ด้วยความตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์การศึกษาระดับโลกให้กับนักเรียน และมุ่งสู่การเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ หรือ King’s College International School Bangkok จึงเต็มไปด้วยแผนงานมากมาย ที่ส่งผลให้นักเรียนได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพความรู้ความสามารถรอบด้านเพื่อให้พวกเขาไปได้ไกลกว่า โดยปีนี้มีการเปิดหลักสูตร A-level สำหรับนักเรียนมัธยมระดับชั้น Year 12 และ 13 ซึ่งถอดแบบมาตรฐานการศึกษาจากโรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน หรือ King’s College School, Wimbledon (King’s Wimbledon) ประเทศอังกฤษ

มร. แอนดรูว์ ฮอลส์ (Mr. Andrew Halls) Honorary Principal ของ King’s Bangkok และอดีตครูใหญ่ของ King’s College School, Wimbledon (พ.ศ. 2551-2564) ทั้งยังเป็นผู้นำด้านการศึกษาของสหราชอาณาจักร ที่ได้รับรางวัล Best Head จากโรงเรียนทั่วสหราชอาณาจักร และยังได้รับรางวัล The Sunday Times School of the Year กล่าวว่า “การเรียนในช่วง 2 ปีสุดท้ายของโรงเรียน เป็นช่วงที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตการเป็นนักเรียน ก่อนที่พวกเขาจะก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น และเป็นช่วงที่ต้องเริ่มมองถึงอนาคตของตนเองแล้ว หลักสูตร A-level นับเป็นทางเลือกที่ดี และได้รับความนิยมในสหราชอาณาจักรมานานกว่า 60-70 ปี มีการเน้นด้านวิชาการซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก ทั้งในอังกฤษ อเมริกา ยุโรป และไทย”
“A-level เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนในช่วงอายุ 16-18 ปี โดยจะใช้เวลาเรียน 2 ปี ในปีแรก (หรือระดับ Lower 6) นักเรียนจะเลือกเรียน 3-4 วิชาที่สนใจ และน่าจะเป็นพื้นฐานในการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยหรือการประกอบอาชีพในอนาคต และเลือกเรียนอีก 3-4 วิชาในปีที่สอง (หรือระดับ Upper 6) การทำเช่นนี้จะทำให้เด็กนักเรียนมีความรู้ที่กว้างขวาง ในขณะเดียวกันก็ลึกซึ้งพอที่จะสามารถสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้”
“ข้อดีของ A-level คือเป็นหลักสูตรที่มีความยืดหยุ่น นักเรียนสามารถเลือกวิชาให้เหมาะกับความต้องการของตนเอง เราสามารถเห็นพัฒนาการของเด็กนักเรียนในการเรียนรู้ในแต่ละวิชาที่เขาเลือกได้ ขณะเดียวกัน นักเรียนก็สามารถหาความรู้นอกห้องเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกีฬา การแสดง หรือศิลปะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้รวมอยู่ในการเรียนในระดับ Sixth Form ของ King’s Bangkok ทั้งสิ้น” มร. แอนดรูว์ อธิบาย

A-Level ที่ King’s Bangkok
สำหรับหลักสูตร A-Level ที่ King’s Bangkok มร. แอนดรูว์ บอกว่า “ได้จัดเตรียมเพื่อให้นักเรียนเลือกนั้นมีมากกว่า 20 วิชา ทั้งวิชาหลักในหมวดคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ รวมไปถึง Business Studies, Economics, Computer Science, Psychology, Drama and Theatres, Music, Design Technology, และภาษาต่างประเทศอีกหลากหลายภาษา นอกจากนี้ นักเรียนทุกคนยังจะได้ประสบการณ์จากหลักสูตรร่วมผสม (Co-Curricular Programme) โครงการวิจัย Extended Research Project (EPQ) และมีการเรียนโปรแกรม ‘การใช้ชีวิตในโลกสมัยใหม่’ (Living in the Modern World) ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับนักเรียนเฉพาะคน โดยเน้นการวิเคราะห์จากมุมมองระดับนานาชาติรวมถึงผู้ที่เติบโตในไทยด้วย”
“เรามีครูที่เชี่ยวชาญด้านการสอนที่จบการศึกษาจาก University of Oxford และ Cambridge University หรือมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ในขณะเดียวกันเรายังทำงานร่วมกับ King’s Wimbledon อย่างใกล้ชิด ทั้งการให้คำปรึกษาด้านงานวิชาการ การทำข้อสอบ ฯลฯ นอกจากนี้เรายังเริ่มโปรแกรมแลกเปลี่ยนระหว่างคิงส์คอลเลจที่ไทยและอังกฤษ ตอนนี้เรามีนักเรียนจาก King’s Wimbledon มาเรียนที่ King’s Bangkok และมีครูจาก King’s Wimbledon มาร่วมสอนที่นี่เช่นกัน”

นอกเหนือจากหลักสูตร A-level ในแง่ของการบริหารงานภายใน ยังมีการปรับปรุงให้พร้อมรองรับการขยายตัวของจำนวนนักเรียนในอนาคตเช่นกัน ภายใต้การนำทีมของ คุณซาร่า ราฟเฟรย์ (Mrs. Sarah Raffray) Executive Principal ที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการศึกษามากว่า 30 ปี และยังเคยดำรงตำแหน่งประธานสภาครูใหญ่ (HMC) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเผยว่าทีม SLT หรือ Senior Leadership Team ในปีนี้มีการขยายตัวมากขึ้น เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การศึกษาที่ได้มาตรฐานระดับโลก และดูแลนักเรียนและพ่อแม่ผู้ปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
READ: ทำความรู้จัก ‘King’s Bangkok’ โรงเรียนนานาชาติมาตรฐานความสำเร็จด้านการศึกษาสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก!!

ส่วนปีหน้าเตรียมเปิดอาคารเรียนหลังใหม่ The College ที่ประกอบด้วย Sixth Form Centre ที่เป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับนักเรียน Year 12 และ 13, New dining hall ที่พร้อมปรับเปลี่ยนเป็น co-working space ให้ทุกคนได้ประชุมหรือใช้งานในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ และห้องสมุดแห่งใหม่ในรูปแบบ co-learning space และยังเต็มไปด้วยห้องเรียนที่หลากหลายรูปแบบและขนาด สามารถขยายจำนวนห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ได้มากสุดถึง 18 ห้อง รวมถึงมี Design Technology Centre ที่มีห้องปฏิบัติการถึง 6 ห้อง และพื้นที่สำหรับผู้ที่หลงใหลศิลปะทั้งสตูดิโอทำงาน และพื้นที่ในการจัดแสดง
สามารถติดตามบทสัมภาษณ์เพิ่มเติมได้ใน HELLO! Education 2023