนบัดนี้แม้จะยุติชีวิตคู่กับพ่อของลูก แต่เธอก็ยังเป็นเพื่อนกับอดีตสามีและครอบครัวของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่พิเศษมาก

“ความที่กี้เป็นเพื่อนกับพี่แมวและกับบ้านเขา เลยทำให้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากกับลูก กี้ไม่ได้ลงดีเทลว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นแฟมิลี่เพราะอะไร ตอนนั้นทิกเกอร์อายุแค่ 2 ขวบเอง ยังไม่ต้องรู้เยอะขนาดนั้น รู้แค่ว่าไดนามิกตรงนี้ดีที่สุด เวิร์กที่สุดสำหรับทุกคน การออกมาจากสถานะแต่งงานแล้วมาเป็นเพื่อนกันดีกว่า เพราะถ้ายังอยู่ตรงนั้น ความเป็นเพื่อนก็อาจจะไม่มีอยู่ เป็นการตัดสินใจของทั้งคู่ที่กี้มองว่าเราตัดสินใจถูกจนถึงวันนี้ เรามีแต่เรื่องบวกให้กับลูก เราไม่เคยพูดอะไรในเชิงลบ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับใคร หรือโทษใคร หรือโทษตัวเอง ไม่เอาตรงนั้นไปใส่ให้ลูกเพราะมันไม่มีประโยชน์ ลูกต้องเห็นพ่อแม่ในมุมที่ลูกต้องรู้ พ่อแม่รักลูก แล้วทำทุกอย่างเพื่อลูก รู้แค่นี้”

แม้คุณแม่กี้จะจบการศึกษาในระบบอเมริกามาก่อน แต่เธอกลับชอบการศึกษาระบบอังกฤษมากกว่า ด้วยเหตุผลว่าวิชาการแน่นกว่า ปัจจุบันน้องทิกเกอร์เรียนที่ St. Andrews International School แล้วในฐานะที่เธอและอดีตสามีล้วนเป็นนักร้องนักดนตรีระดับซูเปอร์สตาร์ ทำให้เราอดถามไม่ได้ว่า ทิกเกอร์มีพรสวรรค์ด้านนี้เหมือนพ่อกับแม่หรือไม่

ืnicole and son at the Premier of Thai musical theatre
ในการแสดงละครเพลงรอบปฐมทัศน์ของเรื่อง บัลลังก์เมฆ

“ไม่เหมือนเลยค่ะ กี้เชื่อในพรสวรรค์นะคะ แต่ถ้าไม่เรียนก็ไปได้ไม่ไกล ถูกไหมคะ เช่นแม่เป็นนักร้อง ไม่ได้หมายความว่าลูกจะร้องเพลงเก่งได้เลย ต้องเรียน กี้ส่งทิกเกอร์เรียนกีต้าร์ตั้งแต่ 8 ขวบ ตอนนี้เล่นได้หลายแบบแล้ว ครูที่สอนเป็นครูจาก Berklee College of Music แล้วทิกเกอร์ตีกลองเก่ง ซึ่งกลองเนี่ยไม่ได้เรียนแต่ชอบ กี้เลยซื้อชุดกลองไฟฟ้าให้ กลับบ้านเขาจะซ้อมวันละ 2 ชม. ไม่ได้เรียนก็จริง แต่จับจังหวะได้เอง และด้วยความที่ซ้อมเป็นประจำเลยกลายเป็นดี

“ส่วนวันเสาร์กี้ให้เรียนร้องเพลงค่ะ เพราะว่าเขาชอบร้องเพลงแต่ร้องไม่เก่ง เลยบอกว่า งั้นยูต้องเรียน กี้ให้เรียนตั้งแต่ตอนเสียงเขาเริ่มเปลี่ยน แล้วก็ให้เทรนยกน้ำหนัก ให้ออกกำลังกาย เพราะเขาสามารถฝึกตรงนี้ได้แล้ว ฟังที่กี้เล่ามาอาจจะรู้สึกว่ากี้ให้เรียนโน่นเรียนนี่ แต่จริงๆ แล้ววันละชั่วโมงเอง แทนที่จะเลิกเรียนแล้วไปเดินห้าง กี้ว่าให้เข้ายิมดีกว่า ส่วนกีฬาอื่นๆ เช่น ว่ายน้ำ บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ฯลฯ ที่โรงเรียนเขาก็เล่นอยู่แล้ว”

Mother nd son after the show
คุณลูกชายมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจคุณแม่

นอกจากนี้คุณกี้ยังเป็นแฟนคลับตัวยงหมายเลข 1 ของทิกเกอร์ผู้เป็นลูกชาย “เขาเจ๋งยิ่งกว่ากี้อีกนะคะ อย่างเราเล่นละครเวทีเพราะเป็นอาชีพเรา แต่สำหรับเขาคือการได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเขาเองจริงๆ ไม่เกี่ยวว่ายูเป็นใคร เป็นลูกใคร เขาดีใจมากที่ได้เป็นอะลาดินในละครเวทีเรื่อง ‘อะลาดิน’ เพราะเป็นโปรดักชั่นใหญ่ของโรงเรียน เมื่อสองปีที่แล้วเขาก็เป็นแดนนี่ในละครเวทีของโรงเรียนเรื่อง Grease ที่จอห์น ทราโวลตา เคยเล่น กี้ก็ปลื้มไปสิ นั่งดูแล้วร้องไห้อยู่กับพวกแม่ๆ

“ทิกเกอร์ทำให้มุมมองความคิดกี้เปลี่ยนไปสองครั้ง ครั้งแรกตอนเริ่มมีเขา จากที่ทุกอย่างคือเราเป็นเซ็นเตอร์ เปลี่ยนเป็นโฟกัสที่ลูก  ลูกคือดวงใจและกำลังใจของเรา ซึ่งพลังที่เราได้มาจากการที่เรารักลูก แล้วลูกรักเรา เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่เราสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก แม้จะเหนื่อยมาก แต่ก็มีแรง มีพลัง มีแรงบันดาลใจ มี goal ที่ชัดเจน แค่นี้ชีวิตก็ง่ายขึ้นแล้ว ทำอย่างไรจึงจะไปถึง goal นั้นให้ได้ เราทำได้ทุกอย่างเลย เป็นความมหัศจรรย์ของมนุษย์แม่ค่ะ”    

 

ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ซิงเกิ้ลมัมอย่างนิโคล เทริโอ ฉบับเต็มได้ใน HELLO! Education 2019 หรือสามารถซื้อฉบับดิจิทัลได้ที่ shop.burdathailand.com

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.