Home > Education > Schools > Homeschool > รู้จักการศึกษานอกกระแส ผ่านโรงเรียนทางเลือก  

 สำหรับผู้ปกครองที่กำลังมองหาโรงเรียนให้ลูก แต่ยังต้องการการเรียนที่ไม่ใช่การยัดเยียดวิชาการแก่เด็กเพียงอย่างเดียว ทว่าเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเผชิญโลก เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองโลกที่ดีในอนาคต โรงเรียนทางเลือก จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ HELLO! Education ได้รวบรวม โรงเรียนทางเลือก ที่อยู่นอกกระแสมาให้รู้จักกัน  

Homeschool 

โฮมสคูล หรือบ้านเรียน เป็นโรงเรียนทางเลือกที่ได้รับการรับรองตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ว่า โฮมสคูลเป็นโรงเรียนทางเลือก ที่จัดการโดยครอบครัวหรือกลุ่มของครอบครัว โดยไม่ได้พึ่งพาระบบการศึกษากระแสหลัก อย่างโรงเรียน หรือระบบการศึกษาของรัฐ ซึ่งดำเนินการโดยครอบครัวหรือชุมชน ตามปรัชญาความเชื่อของคนหรือของชุมชนที่อาจแตกต่างกันไป 

โดยมากการเรียนโฮมสคูลจะสอนโดยพ่อแม่หรือผู้ปกครอง หรืออาจเป็นรวมกลุ่มครอบครัวที่เรียนโฮมสคูลเหมือนกันเป็นครั้งคราว หรือรวมตัวกันเป็นศูนย์การเรียนกลุ่มครอบครัว หรือเข้าร่วมกับโรงเรียนในการประเมินผลนักเรียน หรือให้เด็กโฮมสคูลเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนบ้าง  

Reggio Emilia 

โรงเรียนทางเลือก แนวคิดนี้เป็นของเรจจิโอ เอมิเลีย ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อบ่มเพาะพลเมืองดีและรับผิดชอบต่อโลก โดยมีครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก ผ่านการวาดภาพ การเคลื่อนไหว การเดิน การเล่น ดนตรี ฯลฯ แล้วแต่เด็กจะสื่อสารออกมา    เน้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ สนับสนุนให้เด็กทำงานด้วยกันเป็นกลุ่ม 

ทั้งนี้ครูต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็ก มีความเป็นนักวิจัย และเป็นนักสำรวจ เพื่อพาเด็กๆ ไปสู่การเรียนรู้ที่ก้าวหน้า และมีความอยากที่จะเรียนรู้ นอกจากนี้เด็กควรจะมีแรงบันดาลใจจากสิ่งแวดล้อม โดยที่ครู ผู้ปกครองและชุมชนควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เด็กอยากเรียนรู้ เฝ้าสังเกต ตั้งสมมติฐาน และคอยสำรวจ เพื่อเป็นทักษะติดตัวไปจนชั่วชีวิต 

โรงเรียนทางเลือก
Photo: Unsplash

Montessori 

โรงเรียนทางเลือก แนวนี้เกืดขึ้นเมื่อปลายปีค.ศ.1800 โดย มาเรีย มอนเตสซอรี แพทย์หญิงชาวอิตาเลียน ซึ่งเชื่อว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงกับเด็ก และเชื่อว่าเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงควรให้เด็กแต่ละคนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และควรจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ สนับสนุนเด็กให้หัดใช้อุปกรณ์จริงในกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร หรือทำความสะอาด มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จเล็กๆของตัวเอง และในแต่ละชั้นเรียนจะมีเด็กคละวัย 

Waldorf

โรงเรียนทางเลือก นี้เป็นแนวทางที่เชื่อในมนุษยนิยม โดยให้ความสำคัญกับจินตนาการ รักษาความสมดุลและความเป็นธรรมชาติของเด็ก ตามแนวคิดของนักปรัชญาชาวออสเตรีย รูดอล์ฟ สไตเนอร์ 

เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่นและกิจกรรมต่างๆ โดยคิดและลงมือทำตลอดทั้งกระบวนการด้วยตัวของตัวเอง เพื่อเชื่อมโยงความรู้รอบด้าน กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาจิตวิญญาณ จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ แนวคิดนี้เน้นว่าเด็กคือมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความคิดและจิตใจแตกต่างกัน แต่ละคนก็มีลักษณะเฉพาะตัว และค้นให้พบจุดแข็งและความสามารถในตัวเด็ก 

เน้นการสอนผ่านศิลปะ ดนตรี การเล่น และให้ความสำคัญกับจินตนาการ บรรยากาศของโรงเรียนแนวนี้จะเน้นความอบอุ่นไม่ต่างจากบ้าน และไม่ให้เด็กใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ตหรือทีวีก่อนวัยอันควร เพราะจะเป็นการปิดกั้นจินตนาการและความสร้างสรรค์ 

Project Approach 

แนวทางการสอนของ โรงเรียนทางเลือก แบบ Project Approach นี้ จะหล่อหลอมเด็กให้มีความอยากสำรวจและสืบค้นข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยตัวเองอย่างลึกซึ้ง เป็นการสอนให้เด็กรู้จักวิธีการเรียนรู้ (Learn How to Learn) และสอนวิธีคิดรูปแบบต่างๆ (Learn How to Think) เพื่อให้รู้จักการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง 

นอกจากนี้ครูยังมีหน้าที่เสริมกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตัวเองแก่นักเรียน ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เลข ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคม หรือสุขศึกษาก็ตาม 

โรงเรียนทางเลือก
Photo: Unsplash

High/Scope Approach 

โรงเรียนทางเลือก แนวนี้ต่อยอดจากทฤษฎีพัฒนาการทางจิตวิทยา เพื่อให้เด็กมีอิสระ สามารถแก้ไขปัญหา และมีทักษะการสื่อสารที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในโลกท่ีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ และการเล่นที่เหมาะกับพัฒนาการ 

ก่อนการทำกิจกรรมแต่ละอย่าง นักเรียนจะต้องวางแผนโดยมีครูช่วย ตามด้วยการลงมือทำ แล้วทบทวนสิ่งที่ทำกับครูและเพื่อนนักเรียน ซึ่งเด็กจะเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง โดยที่เด็กจะสนใจเรื่องต่างๆ และมีทางเลือกมากกว่าหนึ่งเสมอ เป็นการเรียนรู้แบบ Active Participatory Learning        

Whole Language Approach 

การเรียนรู้ของ โรงเรียนทางเลือก นี้จะเรียนผ่านการฟัง พูด อ่าน เขียน ที่เน้นให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษาง่ายและเร็วอย่างเป็นธรรมชาติ ในการสอนเด็กปฐมวัยด้วยแนวทางนี้ จะช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้ภาษาด้วยตนเองผ่านการพูด ฟัง อ่าน เขียน โดยไม่ต้องท่องจำ เด็กจะเติบโตอย่างมีจินตนาการ และมีพัฒนาการที่สมวัย เพราะเรียนรู้จากการสร้างสัญลักษณ์แทนภาษา ก่อนจะพัฒนาสู่การอ่านออกเขียนได้ 

นอกจากนี้ครูจะจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กสามารถเล่นเกมส์ถามตอบง่ายๆ เล่านิทานให้ฟัง หรือให้เด็กเล่นบทบาทสมมติ 

โรงเรียนทางเลือก
Photo: Unsplash

Multiple Intelligences

โรงเรียนทางเลือกนี้เป็นการเรียนรู้ที่พัฒนาจากทฤษฎีของโฮวาร์ด กา์ดเนอร์ ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาการพัฒนาชาวอเมริกัน มาตั้งแต่ยุค 80 เขาเชื่อว่าในเด็กคนหนึ่งมีความฉลาดถึง 8 มิติด้วยกัน 

ความฉลาดด้านการพูดและภาษา (Verbal/Linguistic Intelligence) ความฉลาดด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical/Mathematical Intelligence) ความฉลาดด้านมิติสัมพันธ์ (Visual/Spatial Intelligence) ความฉลาดด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Kineaesthetical Intelligence) 

ความฉลาดด้านดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence) ความฉลาดด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น (Interpersonal Intelligence) ความฉลาดด้านการรู้จักตัวเอง (Intrapersonal Intelligence) ความฉลาดด้านธรรมชาติ (Naturalistic Intelligence)  

นักเรียนจะมีพื้นที่เรียนรู้ที่ได้รับการออกแบบให้พัฒนาความฉลาดแต่ละด้านที่แตกต่างกัน มีการผสมผสานระหว่างกิจกรรมกลางแจ้งและในร่ม มีการให้นักเรียนทำงานเดี่ยวและเป็นกลุ่ม ส่งเสริมความสนใจของเด็กเป็นรายบุคคล 

Neo-Humanist

โรงเรียนทางเลือก นี้ถือกำเนิดจากแนวคิดของปราชญ์ชาวอินเดีย P.R.Sarkar ซึ่งเชื่อว่ามนุษย์จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการพัฒนาศักยภาพ 4 ด้านด้วยกัน คือมี (Physical) ร่างกายที่แข็งแรง (Mental) เชื่อมั่นในตัวเอง มีความคิดสร้างสรรค์ (Spiritual) มีจิตใจเมตตาอยากช่วยเหลือผู้อื่น (Academic) มีวิชาความรู้ 

นอกจากจะเชื่อว่าความฉลาดฝึกฝนกันได้แล้ว ยังเน้นกิจกรรมที่ทำให้เกิดคลื่นความถี่ของสมองต่ำ สร้างความสงบทางจิตใจ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ มีการทำโยคะ และนั่งสมาธิก่อนเข้าห้องเรียน และเชื่อว่าพลังบวกเป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังในจิตใต้สำนึกตั้งแต่ยังเด็ก ครูจึงต้องมีความอ่อนโยน และแสดงออกซึ่งความรักเด็กด้วยการกอด 

โรงเรียนทางเลือก
Photo: Unsplash

วิถีพุทธ

โรงเรียนทางเลือก แบบวิถีพุทธเป็นการนำหลักธรรมของพุทธศาสนา มาประยุกต์ใช้กับการสอน ซึ่งเน้นการศึกษาความจริงเป็นที่ตั้ง เรียนเรื่องทางโลกเพื่อนำมาพัฒนาจิตใจ ให้เด็กมีความเข้าใจชีวิตอย่างแท้ จริง ดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควร และมุ่งเน้นความสมถะเรียบง่าย 

การศึกษาแนวนี้เน้นการพัฒนาตามหลักไตรสิกขาอย่างบูรณาการ นั่นคือ ศีล สมาธิ และปัญญา ให้ครอบคลุมการดำเนินชีวิตในทุกๆด้าน เพื่อการพัฒนาที่สมบูรณ์ มีความเป็นกัลยาณมิตรของกันและกัน 

Bilingual 

โรงเรียนทางเลือกนี้เป็นการเรียนแบบ 2 ภาษา นั่นคือภาษาไทยและภาษาที่สอง โดยใช้หลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ การเรียนประเภทนี้เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลาง จึงกล้าคิด กล้าแสดงออก 

สำหรับสองภาษาแบบ EP (English Program) จะจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษแทบทุกวิชา ยกเว้นวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา ส่วนสองภาษาแบบ MEP (Mini English Program) จะจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษไม่เกินครึ่งของชั่วโมงสอนตลอดทั้งสัปดาห์ 

การเรียนจะเรียนกับครูต่างชาติแทบทั้งหมด ยกเว้นวิชาศาสนา ภาษาไทย และสังคมไทย ฯลฯ 

สามภาษา

การเรียนในโรงเรียนทางเลือกนี้ส่วนใหญ่เป็นการสอนด้วยหลักสูตรสามภาษา อังกฤษ จีนและไทย เน้นการเรียนรู้ภาษากับครูชาวต่างชาติ ยิ่งเรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อยก็ยิ่งทำให้การเรียนรู้ภาษาเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ คล้ายกับ Whole Language Approach 

ซึ่งการเรียนสามภาษานี้เป็นการส่งเสริมให้เด็กสามารถแยกแยะข้อมูล สามารถกลั่นกรองเอาความจริงออกจากเรื่องใดก็ตามได้ อันเป็นความสามารถที่มีประโยชน์มากในการดำเนินชีวิตเมื่อพวกเขาโตขึ้น 

ที่มา : aboutmom.co; rakluke.com; wikipedia  

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.